ถึงไม่ใช่กองหน้าระดับเวิล์ดคลาส มาจากทีมตกชั้น และอายุมากถึง 33 แล้ว แต่แฟนเรอัล มาดริด แฮปปี้กับดีลนี้เพราะสถิติยิงประตูของ โฆเซลู เมื่อฤดูกาลที่แล้วสุดยอดมาก ทำไปทั้งสิ้น 16 ประตู 2 แอสซิสต์ เป็นรองแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (23 ประตู) กับ คาริม เบนเซม่า (19 ประตู) เท่านั้น
หรือพูดให้ชัดเจนก็คือ โฆเซลู คือเจ้าของรางวัลเตลโม ซาร์ร่า กองหน้าสเปนที่ยิงประตูสูงสุดใน ลา ลีกา ประจำฤดูกาล 2022/23 ยิงมากกว่า วินิซิอุส จูเนียร์ 6 ประตูด้วยกัน
ลองคิดดูครับว่าขนาดกับ เอสปันญ่อล โฆเซลู ยังยิงได้ขนาดนี้ เมื่อย้ายมาอยู่กับ มาดริด ที่องค์ประกอบดีกว่าจะขนาดไหน
ยิ่งการมาของเขาถูกพูดถึงว่าเป็นการเข้ามาทดแทน มาเรียโน่ ซึ่งปีที่แล้วไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมเลย ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดว่านี่คือการยกระดับทีม ในแง่ของ squad depth ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
ตรงกลางแน่นปึ้กแล้ว ได้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม เข้ามา ลูก้า โมดริช กับ โทนี่ โครส ต่อสัญญาอยู่ช่วยทีมอีกปี ดานี่ เซบาบอส ก็ปักหลักอยู่ต่อ ส่วนเกมรุกได้ บราฮิม ดิอ๊าซ กลับมาจากยืมตัวที่ เอซี มิลาน ถือว่าทดแทนการจากไปของ มาร์โก อาเซนซิโอ ได้ดีฝในระดับนึง
ทีนี้ มาดริดิสต้า ก็ฝันหวานต่อเลย ถัดจาก โฆเซลู จะเป็นใครกันนะที่จะเข้ามารับบทกองหน้าตัวหลักแทนที่ คาริม เบนเซม่า ที่เปิดหมวกอำลาไปซาอุดิอาระเบีย ?
ปรากฏว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ช๊อตฟีลแฟนๆด้วยไฟฟ้า 10,000โวลต์ ด้วยการบอกว่า “ไม่มีแล้ว” โฆเซลู คือคนสุดท้าย !!!
อ้าว !?! ‘งงสิครับท่านประธาน เอาตัวเสริมชั้นดีเข้ามา แต่ตัวหลักปล่อยว่างเสียอย่างนั้น มันเป็นไปได้หรือ ? โฆเซลู เปิดตัวกับทีมด้วยการสวมเสื้อหมายเลข 14 ส่วนหมายเลข 9 ยังว่างอยู่
ท่านประธานจะแขวนไว้เฉยๆในตู้ยังงั้นหรือ ??
ถ้าเป็นไปตามที่พูดจริง เท่ากับว่าเกมรุกตัวจริงของ มาดริด ฤดูกาลหน้าคือ เฟเด วัลเวร์เด้ ทางกราบขวา,ทางซ้าย วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดรีโก้ จะขยับสเตตัสขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวเป้าตัวจริง โดยมี บราฮิม ดิอ๊าซ กับ โฆเซลู เป็นตัวหมุนเวียน
ไม่บอกก็รู้ครับว่า มาดริดิสต้า กำลังกังวลกันว่าด้วยขุมกำลังเช่นนี้ไม่น่าจะเพียงพอต่อการลุ้นแชมป์เพราะขนาดปีที่แล้วมี เบนเซม่า ทีมยังพลาดทั้ง 2 รายการใหญ่ ทั้ง ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก
ลา ลีกา ยังพอทน แต่หากหมายกลับไปทวงความยิ่งใหญ่ในเวทีแชมเปี้ยส์ลีก ด้วยขุมกำลังแดนหน้าแค่นี้จะไหวเหรอ ?
