บอลเทนฮากในสายตา "ยาป สตัม" และผู้สืบทอดความเดือดของเบอร์6
มีบทสัมภาษณ์ของนักเตะตำนานสโมสรอีกหนึ่งคนอย่าง "ยาป สตัม" ที่ออกมาพูดถึงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในชุดปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางการพัฒนาทีม นักเตะต่างๆ ในฐานะที่เขาเป็นคนดัตช์เหมือนกัน น่าจะมองเห็นอะไรในตัวของเอริค เทน ฮากได้ดี ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด หรือวิธีการของเขา
สตัมคงเป็นอีกหนึ่งคนที่รู้มือของเอริคแน่ๆว่าทำอะไรอยู่
เจ้าตัวตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นฟุตบอลของเอริค เทน ฮาก ที่ปรับแต่งสไตล์การเล่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดให้เป็นไปในแนวทางของเขา โดยเฉพาะในฤดูกาลข้างหน้าที่กำลังจะถึงนี้ หลังจากแฟนบอลปีศาจแดงชื่นมื่นกับฤดูกาลแรกที่น่าพอใจภายใต้ยุคเทน ฮาก ที่คว้าแชมป์คาราบาวคัพได้, เข้าถึงรอบชิงเอฟเอคัพ และจบในอันดับสามของพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตาม ดาวเตะเจ้าของทริปเปิลแชมป์ปี 1999 อย่างสตัมก็เชื่อว่า เพื่อนร่วมชาติที่เป็นบอสใหญ่แมนยูยุคนี้ คงจะพยายามทำให้ทีมของเขาครอบครองบอลกันได้ดีขึ้น โดยมีผลงานตอนทำทีมอยู่ที่อาแจ็กซ์เป็นข้อสังเกต
การมาถึงของเมสัน เมาท์ ในตำแหน่งมิดฟิลด์นี่เองที่จะเป็นตัวชี้นำไปสู่สิ่งนี้ และมีทฤษฎีอยู่ว่าการเล่นของทีมจะพัฒนามากยิ่งขึ้นภายใต้การทำทีมของจอมแทคติกอย่างเทน ฮาก
สตัมพูดเอาไว้อย่างน่าสนใจดังนี้
"คุณได้เห็นว่าทีมเติบโตขึ้น แต่มันยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำ เวลาที่คุณดูพวกเขาลงเล่น และแสดงคุณภาพการเล่นให้ได้เห็นในสนามแล้วก็ตาม แต่ต้องพูดกันตรงๆว่าพวกเขายังจำเป็นต้องพัฒนาขึ้นกว่านี้อีกในด้านการเล่น ต้องคุมเกมให้เหนือกว่านี้ให้ได้"
"อย่างน้อยที่สุดนั่นเป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้ว่าเขา(เอริค) อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นแน่นอน ผมรู้จักเขามาตั้งแต่ตอนอยู่ฮอลแลนด์ รู้ว่าเขาทำทีมให้เล่นอย่างไรบ้างซึ่งมันยังแตกต่างกับที่เขาทำยูไนเต็ดมา"
"มันเป็นเรื่องธรรมดานะผมว่า วิถีทางก็เช่นกัน มันต่างออกไป เพราะตอนนี้เขาย้ายมาในลีกอื่นซึ่งแข็งแกร่งมาก มีทีมแกร่งๆมากมายในลีกนี้ เขาจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ได้ในเรื่องการตัดสินใจต่อนักเตะที่เขามีอยู่ ทั้งยังต้องพยายามจะหลอมรวมระบบให้ไปด้วยกันกับนักเตะที่อยู่ด้วยกันมาในซีซั่นที่แล้ว เขาต้องทำผลงานการแข่งขันให้ได้ เนื่องด้วยเหตุที่ว่ามันสำคัญมากๆ"
"แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะก้าวไปสู่ฤดูกาลใหม่ก็คือการนำนักเตะเข้ามา และขยับเข้าไปใกล้กับระดับที่เขาต้องการให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม"
สมัยเป็นนักเตะ สตัมค้าแข้งกับอาแจ็กซ์ในช่วงสุดท้ายของอาชีพในปี 2006/07 และรู้สึกประทับใจการทำงานของเทน ฮากกับสโมสรเก่าอีกแห่งหนึ่งของเขา ซึ่งสุดท้ายเทน ฮาก ทำให้อาแจ็กซ์กลายเป็นทีมสุดแกร่งในเอเรดิวิซี่ และ แชมเปี้ยนส์ลีก
"เขาทำยังไง วิธีการเล่นแบบไหนที่เขาต้องการ และสิ่งที่เราเห็นจากอาแจ็กซ์ในแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย สิ่งนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเล่นจริงๆ คือครองบอลให้ได้มากกว่านี้"
