"ปืนใหญ่" กลับมาเล่นในยูโรปา ลีก อีกครั้งหลังเว้นช่วงไปนานนับตั้งแต่จบรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม และได้รอในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

มิเกล อาร์เตต้า เปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งจากเกมลีกนัดพลิกนรกแซงชนะ บอร์นมัธ จุดสำคัญคือการประเดิมสนามของ ยาคุบ คีวิออร์ กองหลังตัวใหม่ที่ดึงมาจาก สเปเซีย ในตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา 

คีวิออร์ เซนเตอร์ดาวรุ่งกลายเป็นเอาฟิลด์จากโปแลนด์คนแรกที่ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ชุดใหญ่ หลังก่อนหน้านี้เคยมีเพียงสองผู้รักษาประตู วอยเชียจ เชสนี่ย์ และ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ 

แมตต์ เทอร์เนอร์ รับสัมปทานเฝ้าเสาในรายการนี้อยู่แล้ว ส่วนแดนกลาง จอร์จินโญ่ และ ฟาบิโอ วิเอร่า ได้เล่นแทน โธมัส ปาร์เตย์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด โดยรายของ โอเดการ์ด เดินทางไปโปรตุเกสพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม แต่เจอกากาศเล่นงานจนรู้สึกไม่ค่อยดีนัก จึงไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง  

ส่วนแนวรุกมี รีสส์ เนลสัน ซูเปอร์ซับฮีโร่ยิง 1 จ่าย 1 จากนัดล่าสุด ได้รางวัลตอบแทนลงตัวจริงทำเกมรุกฝั่งซ้าย อีกฟากยังเป็น บูคาโย่ ซาก้า ขณะที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ รับบทหน้าเป้าในช่วงที่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ กับ กาเบรียล เชซุส ยังไม่พร้อม

กาเบรียล เชซุส เกือบมีชื่อติดทีมครั้งแรกในรอบสี่เดือนหลังหายเจ็บกลับมาซ้อมได้เต็มที่ ทว่าสุดท้ายได้เรียกฟิตต่อที่อังกฤษ 

ขณะที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ของ รูเบน อโมริม กุนซือหนุ่มวัย 38 ปี เล่นระบบสามเซนเตอร์โดยมี เซบาสเตียน โกอาเตส อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล เป็นหัวใจสำคัญในเกมรับ 

เกมรับเสียประตูง่าย 

อาร์เซน่อล ใช้การไล่บีบสูงตั้งแต่เริ่มเกม ทำให้ สปอร์ติ้ง ต้องสาดบอลยาวจนกลายเป็นโอกาสลุ้นก่อน กอนซาโล่ อีนาซิโอ หวดโด่งขึ้นหน้าไปถึง เปโดร กอนชัลเวส "โปเต้" กองกลางตัวรุกควบหนี วิลเลี่ยม ซาลีบา จนหลุดเข้าเขตโทษก่อนแตะเข้ายิงด้วยขวา แต่หลุดเสาไกลออกหลังอย่างเสียของ 

โปเต้ รายนี้เป็นดาวซัลโวของทีมที่ยิงไปแล้ว 16 ประตูจากทุกรายการ แต่จังหวะลุ้นครั้งแรกช่วงต้นเกมทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง 

ปืนใหญ่ เคาะบอลหาช่องไปเรื่อยๆ แต่ได้ประตูนำจากลูกเตะมุมที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เปิดให้ วิลเลี่ยม ซาลีบา โหม่งระยะ 6 หลาเข้าไป กองหลังเจ้าถิ่นประกบหลวมมากในจังหวะนี้ หาก ซาลีบา โหม่งไม่โดนก็ยังมี ยาคุบ คีวีออร์ ขึ้นพร้อมกันอยู่ข้างหลัง

หลังได้ประตูนำมีจังหวะฮึดฮัดของ เซบาสเตียน โกอาเตส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ทำให้โดนเหลืองทั้งคู่ แต่ฝั่งสปอร์ติ้งเสียหายมากกว่าเพราะใบเหลืองนี้ทำให้ โกอาเตส ติดโทษแบนนัดสองจากการสะสมเหลืองครบโควตา 

