สำหรับเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าตัวเก่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยิงประตูอย่างต่อเนื่อง โดยเขาลงเล่นให้กับ “เรือใบสีฟ้า” เพียงฤดูกาลแรก ก็ถือว่าไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก โดยยิงไปแล้ว 42 ประตู จากการลงสนาม 37 เกมรวมทุกรายการ
หลายคนมอบคำนิยามในการเป็นกองหน้าของฮาลันด์ ที่แตกต่างกันออกไป กระนั้น หนึ่งคนที่จะมาบอกถึงสไตล์การเล่นของกองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ รายนี้ คงจะหนีไม่พ้นคนที่คลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็ก
“เขาไม่ใช่กองหน้าตัวเป้า”
จอห์น วิค ย้อนความทรงจำ สมัยที่เขาทำหน้าที่หัวหน้าแมวมองของโมลด์ สโมสรดังจากประเทศนอร์เวย์ ผ่านมุมมองต่อเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่เซ็นสัญญามาร่วมทีม ด้วยวัยเพียง 16 ปี โดยมองแล้วว่า เตรียมก้าวขึ้นมาเขย่าวงการลูกหนังในอีกไม่ช้า
“วันหนึ่ง ผมเฝ้ามองเขาฝึกซ้อม” วิค เล่าต่อ “เขาอยู่กับเรามา 7-8 เดือนแล้ว เขาเป็นคนที่ซ้อมหนักมาก และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม”
“ผมเดินไปหาผู้จัดการทีมของเราอย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผมบอกกับเขาว่า -นายต้องโทรหาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดี๋ยวนี้เลย ฝีเท้าของเด็กคนนี้น่าเหลือเชื่อมาก- ซึ่งเวลานั้น ผม และโอเล่ เข้าใจดีว่า เราอาจเก็บเขาไว้กับทีมได้อีกไม่นาน”
“โอเล่ เห็นด้วยทุกอย่าง เกี่ยวกับสิ่งที่ผมพูด เขาบอกว่าจะโทรหาอดีตต้นสังกัดของเขาอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โอเล่ บอกว่า พวกเขาต้องได้ยินเรื่องราวของเด็กคนนี้ ผมย้ำให้เขาลองโทรไปหา นิคกี้ บัตต์ (ทำงานกับทีมเยาวชนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานั้น) หรือโทรหาใครสักคนก็ได้ เพราะเด็กคนนี้มหัศจรรย์จริงๆ”
ผลสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เดินข้อเสนอด้วยความจริงจัง กระทั่งกองหน้าร่างยักษ์ ก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่ของโมลด์ อย่างเต็มตัว และถูกเร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีมจากลีกออสเตรีย คว้าตัวไปร่วมทีม ซึ่งเป็นก้าวย่างที่สำคัญ ในการช่วยพัฒนาฝีเท้าของเขา โดยไม่เป็นการรีบเร่งสู่ทีมยักษ์ใหญ่เร็วเกินไป ที่อาจส่งผลเรื่องโอกาสในการลงสนาม
วิค บอกต่อว่า ไม่เพียงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น ที่พลาดคว้าตัวนักเตะคนนี้ ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล และอีกหลายทีมในพรีเมียร์ลีก ก็พลาดไปเช่นเดียวกัน ทีมส่วนใหญ่ประเมินฝีเท้าของเขาต่ำเกินไป
“ผมคิดว่า บรรดาแมวมองของทีมในอังกฤษ มองว่าเด็กคนนี้คือกองหน้าตัวเป้า เพราะเขาเป็นคนตัวใหญ่” วิค กล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าเขาไม่ใช่กองหน้าตัวเป้า หากคุณตัดสินเขาแบบนั้น คุณอาจต้องพบกับความผิดหวัง”
“ครั้งหนึ่ง ทีมเราออกเดินทางไปสเปน ผมอยู่กับคนรู้จักบางคน ที่ทำงานกับสโมสรในพรีเมียร์ลีก ผมเคยพูดกับพวกเขาว่า -ฉันไม่อยากให้พวกนายมองเด็กคนนี้เป็นกองหน้าตัวเป้าโบราณ ลองมองให้มากกว่านั้น- เขาสามารถวิ่งสอดหาพื้นที่ และชาญฉลาดในกรอบเขตโทษ เขาเป็นนักเตะแบบนั้น แต่ผมก็มีช่วงที่ถามตัวเองว่า -ผมเป็นคนเดียวที่คิดแบบนี้มั้ย ? ผมคิดผิดไปหรือไม่ ?-”
“บางสโมสรในอังกฤษ มองอะไรในมุมเดียว กองหน้าต้องเป็นแบบนี้ และกองหลังต้องเป็นแบบนั้น เมื่อพวกเขาเห็นนักเตะของผมที่รูปร่างสูงใหญ่ พวกเขาปักธงคิดว่า นี่คือกองหน้าตัวเป้า พวกเขามองข้ามไปว่า เขาทำอะไรได้อีกเยอะเลย”
“ลิเวอร์พูล น่าจะได้ตัวเขามาครอง อาร์เซน่อล ก็เช่นเดียวกัน ทุกคนเฝ้าติดตามผลงานของเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับเห็นแค่ความเป็นกองหน้าหมายเลข 9 ในตัวเขาเท่านั้น มองเขาแค่เป็นคนตัวใหญ่ และสูงเพียงอย่างเดียว พร้อมกับมีความคิดที่ว่า -เราต้องเอาหมอนี่เล่นเป็นตัวเป้า- สุดท้ายแล้ว ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมหลายคนมองเขาแบบนั้น”
“ผมไม่ชอบเห็นเขาหันหลังให้ประตูคู่แข่ง ผมชอบให้เขาพุ่งตรงเข้าหาประตูคู่แข่งมากกว่า รวมถึงสอดส่ายหาช่อง และเคลื่อนที่ในกรอบเขตโทษ เขาไม่ต้องครองบอลนานๆ เพียงแค่พลิก และทะยานสู่พื้นที่สุดท้าย ... ตอนนี้ ทุกคนคงเห็นแล้วว่า เขาเก่งกาจด้านไหน”
ปัจจุบัน ลูกศิษย์ของวิค ก้าวมาเล่นกับทีมยักษใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับยิงประตูอย่างถล่มทลาย ทั้งที่ฤดูกาลยังคงดำเนินต่อไป
“เขาเป็นเด็กคนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย เขาไล่ยิง 2-3 ประตูในเกมเดียว แล้วก็ทำแบบเดิมอีกในสัปดาห์ต่อไป เขาแค่เดินหน้าต่อไป เขาชอบการลงสนาม และหลงรักการยิงประตู เขาเข้านอน และตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น แล้วก็ทำเหมือนเดิมต่อไปเรื่อยๆ เขาจะก้าวไปอยู่ในระดับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน”
วิค ทิ้งท้ายถึงเออร์ลิ่ง ฮาลันด์