หลังการคว้าแชมป์ของ แมนฯซิตี้ สามารถพูดได้ว่ารายการนี้ได้เซตมาตราฐานขึ้นมาใหม่ จากเมื่อก่อนใครจะคว้าแชมป์จะต้องล้ม มาดริด ให้ได้ มาปัจจุบันใครจะเป็นเจ้ายุโรป ถ้าไม่เทียบเท่าหรือดีกว่า เรือใบสีฟ้า ของ เป๊บ ก็เห็นทีว่าจะยาก
ลองเทียบเกมรุกของ มาดริด ที่มีในยามนี้กับที่ ซิตี้ มี อย่าง เออร์ลิ่ง ฮาร์ลันด์,แจ็ค กรีลิช,ฟิล โฟเด้น,แบร์นาโด้ ซิลวา,ฮุเลี่ยน อัลวาเรซ,ริยาด มาห์เรซ หรือ เควิน เดอ บรอยน์
ยิ่งหากเก็บ อิลคาย กุนโดกัน ไว้ได้อีกปี มองด้วยตาเปล่าก็เห็นชัดว่า มาดริด เป็นรอง นี่ยังไม่รับองค์ประกอบอื่นๆอีก
เบนเซม่า ย้ายออกไป แต่ไม่เอาใครมาแทนเลย ส่วนตัวผมคิดว่าเหตุผลที่ เปเรซ คิดเช่นนี้ ไม่น่าจะมาจากพอใจในขุมกำลังที่มีอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องของความคาดหวังในอนาคตมากกว่าที่เขาเตรียมดึง คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ เข้ามาแบบฟรีๆในหน้าร้อนปี 2024
ถามว่าสมเหตุสมผลมั๊ย ? คุ้มค่าหรือเปล่าที่คิดอ่านเช่นนี้ ?
ไม่สามารถตอบได้ครับ เพียงแต่เห็นขุมกำลังที่ มาดริด มีแล้ว ไม่อุนใจเอาซะเลย
ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อมั่นในฝีเท้าของนักเตะที่มีอยู่ เพียงแต่ถ้ามองว่า เบนเซม่า คือจุดศูนย์กลางของเกมรุก ทั้งเชื่อมเกม ทั้งการสร้างสรรค์โอกาส และจบสกอร์ และคนที่เข้ามาแทนคือ โรดรีโก้ คำถามก็คงจะเหมือนกับมาดริดิสต้าทั่วโลกว่า “โรดรีโก้ จะแบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้ได้หรือ ?”
ถ้าทำได้ ก็ยอดเยี่ยมไปเลยครับ แต่ถ้าทำไม่ได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะคุ้มค่ากับการรอคอยอะไรบางอย่างในอนาคตหรือไม่ ?
นึกย้อนกลับไปถึงตอนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายไป ยูเวนตุส แล้ว เปเรซ ก็ใส่เกียร์ว่างไม่เติมกองหน้าระดับ เอ ลิสต์ เข้ามา แต่เลือกฝากความหวังไปที่ แกเร็ธ เบล ที่ฟอร์มลุ่มๆดอนๆ ปรากฏว่าผลที่ได้คือเละเทะ !!
หนนี้ ไม้รู้ว่าจะออกมารูปไหน แต่ถ้ามั่นใจว่าซัมเมอร์ 2024 ไม่โดนเด็กที่ปารีสเททิ้งเหมือนหนก่อนก็ลองดูครับ ดูว่ามันคุ้นค่ากับสิ่งที่จะได้มาหรือไม่กับการตัดสินใจครั้งนี้
เจมส์ ลา ลีกา