หลังผ่านครึ่งชั่วโมงแรก เกมของเจ้าถิ่นเริ่มดีขึ้น และตามตีเสมอได้สำเร็จจากการยิงหน้าเขตโทษของ กอนซาโล่ อิ๊กนาซิโอ ที่ แม็ตต์ เทอร์เนอร์ ต้องพุ่งปัดปลายนิ้วออกหลัง และจากจังหวะเตะมุม กนาซิโอ ก็ได้โหม่งจ่อๆ ตุงตาข่าย 

อาร์เซน่อล พลาดเช่นกันในการป้องกันลูกเตะมุม ยาคุบ คีวีออร์ กองหลังตัวใหม่ไม่กระโดดขึ้นเบียดเลยทั้งที่อยู่ใกล้สุด อิ๊กนาซิโอ จึงโหม่งอย่างง่ายดาย 

อาร์เตต้า มองจังหวะนี้ "แน่นอนว่าในพื้นที่แบบนั้น ไม่ควรมีใครได้ขึ้นโหม่งอย่างอิสระ และคุณก็เสียประตูค่อนข้างง่ายเกินไป" 

คีวิออร์ ยังไม่เนียนนักในนัดแรก

ลูกยิงไกลของเจ้าถิ่นเกือบนำไปสู่ประตูอีกครั้ง มาร์คัส เอ็ดเวิร์ดส์ กดเต็มข้อด้วยซ้า บอลทำท่าจะเสียบเสาแต่ เทอร์เนอร์ พุ่งปัดได้อย่างยอดเยี่ยม

อาร์เซน่อล เกือบเช่นกันจากเตะมุมที่ กรานิต ชาคา โหม่งเข้ากรอบ อันโตนิโอ อาดาน นายทวารเจ้าบ้านต้องควักออกมาจากเส้น 

ช่วงทดเจ็บ สปอร์ติ้ง พลาดโอกาสทองขึ้นนำ แม็ตต์ เทอร์เนอร์ ส่งบอลเสี่ยงไปนิดให้ ซาลีบา ทำให้โดนฉก แต่บอลยังเด้งกลับมาหา เทอร์เนอร์ ได้ตามตะครุบเอาไว้ 

ช่วงยี่สิบนาทีของครึ่งหลัง เกมเอนเตอร์เทนยิ่งขึ้น อาร์เซน่อล สร้างโอกาสลุ้นยิงเพียบทั้ง มาร์ติเนลลี่, วิเอร่า และ มาร์ติเนลลี่ อีกครั้ง แต่ยังพลาดเป้าไปหมด 

ทว่ากลับเป็น สปอร์ติ้ง แซงนำ 2-1 มาร์คัส เอ็ดเวิร์ดส์ ไหลบอลให้ โปเต้ วิ่งมายิงติดเซฟ บอลเด้งเข้าทาง เปาลินโญ่ กระแทกง่ายๆ เข้าไป 

เป็นอีกครั้งที่แนวรับ อาร์เซน่อล เสียประตูง่ายดายจากจังหวะที่ป้องกันในเขตโทษ คีวิออร์ น่าจะประกบ โปเต้ ได้ดีกว่านี้เพราะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเคลียร์บอลได้ก่อนโดน โปเต้ วิ่งตัดหลังไปยิงจังหวะแรก 

มาร์ติเนลลี่ สร้างโอกาสให้ตัวเองอีกครั้งและเกือบทำประตูแห่งความทรงจำเหมือนวันที่โซโล่ประตู เชลซี ตอนย้ายมาฤดูกาลแรก ครั้งนี้กระชากตั้งแต่แดนตัวเองก่อนหลุดเดี่ยวเขตโทษและแตหนีผู้รักษาประตูไปแล้ว ทว่ามีกองหลังตามมาสไลด์บอลออกหลังหวุดหวิด 

มาร์ติเนลลี่ มีโอกาสเพียบแต่พลาดไปหมด

ความพยายามของ อาร์เซน่อล มาสำเร็จจนได้เมื่อ บูคาโย่ ซาก้า ฉกแย่งบอลก่อนจ่ายต่อไปให้ กรานิต ชาก้า ยิงไกลแฉลบ ฮิเดมาสะ โมริตะ เปลี่่ยนทางเข้าประตู โดยก่อนหน้านั้นไม่ถึงนาที เปาลินโญ่ คนยิงประตูที่สองของเจ้าถิ่นได้โอกาสหลุดเดี่ยว แต่ยิงโด่งไม่เข้ากรอบ

