และคนเป็นโค้ชอย่าง มาโน โพลกิง จะฉีกยิ้ม หายใจโล่งไปได้อีกเฮือก แต่ดูเหมือนสถานะเก้าอี้กุนซือของเขายัง “ไม่มั่นคง” นัก

เพราะเมื่อย้อนดูรายละเอียดในเกม 90 นาที พลพรรคช้างศึก แทบไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่เล่นในบ้านตัวเอง การแก้เกม รวมไปถึงแท็คติกยังคงถูกตั้งคำถามว่า มาโน ดีพอหรือไม่ ?

เสียงแซ่ซ้องยินดีกับฟอร์มการเล่นของ นิโคลัส มิเกลสัน แบ็กลูกครึ่ง รวมไปถึงความเป็นเพชฌฆาตโก๋แก่ในตัว ธีรศิลป์ แดงดา ที่ “แย่งซีน” ตัวโค้ชไปเสียหมด

กล่าวโดยรวมคือ แฟนบอลส่วนใหญ่ยังคง “ไม่เชื่อใจ” ในตัว มาโน เลยด้วยซ้ำ แม้เขาจะคุมทีมชนะก็ตาม

พวกเขายังคงนึกภาพทีมชาติไทยชนะ จีน หรือต่อกรกับ เกาหลีใต้ ได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงไม่ออก ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกปลายปีนี้ หากกุนซือยังเป็น มาโน คุมทีม

นั่นทำให้กระแสเรียกร้องของใหม่เอา มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ปัจจุบันนั่งเก้าอี้ประธานเทคนิคทีมชาติไทย มาคุมทีมแทนยังคงดังอยู่ประมาณหนึ่ง

สิ่งที่เราพอเห็นจากแมตช์ชนะ เลบานอน คือ มาโน ค่อนข้างจริงจังกับเกมนี้เป็นพิเศษมากกว่าแค่ “เตรียมทีม” สัญญาณกายจากรีแอ็คชันในช่วงท้ายเกมที่เขาพยายามเก็บบอลข้างสนามเพื่อดึงเวลา รวมไปถึงเล่นจิตวิทยาใส่ผู้เล่นเลนานอนจนโดนใบเหลือง ทั้งที่เกมอุ่นเครื่องเช่นนี้ ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องทำ

หรือจะเป็นการเรียกผู้เล่นหน้าใหม่ ที่ฟอร์มในลีกดีอย่าง เบน เดวิส และ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก มาติดทีม แต่ก็ยังทำได้แค่นั่งดูเพื่อนบนม้านั่งสำรอง

มันบอกได้ว่าตัว มาโน ต้องการผลลัพธ์เหนือสิ่งอื่นใด เพื่อยืดวีซ่าเก้าอี้โค้ชทีมชาติไทย เพราะเขาเองน่าจะรู้ดีว่า สถานะของเขาไม่แน่นอนอีกต่อไป แม้จะมีสัญญากับช้างศึกถึงเดือน มี.ค. ปีหน้าก็ตาม

อย่างไรก็ดี การชนะเลบานอน อาจเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” เท่านั้น บททดสอบแท้จริงเห็นจะเป็นเกมนัดชิงกับ อิรัก ในวันที่ 10 ก.ย. นี้

นอกจากเป็นเกมตัดสินแชมป์ของทีมชาติไทย หลังห่างหายความสำเร็จมา 3 ครั้งหลังสุด อาจยังตัดสินอนาคตของ มาโน ด้วย ว่าดีพอจะได้ไปต่อหรือไม่

อย่าลืมว่าตัวผู้จัดการทีมชาติไทย หมายมั่นปั้นมืออยากพาทีมชาติไทยเป็น 1 ใน 2 ทีม เข้าสู่รอบที่ 3 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกให้ได้ ในสายที่ไทยต้องอยู่ร่วมกับยักษ์ใหญ่อย่าง เกาหลีใต้ และ จีน   

หากพ่าย อิรัก ในเกมวันอาทิตย์นี้ ผู้เขียนเชื่อว่าตัวผู้ใหญ่เองก็มีความชอบธรรม และเหตุผลมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงกุนซือในเร็ววัน เพราะทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกนัดแรกจะเริ่มในอีก 2 เดือน ต้องรีบคิดรีบทำ ช้าไม่ได้

แม้จะชนะ อิรัก ได้ แต่หากทรงฟุตบอลยังเป็นเหมือนเกมพบ เลบานอน ชะตาของ มาโน ก็อาจอยู่ไม่ครบสัญญาด้วยเช่นกัน

ดีพอก็ได้ไปต่อ ไม่ดีพอก็ต้องเปลี่ยน คือสัจธรรมในอุตสาหกรรมฟุตบอลยุคปัจจุบันขณะ

มาโน จะได้ไปต่อจนครบสัญญา หรือจะถูกหยุดเพียงเท่านี้ คำตอบอยู่ที่เกมวันอาทิตย์