:::     :::

ความเชื่อแบบ "เยอร์เก้น คล็อปป์"

วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
616
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตลอดประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล

สโมสรผ่านการมีผู้จัดการทีมมากว่า 20 คน แต่ละคนนั้น มีลักษณะเฉพาะตัว, สไตล์การคุมทีม และปรัชญาลที่แตกต่างกันจากจำนวนทั้งหมด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “เยอร์เก้น คล็อปป์” ถือเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่สุด ในหน้าประวัติศาสตร์


ตั้งแต่คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน “หงส์แดง” ในช่วงฤดูกาล 2015-16 เขาค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีมที่ไม่ค่อยมีทิศทาง และไม่มีความแน่นอน จนก้าวมาสู่ทีมที่มีเอกลักษณ์อย่างชัดเจน ทั้งสไตล์การเล่น และทัศนคติของนักเตะ


คล็อปป์ นำพาสโมสรแห่งนี้ กวาดแชมป์ครบทุกรายการหลัก ตั้งแต่พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก


นอกเหนือจากความสำเร็จ ที่หลั่งใหลเข้ามาสู่ตู้เก็บถ้วยโทรฟี่ ภายในสนามแอนฟิลด์ อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน นำมาสู่สโมสรแห่งนี้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “ความเชื่อ” และนี่คือหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จของเขา 


คล็อปป์ ถือเป็นนักลงทุนทางอารมณ์ นั่นคือสิ่งที่เขานำมาประยุกต์ใช้กับการคุมทีมฟุตบอล หากคุณสังเกตสไตล์การคุมทีมข้างสนามของเขา สิ่งแรกที่คุณจะเห็นคือ “อารมณ์ร่วม”


ระดับพลังงานที่สูง และความหลงใหลที่พุ่งพล่าน นี่คือพลังงานที่คล็อปป์ แพร่กระจายไปทั่วสนาม แน่นอนว่า มันเป็นสิ่งที่ช่วยพาทีมพลิกสถานการณ์ จากเลวร้าย จนกลับมาคว้าชัยชนะ นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว 


คล็อปป์ น้อมรับปรัชญาด้านนี้ พร้อมกับมองว่า มันเป็นส่วนสำคัญในเส้นทางอาชีพของตัวเอง เขากล่าวว่า “ผมเป็นคนที่มีอารมณ์ร่วมสูง สิ่งไหนที่ผมรัก ผมจะทุ่มเทแบบสุดตัวในการลงมือทำมัน”


สิ่งที่น่าทึ่งคือ ความกระตือรือร้นของเขา ถือเป็นสิ่งที่สามารถส่งต่อกันได้ ดังนั้น ลูกทีมของคล็อปป์ ต้องก้าวขาลงสนาม ด้วยอารมณ์ในแบบเดียวกับเจ้านาย แสดงให้เห็นว่า การแสดงออกของผู้จัดการทีม ส่งผลกระทบต่อสถานะของทีม 


คล็อปป์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “หากพลังงานของผม ส่งผลให้ผู้เล่นรู้สึกในแบบเดียวกัน ผมมองว่ามันเพียงพอ ในการพาสโมสรบรรลุเป้าหมาย” นี่คือแรงบันดาลใจ ส่งผลให้นักเตะหลายคนนั้น ล้วนอยากมีผู้จัดการทีมเป็นเขา 


คล็อปป์ ถือเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงมาก พร้อมกับมีความขึงขัง ตามแบบฉบับของคนเยอรมัน อย่างไรก็ตาม หากมาสัมผัสตัวตนของคล็อปป์ คุณจะพบว่าเขาเป็นคนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และไม่มีอีโก้สูงอย่างที่หลายคนเข้าใจ 


“ผู้คนไม่ต้องมองผมเป็นพระเยซู ผมไม่ได้เดินบนน้ำ ผมเป็นแค่ผู้จัดการทีมธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น” คล็อปป์ กล่าวเอาไว้แบบนั้น นอกจากนี้ คล็อปป์ มีความเชื่อเสมอว่า การทำงานหนัก ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญ ที่จะช่วยไขไปสู่ความสำเร็จ


จากการศึกษาอย่างละเอียดของสื่อต่างประเทศ พบว่าเขามีแผนการเติบโต มากกว่าแผนการแบบตายตัว คล็อปป์ มีสิ่งที่เรียกว่า “Growth Mindset” ที่เป็นกรอบความคิดที่บอกว่า “ทุกคนจะเก่ง และเติบโตขึ้นได้อีก”