จากที่เกือบเสีย แต่กลายเป็น อาร์เซน่อล ตามตีเสมอได้ แถม โมริตะ กองกลางทีมชาติญี่ปุ่นชุดฟุตบอลโลกล่าสุด มีช่วงเวลาแย่ๆ เพราะเป็นอีกคนที่ได้ใบเหลือง ทำให้ติดโทษแบนนัดหน้าพร้อมกับ โกอาเตส  

อาร์เตต้า ทยอยปรับเกมส่ง กาเบรียล มากัลเญส, โธมัส ปาร์เตย์ และ เอมิล สมิธ โรว์ ลงแทน ยาคุบ คีวีออร์, จอร์จินโญ่ และ รีสส์ เนลสัน แต่ช่วงเวลาที่เหลือเหมือนต่างฝ่ายต่างพอใจกับสถานการณ์ที่สกอร์เท่ากัน 

อาร์เซน่อล ตั้งเป้าเก็บชัยชนะให้ได้ แต่ด้วยสถานการณ์หลายอย่าง อาร์เตต้า ก็พอใจแล้วกับผลเสมอ 

"เมื่อคุณเสียประตูง่ายๆ อย่างที่เราเสียนอกบ้านในเกมยุโรปวันนี้ มันก็ยากมากๆ ที่จะได้ผลการแข่งขันที่ดีอย่างที่ต้องการ"

"เราปล่อยให้พวกเขามีความหวังจากการที่เราเสียบอลในแดนตัวเองหลายครั้ง เราคอนโทรลเกมได้เป็นเวลานาน แต่ขาดในเรื่องจังหวะสุดท้าย และจากการที่เราไม่มีผู้เล่นแนวรุกสำคัญถึงสี่ราย เราก็พอใจแล้วกับผลเสมอ"

นอกจาก เชซุส, เอ็นเคเทียห์ และ โอเดการ์ด ที่พลาดช่วยทีมแล้ว เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่เจ็บจากนัดล่าสุด ก็เป็นอีกคนที่ไม่พร้อมลงสนาม 

"การเปลี่ยนผู้เล่นหกคนทำให้การเล่นร่วมกันเสียไป แต่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะบางคนลงเล่นไม่ได้ และบางคนก็ไม่ได้เล่นตำแหน่งตัวเอง แต่พวกเขาก็ทำได้ดี" อาร์เตต้า กล่าว

แน่นอนว่า อาร์เตต้า มองเห็นจุดบกพร่องของลูกทีมหลายอย่างทั้งการเสียบอลง่าย การป้องกันในเขตโทษ และไม่อันตรายมากพอในการจังหวะสุดท้าย  

แต่นัดสอง อาร์เซน่อล จะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสียงเชียร์กับการเล่นในบ้าน และสภาพทีมน่าจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โอเดการ์ด พร้อมลุยแน่นอน และอาจรวมถึง เชซุส กับ เอ็นเคเทียห์ 

ขณะที่ สปอร์ติ้ง เจอปัญหาใหญ่สองจุดคือการขาดหายไปของ โกอาเตส และ โมริตะ ที่ติดโทษแบน ทว่าสองนัดหลังที่บุกเยือนทีมอังกฤษในถ้วยยุโรป พวกเขาไม่แพ้กลับออกไปเลยทั้งการเจอ แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลก่อน และ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้ 

"เราเสียสามหรือสี่ตัวรุกของเราไป แต่ในการแข่งขันนี้ หากคุณต้องการผ่านไปให้ได้ คุณก็ต้องเจอกับช่วงเวลายากลำบาก"

"เรารู้ว่าเรายังมีหวัง ทุกอย่างยังเปิดกว้างในเกมที่เอมิเรตส์ และหวังว่าเราจะทำผลงานได้ดีขึ้น และคู่ควรกับการชนะ" อาร์เตต้า ทิ้งท้าย 

นอกจากต้องเล่นให้ดีขึ้นเพื่อเอาชนะให้ได้แล้ว อีกสิ่งที่ทั้งสองทีมได้เรียนรู้จากนัดแรกคือต้องลดความผิดพลาดให้น้อยกว่าเดิมซึ่งนี่อาจเป็นสิ่งชี้วัดการเข้ารอบได้เลย