"และเมื่อเรามองมายังสโมสรอย่างยูไนเต็ด เราก็ต้องการเหมือนอย่างแฟนบอล หรือทุกๆคนในสโมสรแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ที่อยากจะให้ยูไนเต็ดทำเกมให้โดดเด่น"
"เราอยากจะให้เขาเล่นให้เหนือกว่า อย่าทำเกมช้าจนเกินไป แต่ก็อย่างที่คุณรู้ การเก็บบอล ครองบอลไว้ให้ได้ โจมตีตลอดเวลา ไม่ใช่แค่รอเล่นจังหวะ transition แต่ต้องครองบอลทำเกมให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องทำให้คู่แข่งทำเกมได้ยากสุดๆ แต่ทีมเราเองก็ต้องสร้างสรรค์เกมให้ได้เยอะที่สุดด้วยเหมือนกัน"
"ผมคิดว่านั่นแหละถึงจะเป็นสิ่งที่ยูไนเต็ดจะแสดงให้เห็นออกมาในความเป็นสโมสร ในความเป็นทีม และสิ่งที่พวกเขาเคยเป็นมาก่อนในอดีต ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เอริคต้องการด้วย รวมถึงจะต้องมีความยืดหยุ่นในตัวด้วยเช่นกัน"
นอกจากเรื่องราวดังกล่าวแล้ว สตัมยังเผยถึงความประทับใจของเขาที่มีต่อนักเตะปัจจุบันอย่าง Lisandro Martinez ในเรื่องที่เขาปรับตัวเข้ากับชีวิตที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้อย่างดี และรู้สึกว่านักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่ารายนี้จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในฤดูกาล 2023/24
ด้วยสไตล์ที่เล่นเซ็นเตอร์แบบดุเดือดมากเหมือนกัน เขาเชื่อว่าดาวเตะหมายเลข6แมนยูคนปัจจุบันนี้ มีความสามารถในการเล่นกับบอลและสร้างการจ่ายบอลขึ้นหน้าได้ดีนั้น มันจะเป็นวิถีการเล่นที่มีคุณค่ามากกับวิธีการที่เอริค เทน ฮาก ต้องการให้ทีมเล่น
สตัมในวัย 51 ปีหมาดๆรู้สึกว่า ในฟุตบอลยุคใหม่เรายังสามารถควบคุมอารมณ์ให้ได้มากกว่านี้ ที่ซึ่ง VAR จะจับภาพชัดเจนในการทำผิดอย่างรุนแรง แต่สตัมก็ย้ำว่ามาร์ติเนซจะนำคุณภาพมาสู่ทีมโดยรวม จะเห็นชัดขึ้นว่าทำไมผู้จัดการทีมคนนี้ถึงต้องพยายามนำกองหลังอเมริกาใต้รายนี้มาเล่นด้วยกันที่อังกฤษให้ได้
"ผมคิดว่ามาร์ติเนซทำได้ดีมากๆนะ ในช่วงต้นฤดูกาลที่แล้วผมคิดว่าเขาต้องการปรับตัวเข้ากับลีก ปรับตัวเพื่อรับมือคู่ต่อสู้ และวิธีการเล่น แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาฟอร์มเขาก็ดีเยี่ยม คุมบอลได้ดี หาตัวจ่ายว่างๆในแผงมิดฟิลด์ได้ยอดเยี่ยม ลูกจ่ายเขาก็ดี"
"ดีเลย ดีมากๆ"
"เกมรับ เขาอาจจะไม่ได้ตัวใหญ่ มีการพูดคุยกันเรื่องนี้มากมาย แต่เขาเล่นฉลาดมากในจังหวะ 1-1 และการดวล เขาใช้ร่างกายได้ดีเยี่ยมมากๆ การยืนตำแหน่งก็ดี เขาจึงน่าประทับใจสุดๆ และหวังว่าหลังจากอาการบาดเจ็บ เขาก็จะกลับมาได้แล้วตอนนี้ ผมหวังว่าซีซั่นนี้เขาก็จะรักษาเรื่องดังกล่าวเอาไว้ให้ได้เช่นกัน แต่ยังไงก็ตาม แน่นอนว่าเขาจะต้องมีเพื่อนรอบๆข้างที่จะช่วยกันเล่นด้วย มันเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ สำคัญสำหรับนักเตะทุกคน และทุกๆตำแหน่ง"
เกมการแข่งขันอาจจะแตกต่างออกไปในปี 2023 เมื่อเทียบกับสิ่งที่สตัมและเพื่อนร่วมทีมต้องรับมือในปี 1999 ด้วยทีมที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สามารถเอาชนะเกมที่สู้กับคู่แข่งด้วยร่างกายกันในสนาม ยังไงก็ตามลักษณะความเป็นนักสู้ที่มาร์ติเนซแสดงออกมาให้เห็นนั้นมีคุณค่าอย่างมาก ยังเป็นสิ่งที่แฟนบอลยูไนเต็ดยกย่องกันแบบสุดๆเหมือนเคย
"คุณรู้ดีว่าจะต้องระวังเรื่อง VAR เหมือนกัน เพราะงั้นคุณแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย จะทำอะไรได้เหมือนสมัยก่อนไม่มีแล้ว!"
