อันที่จริงมีแฟนปิศาจแดงจำนวนไม่น้อยแสดงความกังวลตอนรายชื่อ 11 ตัวจริงออกมา เพราะเห็นชื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงเล่นพร้อมกัน

ความกังวลดังกล่าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าช่วงแรกขุนพลผีแดงจะหาโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าและมีลุ้นขึ้นนำหลายครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปแดนกลางของทีมเป็นรองและแนวรับมีปัญหาในการรับมือจังหวะโต้กลับหรือการเปลี่ยนเกมเร็วของฝั่ง เวสต์แฮม ที่สำคัญคือเจอปัญแทบตลอดในจังหวะแทงตามช่องคู่แนวรับ

แฟนบอลจึงได้เห็นจังหวะโดนเล่นงานและถูก ขุนค้อน สวนกลับแบบจะแจ้งหลายครั้งเลยทีเดียว

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เอริก เทน ฮาก ต้องปรับเกมทันทีด้วยการส่ง กาเซมีโร่ ลงไปคุมตรงกลางสนาม ซึ่งแน่นอนว่าอะไรหลายๆ อย่างยังไม่ดีขึ้นทันตาจนกระทั่งตามหลังไปก่อนจากจังหวะหยุดเล่นไปชั่วขณะเพราะสับสนลูกออกข้างจนเปิดพื้นที่เล็กน้อยและกลายมาเป็นเสียประตู

สมาธิที่ขาดหายไปเพียงเสี้ยววินาทีส่งผลเสียหายและยิ่งก่อตัวเป็นความกังวลอันหนักอึ้ง ซึ่งทาง 'อีทีเอช' ไม่รอช้าจัดการส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ ลีซานโดร มาร์ตีเนซ ลงสนาม

ยูไนเต็ด นวดอยู่นานและต้องหวาดเสียวในจังหวะโต้กลับซึ่งเป็นอีกครั้งที่ ดาบิด เด เคอา ช่วยทีมให้อยู่ในเกมจนกระทั่งตีเสมอสำเร็จในนาที 77 

ก่อนหน้านั้นก็ได้เฮไปแล้ว แต่ลูกโขก กาเซมีโร่ โดนปฏิเสธจาก วีเออาร์ แต่มันคือสัญญาณที่ดีเพราะเกมเริ่มเอนมาทาง ปิศาจแดง มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดสกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1 แน่นอนว่าตอนนั้นแฟนบอลจำนวนไม่น้อยคงโอเคหากเกมดำเนินไปถึงช่วงต่อเวลาเพราะใจหนึ่งเชื่อว่าทีมน่าจะบดบี้และทำได้ในช่วง 30 นาทีหลังจากนั้น

แต่แล้วเจ้าหนู อเลฮานโดร การ์นาโช่ ทำประตูสุดสวยปั่นด้วยขวาเสียบตาข่ายแบบหมดจด ต่อด้วย เฟร็ด ที่ยังคงแสดงให้เห็นร่างทองสอยตาข่ายปิดท้ายให้ทีมชนะ 3-1 

ส่วนสำคัญคือการแก้เกมที่เป็นผลและสปิริตของทีมที่ไม่ยอมแพ้แม้จะโดนนำไปก่อน ส่วนหลังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในยุค 'อีทีเอช' ที่พัฒนาให้ทีมแพ้ไม่เป็นและถึงจะโดนก่อนก็ไม่เสียทรงพร้อมเดินหน้าเอาคืนต่อเนื่อง

นัดล่าสุดจึงเป็นอีกครั้งที่ได้รับคำชมเรื่องการแก้เกมและการกระตุ้นทีม โดยเฉพาะการไล่บี้แบบไม่หมดของนักเตะ 

จุดนั้นต้องชี้ชัดไปที่ 'ไอ้หนุ่มพลังม้า' เวาต์ เว็กฮอร์สต์ ที่มีส่วนในการเพรสซิ่งกดดันให้ เวสต์แฮม ตั้งเกมลำบาก แถมคงไม่เป็นการพูดเกินไปหากจะบอกว่าหอกชาวดัตช์มีส่วนกับประตูทั้ง 3 ลูกของทีม

ลูกแรกอาจจะเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ นาเยฟ อาเกิร์ด แต่ทาง เว็กฮอร์สต์ มีส่วนพยายามลอยโฉบตัดหน้าซึ่งเป็นการกดดันให้แนวรับทีมเยือนพลาดกันเอง

ประตูที่สองเป็นคนยิงติดบล็อก อาเกิร์ด และบอลไปข้าทาง การ์นาโช่ ส่วนประตูที่สามนี่ต้องยกเครดิตให้เต็มๆ เพราะหนุ่มเวาต์เพรสซิ่งกองหลังชาวโมร็อกโกจนจ่ายพลาดและเป็น เฟร็ด จบสกอร์

ถือเป็นอีกนัดที่ได้เห็นเรื่องดีๆ ก่อนจะลงทำศึกใหญ่กับ ลิเวอร์พูล วันอาทิตย์นี้ เพราะนอกจากชัยชนะที่ทำให้ทีมเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ การเล่นของทุกคนดูมีความมั่นใจมากขึ้น ที่สำคัญคือสปิริตที่เพิ่มพูนต่อเนื่อง

ถึงจะเป็นเกมที่หวาดเสียวจนถึงช่วงตีเสมอ แต่ท้ายที่สุดทีมได้ไปต่อเพื่อลุ้นความสำเร็จอีกหนึ่งรายการในซีซั่นนี้