:::     :::

พัฒนาการของ ดาร์วิน นูนเญซ

วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
3,726
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ใส่เบอร์ 9 ลง 7 นัด ซัดไป 4 ประตู 2 แอสซิสต์ โดยมาจากการออกสตาร์ทตัวจริงเพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น นั่นคือ ดาร์วิน นูนเญซ กับฤดูกาลที่สองในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล

เสื้อเบอร์ 9 ของ ลิเวอร์พูล คือความท้าทายที่ ดาร์วิน นูนเญซ ยินดีรับมันไว้แม้รู้ดีว่าในอดีตมีนักเตะดัง ๆ สวมใส่มาแล้วมากมาย นี่ยังไม่รวมถึงการถูกหมางเมินจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ช่วงต้นฤดูกาลก่อนจะมาคว้าโอกาสสำคัญได้ด้วยการรับบทฮีโร่เหมาสองใส่ นิวคาสเซิ่ล จากนั้นเครื่องของ นูนเญซ ก็ติดและแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่เติบโตขึ้นในฤดูกาลนี้


ไม่ใช่แค่การทำประตู แต่ดูเหมือนว่า นูนเญซ จะเชื่อมเกมและเข้าใจในระบบของ คล็อปป์ มากขึ้น เขาปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่ คล็อปป์ และทีมงานเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสัปดาห์ละสองครั้งทำให้การสื่อสารง่ายขึ้น และขยับตัวเองลงมาเชื่อมเกมในแดนกลางมากกว่ายืนค้ำในแดนหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้คือปัจจัยที่ทำให้ นูนเญซ กำลังลงเล่นด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด


"ผมขอชม ดาร์วิน นะ" เป๊ป ลินเดอร์ส ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล กล่าว  "แฟนบอลรักเขา ทุกนัดที่ลงเล่นเขาวิ่งสุดกำลัง พยายามอย่างหนักและต่อสู้เพื่อตำแหน่งในทีม"


"มันสำคัญมาก ๆ ที่ตอนนี้เขาพัฒนาขึ้นมา ไม่ใช่แค่ในเกมรุกแต่ยังเป็นเกมรับด้วย มันเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นเขามีช่วงเวลาที่ดี เขาเป็นนักเตะที่มีสัญชาตญาณกองหน้าที่เก่งมาก เราต้องการสิ่งนี้จากเขาตั้งแต่ตอนเซ็นสัญญาเข้ามาแล้ว"


"สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล นั้นเปลี่ยนสถานการณ์ของตัวเขาไปเลย สองประตูนั้นทำให้เขามีความมั่นใจ และนักเตะที่มีสัญชาตญาณอย่าง ดาร์วิน ก็ต้องการความมั่นใจแบบนี้นี่แหละ"


"ตอนนี้เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นมาก และเขาก็ลงทุนกับตัวเองอย่างมาก เขาฝึกซ้อมหนักและนั่นคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ"


แม้ว่าคำวิจารณ์บางส่วนจะมุ่งเป้าไปที่ ดาร์วิน นูนเญซ กับค่าตัวมหาศาลแต่ยิงได้น้อยกว่า ฮาแลนด์ เมื่อปีก่อน เอาจริง ๆ นั่นดูไม่ยุติธรรมกับเขาสักเท่าไหร่ เพราะจำนวน 15 ประตูจากการลงสนาม 42 นัดในทุกรายการ ไม่ใช่ตัวเลขที่แย่เลย ยิ่งมองไปถึงช่วงครึ่งฤดูกาลหลังที่เขาถูกจับไปเป็นปีกซ้าย ยิ่งทำให้ตัวเลข 15 ประตูของเขา มันดูมีคุณค่ามากขึ้นไปอีก


ครึ่งฤดูกาลหลัง คล็อปป์ ชื่นชอบโคดี้ กัคโป กีบบทบาทกองหน้าตัวกลาง เพราะเขารู้สึกว่านักเตะชาวดัตช์รายนี้เหมาะสมกว่าในการวางแนวทางการทำงานยามไม่มีลูกบอล คล็อปป์ บอกกับ นูนเญซ ว่า "การตอบโต้ด้วยประตู คือตั๋วสำหรับกลับเข้าสู่ทีม" 


และอย่างที่เห็น นูนเญซ ก็ตอบกลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม




เป๊ป ลินเดอร์ส พูดถึง นูนเญซ ต่อว่า "เราเป็นทีมที่มีจำนวนการเพรสซิ่งสูงที่สุดในลีกในขณะนี้ และนั่นเป็นสัญญาณที่ดี"


