โม ซาล่าห์ กับครึ่งทศวรรษแห่งการทำลายสถิติที่แอนฟิลด์
แต่สถิตินี้ไม่ใช่แค่สถิติแรกที่ โม ซาล่าห์ บรรจงขีดเขียนให้ทีม นับตั้งแต่ฤดูกาลแรกจนถึงปัจจุบันนี้ ดาวเตะชาวอียิปต์สรรสร้างสถิติมากมายก่ายกอง จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาไล่เรียงความยอดเยี่ยมของเขาตั้งแต่ปีแรกจนถึงปีนี้กันเลยดีกว่าครับ
ปีแรกของ โม ซาล่าห์ ที่ย้ายจาก โรม่า มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เขาจัดการซัลโวประตูรวมทุกถ้วยทุกรายการได้มากถึง 44 ประตูจาก 52 นัด แยกย่อยออกมาคือเฉพาะในพรีเมียร์ลีกอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 32 เม็ด คว้าดาวซัลโวลีกมาครองอย่างไร้คู่แข่ง เขาทำสถิติมากมายในปีนั้น ไม่ว่าจะเป็นแข้งจากแอฟริกันที่ยิงในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดในฤดูกาลเดียว (32 ลูก), ได้นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมากที่สุดในฤดูกาลเดียว (3 ครั้ง), เป็นนักเตะที่ยิงประตูในลีกมากที่สุด สำหรับการประเดิมฤดูกาลแรกกับทีมใหม่, เป็นแข้งคนแรกในพรีเมียร์ลีกที่มีส่วนร่วมในการได้ประตูเกิน 50 ลูกจากทุกรายการ (39 ประตู 11 แอสซิสต์) และทำสถิติยิงประตูคู่แข่งมากถึง 22 ทีมในฤดูกาลเดียวอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้รางวัลปุสกัส อวอร์ด จากประตูที่ยิง เอฟเวอร์ตัน ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ ไปอีกหนึ่งรางวัล ปีที่สองของ ซาล่าห์ กับ ลิเวอร์พูล ยังคงทำผลงานได้ดีเหมือนเดิมในเรื่องการทำประตู แม้ว่าตัวเลขจะลดลงจากปีแรกแต่เขายังคงเป็นคนสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ โดยยิงไปมากถึง 27 ประตูจาก 52 นัดในทุกรายการ และคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่สองติดต่อกันจากผลงาน 22 ประตูใน 38 นัด โดยเคยมีช่วงเวลาที่ยิงได้ถึง 9 ลูกจาก 8 นัดในลีกช่วงเดือนธันวาคมลากยาวไปถึงมกราคม และทำสถิติยิงประตูถึงหลัก 50 ลูกในพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวนนัดน้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ ฤดูกาลดังกล่าว เป็นปีที่ ซาล่าห์ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปได้สำเร็จ โดยในเกมนัดชิงชนะเลิศกับ สเปอร์ส เขาเป็นคนทำประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 2 พร้อมกับคว้าอันดับสามนักเตะยอดเยี่ยมของยูฟ่า และมีชื่อติด 1 ใน 3 ของนักเตะยอดเยี่ยมจากฟีฟ่าในเวลาเดียวกัน เมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ 3 ฟอร์มของ โม ซาล่าห์ ยังคงรักษามาตรฐานในการทำประตูได้คงที่ต่อเนื่อง นี่คือปีที่สามติดต่อกันแล้วที่เขายิงให้ทีมได้เกิน 20 ลูก และความพิเศษก็คือในฤดูกาล 2019-20 นั้น คือขวบปีที่เขาสามารถพส ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมายาวนานได้สำเร็จ และความพิเศษก็คือในช่วงเดือนมีนาคมเขาทำสถิติยิงในลีกได้ถึงหลัก 70 ลูกจาก 100 นัด ทำลายสถิติของ ตอร์เรส ที่เคยยิงได้ 63 ลูกจาก 100 นัดแรกในลีกลงได้อีกต่างหาก ปีที่ 4 ของเขาคือฤดูกาลที่ท็อปฟอร์มและพีคสุด ๆ ปีนึง เขาทำแฮตทริกได้ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล เป็นนักเตะคนแรกของหงส์แดงในรอบ 32 ปีที่ทำได้ต่อจาก จอห์น อัลริดจ์ และทำสถิติยิงให้ทีมถึงหลัก 100 ประตูได้ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน โดยใช้เวลาแค่ 159 นัดเท่านั้น อยู่ในอันดับสามของนักเตะที่ใช้จำนวนนัดน้อยที่สุดของสโมสร รองจาก แจ็ค พาร์กินสัน กับ โรเจอร์ ฮันท์ ฤดูกาลที่แล้ว ซาล่าห์ สามารถคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกได้เป็นสมัยที่สาม และพ่วงด้วยรางวัลท็อป แอสซิสต์ในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นนักเตะคนแรกของสโมสรที่ทำได้อีกด้วย ยังไม่พอนะครับ เขายังทำแฮตทริกได้ในเกมแดงเดือด และขึ้นแท่นเป็นนักเตะจากแอฟริกันที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดตลอดกาลแซงหน้า ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กับฤดูกาลนี้ แม้ว่า ซาล่าห์ จะฟอร์มดร็อปลงไปบ้างในบางช่วง แต่เขาทำสถิติยิงประตูในเกมเปิดฤดูกาลได้ 6 ปีติดต่อกัน, ทำแฮตทริกในเกมกับ เรนเจอร์ส ด้วยการใช้เวลาแค่ 6 นาที 12 วินาที เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์, ยิงประตูให้หงส์แดงมากที่สุดในถ้วยยุโรป, ยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล มากที่สุดในอันดับ 6 แซงหน้า เคนนี่ ดัลกลิช, ยิงให้ทีมถึงหลัก 20 ลูกได้ 6 ฤดูกาลติดต่อกัน ทาบเท่าที่ เอียน รัช เคยทำได้ ล่าสุด คือการรั้งอันดับหนึ่งของแข้งหงส์แดงที่ยิงในเกมแดงเดือดมากที่สุดตลอดกาล (12 ลูกจาก 12 นัด) และเป็นนักเตะหงส์ที่ยิงในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดตลอดกาลด้วยจำนวน 129 ลูก แซงหน้า ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ไปอย่างยอดเยี่ยม ซาล่าห์ ยังเหลือสัญญากับทีมอีกหลายปี แม้ว่าจะอายุ 31 แล้ว แต่ไฟในตัวเขายังคงลุกโชนและอาจทำลายสถิติอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนจะเป็นอะไรบ้างนั้น อีกไม่นานเราคงได้รู้กัน