"คุณอาจจะดึง อาจจะชนใส่คู่แข่งได้ในตอนนั้น แต่ปัจจุบันด้วย VAR แล้ว กล้องมันเต็มไปหมด และพวกเขาเห็นทุกอย่างนะ! คือก็ยังเล่นแบบดุดันได้นั่นแหละ แต่ต้องรู้ว่าควรจะดุดันยังไงบ้าง ต้องรู้ว่าจะใช้ความดุดันยังไงให้เหมาะสม"
"ผมยังคิดว่าในพรีเมียร์ลีกถ้ามีความดุดันอย่างถูกต้อง เข้าชนแบบถูกที่ถูกเวลา มันก็จะทำให้เราได้เปรียบในฐานะกองหลังอยู่ แต่ถ้าคุณไม่มีความดุตรงนี้เลย ไม่เข้าไปจี้ติดตัวใส่คู่แข่ง มันจะง่ายมากสำหรับนักเตะตัวรุกที่จะผ่านไปได้ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลหรือโดนไปทำประตู เพราะงั้นยังไงก็ต้องเล่นให้ดุดันเข้าไว้"
"และมันเป็นเรื่องของการใช้ความดุดันตรงนี้ การเล่นให้ดุดันในบางครั้งด้วยเช่นกัน มันไม่ใช่ว่าฟาล์วเยอะๆแล้วแปลว่าคุณเล่นได้ดุเดือดนะ มันเป็นการใช้ความหนักหน่วงตรงนี้เข้าหาคู่ต่อสู้ให้อยู่หมัด อย่าให้คู่แข่งมีเวลาเล่น หรือหาเพื่อนมาช่วยได้"
ทั้งหมดนี้คือมุมมองของ ยาป สตัม ที่มองเห็นความแตกต่างของยุคสมัยได้อย่างดี ผ่านช่วงเวลาที่เขาลงเล่น เมื่อเทียบกับยุคปัจจุบัน แต่วิธีคิดบางอย่างยังคงทันสมัย และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับยุคนี้ได้อย่างที่สตัมได้กล่าวมาแล้วถึงการเล่นให้แข็งแกร่งดุดัน เหมือนอย่างที่เขาเป็นมาตลอด ในฐานะกองหลังระดับโลกที่ดุเดือดและแข็งแกร่งที่สุดอีกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแมนยูไนเต็ด
สามแชมป์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะเกิดขึ้นได้ในรอบร้อยปีของสโมสร และสตัมมีชื่ออยู่ในความยิ่งใหญ่นั้น คงไม่ต้องอธิบายอะไรไปมากมายกว่านี้แล้ว และแฟนบอลในยุคนั้นที่ทันดูสตัมเล่นก็คงจะรู้ดีว่าฝีเท้าเขาอยู่ระดับไหน และแกร่งเพียงใด
เราหวังว่า Licha จะดำเนินรอยตามเสื้อตัวนั้นของสตัม และพาเราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน ด้วยฟุตบอลที่พัฒนาอย่างมีแนวทาง และ "ชัดเจน" ในปรัชญาและวิธีคิด อย่างที่สตัมบอกในบทความนี้
เราเชื่อว่าความสำเร็จเป็นสิ่งที่สักวันหนึ่งจะต้องเกิดขึ้นในยุคของเอริค เทน ฮาก อย่างแน่นอน
#BELIEVE
-ศาลาผี-
References