"คล็อปป์ บอกกับเราทุกคนว่าเพลย์เมกเกอร์ที่เก่งที่สุดในโลกคือการเคาน์เตอร์เพรสซิ่ง เราเชื่อในสิ่งนี้ และเพื่อให้สามารถเล่นเคาน์เตอร์เพรสซิ่งได้ดี คุณต้องมีการเริ่มมาจากแดนหน้า"


"ปกติเรามักจะเชื่อว่านักเตะที่เสียบอลจะต้องเป็นคนแรกที่ไล่ตาม แต่ไม่ใช่กับ ดาร์วิน เลย เขาเป็นคนแรกที่เข้าเพรส และนั่นหมายความว่าทีมเรากำลังอยู่ในพื้นที่คู่แข่งแม้ว่ากำลังตั้งรับก็ตาม"


"สิ่งที่ ดาร์วิน กำลังทำให้กับทีม คือการเพรสเพื่อสร้างพื้นที่ให้กับโม ซาลาห์ และ หลุยส์ ดิอาซ หรือคนอื่น ๆ การเล่นของเขาทำให้ ลิเวอร์พูล มีจุดโฟกัสหลายจุดและคู่แข่งไม่สามารถตามหยุดได้ง่าย ๆ"


บทบาทใหม่ของ นูนเญซ มาพร้อมด้วยพละกำลังและความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งยังมีตัวช่วยที่ดีอย่างอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และโดมินิค โซบอสไล ในเวลาเดียวกัน


อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญและคนมองข้ามไปก็คือ นูนเญซ คือคนที่เล่นร่วมกับ ซาลาห์ ได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับแนวรับของฝ่ายตรงข้าม จากข้อมูลของ Opta ระบุว่าทั้งสองคนสร้างโอกาสให้กันและกันโดยเฉลี่ยทุก ๆ 29 นาที เมื่อนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ดีที่สุดของคู่พาร์ทเนอร์ทั้งหมดในลีกที่จะเล่นด้วยกันเกิน 100 นาที และแอสซิสต์ของ นูนเญซ ทั้ง 6 ครั้งที่มีให้กับ ลิเวอร์พูล นั้น คือการแอสซิสต์ให้ ซาลาห์ ทั้งหมด


ณ ตอนนี้ นูนเญซ ยิงไป 19 ประตูจาก 49 นัดในทุกรายการ โดยที่ออกสตาร์ท 29 นัด หากตีเป็นตัวเลขนาทีจะพบว่า เขาทำได้หนึ่งประตูทุก ๆ 141 นาที  เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับกองหน้าคนอื่น ๆ ของ ลิเวอร์พูล จะพบว่า ซาลาห์ ยิงได้ทุก ๆ 134 นาที, เฟร์นานโด ตอร์เรส ทุก ๆ 135 นาที, หลุยส์ ซัวเรซ 138 นาที และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ 153 นาที ดังนั้น สถิติของ นูนเญซ จึงไม่ใช่เรื่องที่แฟนบอลต้องกังวลอะไรเลย


คล็อปป์ พอใจกับรูปแบบการเล่นของ นูนเญซ ซึ่งตอนนี้เข้าใจอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่จำเป็นทั้งตอนมีบอลและตอนไม่มีบอล 


อย่างในช่วงต้นเกมที่ชนะแอสตัน วิลล่า 3-0 เมื่อ นูนเญซ ยิงพลาด เขารีบวิ่งเข้าไปเพรสซิ่งต่อในทันที อย่างตัวอย่างที่ด้านล่างนี้ จะเห็นว่าเขาเข้าเพรสใส่กองหลังของ วิลล่า อย่าง ดิเอโก้ คาร์ลอส ตั้งแต่นาทีที่ 3 ส่วนเกมกับ วูลฟ์ฯ ก็ลงมาล้วงลูกเข้าแย่งบอลถึงกลางสนามอยู่บ่อยครั้ง 




เกมกับ วิลล่า ก็เช่นกัน เขารู้วิธีที่จะเชื่อมโยงการเล่นและรักษาการครองบอลไว้เป็นอย่างดี จากรูปประกอบด้านล่างนี้ชัดเจนมาก ทันทีที่เห็น แม็ค อัลลิสเตอร์ เสียบอลตรงกลาง เขาวิ่งควบลงมาช่วยเกมรับทันที จากนั้นไปประคองตรงกรอบเขตโทษ และเมื่อทีมได้บอลคืนมา เขาพุ่งขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับชี้มือให้ ดิอาซ จ่ายบอลไปยังพื้นที่ว่างอีกด้วย




นี่คือ ดาร์วิน นูนเญซ ที่พัฒนาขึ้นมาเยอะกว่าปีก่อน ทั้งเรื่องการทำประตูไปจนถึงเรื่องความเข้าใจในระบบของทีม และปีนี้ นูนเญซ อาจจะกลายร่างเทพเหมือนตอนเล่นให้ เบนฟิก้า ก็เป็นได้



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})