คล็อปป์ มีความเชื่อว่า ความสำเร็จเป็นผลพวงมาจากความขยัน และความพยายาม มากกว่าการเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ ส่วนในแง่ของจิตวิทยาด้านการกีฬา “Growth Mindset” เป็นสิ่งที่สามารถปลดปล่อยพลังงานได้อย่างมหาศาล


เขามองว่า ทุกความพ่ายแพ้คือ “โอกาส” ในการพัฒนาตัวเอง และปรับปรุง ไม่ได้มองเป็นอุปสรรคที่ข้ามผ่านไม่ได้เหมือนคนทั่วไป “ทุกอย่างล้วนต้องการเวลาในการลงมือทำ หากคุณอยากสำเร็จในอนาคต คุณต้องเริ่มลงมือทำเดี๋ยวนี้” 


นักเตะลิเวอร์พูล เดินตามแนวทางคล็อปป์ ด้วยความเต็มใจ เพราะนี่คือผู้นำในแบบฉบับที่ลงมือทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน คล็อปป์ ไม่ใช่ผู้นำที่คอยชี้นิ้วสั่ง นี่คือความแตกต่างของเขากับคนทั่วไป เขาเป็นคนที่มอบความใส่ใจให้กับทุกคน


คล็อปป์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “สิ่งเดียวที่ผมสามารถพูดได้คือ ผมชอบใช้ชีวิตร่วมกับผู้คน ไม่ว่าคนนั้นจะมีข้อบกพร่อง หรือว่าจุดแข็งอะไรก็ตาม” 


“ผมชอบนั่งคิดเล่นๆเสมอว่า เพราะอะไรผมถึงชอบกีฬาฟุตบอล ? คำตอบที่ผมได้ตกผลึกคือ ผมชอบฟุตบอล เพราะนี่คือการทำงานร่วมกันเป็นทีม”


คำพูดดังกล่าว พอสรุปได้ว่า ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นกันเป็นหมู่คณะ ดังนั้น ความสัมพันธ์ของทุกคนในทีมถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คล็อปป์ จึงเป็นที่รู้จักกันในนาม “ผู้นำที่มีความเอาใจใส่” เขาแทบไม่พลาดการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ


นอกจากนักเตะแล้ว ภาพที่ปรากฏตามสื่อคือ คล็อปป์ ใส่ใจทั้งพ่อครัว, แม่บ้าน, พนักงานทำความสะอาด ไล่จนถึงพนักงานเฝ้าประตูสนาม เมื่อทุกคนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ และมีบทบาท องค์กรจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


ความเป็นผู้นำในแบบฉบับของคล็อปป์ ยังส่งผลดีในเรื่องของการผลักดันเหล่านักเตะเยาวชนอีกด้วย เพราะมันคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา โดยความเอาใจใส่ของเขา ส่งผลให้ดาวรุ่งจะตระหนักถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบ 


ไม่น่าแปลกใจว่า นักเตะลิเวอร์พูล จะออกมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คล็อปป์ คือคนที่เอาใจใส่ทุกคนอย่างเท่าเทียม และเปี่ยมด้วยความยุติธรรม


คล็อปป์ รับเครดิตอย่างมหาศาล จากสไตล์ที่โด่งดังไปทั่วโลกลูกหนังอย่าง “เกเก้น เพรสซิ่ง” ระบบการเล่นดังกล่าว ถือว่ามีอิทธิพลสำคัญ ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากมาย 


แม้ว่าคล็อปป์ จะไม่ได้เป็นผู้คิดค้นระบบการเล่นแบบ “เกเก้น เพรสซิ่ง” กระนั้น เขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญ อันเป็นผลมาจากการฝึกฝนมาอย่างบ้าคลั่ง 


สื่อต่างประเทศมองว่า การที่คล็อปป์ ตัดสินใจเลือกปรัชญาการคุมทีมแบบ “เกเก้น เพรสซิ่ง” มีเหตุผลในตัวของมันเอง เพราะนี่คือแท็คติกที่มีความคล้าย และสอดคล้องกับบุคลิกภาพของเขา ด้วยการเป็นคนที่ดุดัน และร้อนแรง 


เมื่อแท็คติก และความเชื่อ ถูกนำมาผสมกัน มันก็เกิดเป็นความลงตัว ทำให้เขาก้าวเลยขีดจำกัดของตัวเอง ... คล็อปป์ กล่าวอย่างมั่นใจว่า นี่คือแท็คติกที่เปรียบเหมือนเคล็ดลับ ช่วยให้เขากลายมาเป็นกุนซือระดับแถวหน้าของโลก


ความเร็ว และการจัดระเบียบ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก นักเตะทุกคนในทีม ควรรู้ถึงจังหวะการเล่นของตัวเอง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})