"Football coming home" คือวลี หรือ คำพูดที่แฟนบอล "สิงโตคำราม" รวมถึงแผ่นดินผู้ดีมักจะใช้อยู่เสมอ เมื่อทีมทำผลงานได้ดีในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่และมีโอกาสที่จะก้าวไปคว้าแชมป์มาครอง
แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าความสำเร็จในรายการเมเจอร์ของ อังกฤษ มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือฟุตบอลโลก 1966 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ แถมมีปข้อครหาว่าประตูของ เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ในเกมชิงชนะเลิศกับ เยอรมัน ตะวันตก นั้นข้ามเส้นไปหรือยัง
ส่วนในฟุตบอลยูโร อังกฤษ ก็ได้เป็นเจ้าภาพแค่หนเดียวเท่านั้นในปี 1996 ที่ทีมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้แชมป์สุดท้ายจบที่รอบรองชนะเลิศ
เท่ากับว่าในประวัติศาสตร์ทั้งฟุตบอลโลก และ ฟุตบอลยูโร ชาติที่อ้างว่าตัวเองคือจุดกำเนิดของเกมลูกหนังได้เป็นเจ้าภาพแค่รายการละครั้ง แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีความพยายามอย่างหนักเพื่อเสนอตัว รวมถึงความพร้อมที่เรียกได้ว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก
กระทั่งล่าสุดกับ ยูโร 2028 ที่เสนอตัวร่วมกับชาติในกลุ่ม "สหราชอาณาจักร" บวกกับ ไอร์แลนด์ มีแนวโน้มอย่างสูงว่าจะประสบความสำเร็จ หลังจากที่คู่แข่งอย่าง ตุรกี ถอนตัวไปแล้ว โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ตุลาคมนี้
หลังการเสนอตัวและจากสถานการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น มีการคาดเดาถึงสนามแข่งขันที่จะได้รับเลือกให้เป็นสังเวียนที่จะใช้สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ 10 แห่ง
แต่ว่าหนึ่งในนั้นกลับไม่มีชื่อของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีความจุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ เป็นรองแค่ เวมบลีย์
ปัญหาก็อย่างที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยออกมาพูดเมื่อครั้งกลับมาอยู่กับสโมสรเมื่อปี 2021 โดยบอกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกของสโมสร ณ ปัจจุบันยังเหมือนเดิมเมื่อครั้งที่ตัวเองย้ายออกจากทีมไปเมื่อปี 2009 หรือนานกว่า 10 ปี มาแล้ว
แกรี่ เนวิลล์ อดีตนักเตะเก่าของทีมก็เคยตำหนิตระกูลเกลเซอร์ ที่ปล่อยให้ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทรุดโทรมถึงเพียงนี้ พร้อมบอกว่าต้องใช้เงินมากถึง 1 พันล้านปอนด์ในการรีโนเวท
หลังจากได้มีการพูดคุยกับสมาคมฟุตบอลทางผู้บริหารของ "ปีศาจแดง" ก็ล้มเลิกการเสนอสนามเป็นสังเวียนที่จะใช้สำหรับการแข่งขัน แม้ว่าด้วยความจุแล้วจะผ่านได้อย่างสบายๆ ก็ตาม
อีกหนึ่งสังเวียนโด่งดังที่โดนตัดออกไปก็คือ แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล ที่เล็กเกินไปตามแนวทางของ ยูฟ่า และไม่สามารถขยายออกไปได้ รวมถึง ลอนดอน สเตเดี้ยม ของ เวสต์แฮม ที่โดนตัดออกไป
คาดกันว่าใน ลอนดอน มีสองสนามที่จะถูกเลือก แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ เวมบลีย์ ที่เป็นสนามกีฬาแห่งชาติ ความจุ 90,000 คน ส่วนอีกแห่งก็คือ ม็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร สเตเดี้ยม ที่ทุ่มเงินกว่า 1 พันล้านปอนด์ กับความจุ 62,850 คน
ในขณะที่สนามอื่นในแดนผู้ดีที่คาดว่าจะอยู่ในลิสต์ก็มี เอติฮัด สเตเดี้ยม ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (53,400 คน), เซนต์ เจมส์ พาร์ด ของ นิวคาสเซิ่ล (52,305 คน), และสนาม แบร็ดลี่ย์-มัวร์ ด็อค สนามใหม่ของ เอฟเวอร์ตัน ที่คาดว่าจะสร้างเสร็จและเปิดใช้ช่วงต้นฤดูกาล 2024/25 (52,888 คน)
อีกแห่งคือ วิลล่า พาร์ด (42,640 คน) ของ แอสตัน วิลล่า ความภาคภูมิใจของมิดแลนด์ ซึ่งอาจจะมีการปรับปรุงเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามมีข้อสงสัยในหลายด้านว่า เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ อาร์เซน่อล หรือแม้แต่ คร็อก พาร์ค ที่ ดับบลิน ทำไมถึงไม่ได้รับการพิจารณา
ข้ามไป เวลส์ แน่นอนว่าเป็นที่ มิลเลนเนี่ยม สเตเดี้ยม ที่สามารถจุคนดูได้ระดับ 74,500 คน ส่วนที่ สกอตแลนด์ แน่นอนว่าเป็น แฮมป์เด้น พาร์ค อันโด่งดังและเต็มไปด้วยตำนานที่ความจุ 51,866 คน
ฝั่ง ไอร์แลนด์เหนือ ส่ง เคสเมนต์ พาร์ค เข้าประกวด โดยสังเวียนแห่งนี้จะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อรองรับทัวร์นาเม้นต์นี้ ส่วนทาง ไอร์แลนด์ คือที่ อวิว่า ดับลิน ซึ่งจุได้ 51,700 คน
ตามกฎของ ยูฟ่า จะไม่ให้มีชื่อของสปอนเซอร์อยู่ในชื่อ ดังนั้น เอติฮัด สเตเดี้ยม อาจจะเปลี่ยนให้ใช้เป็น "เดอะ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม" เป็นการยกตัวอย่าง
คำแถลงการจาก โฮ เนชั่นส์ ระบุว่า "สหราชอาณาจักร และ ไอร์แลนด์ แบ่งปันชื่อเสียงอันนาภูมิใจในฐานะสถานที่จัดการแข่งขันชั้นนำของโลก ซึ่งประสบความสำเร็ตในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางรายการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอันแข็งแกร่ง"
"นั่นรวมถึงฟุตบอล ยูฟ่า วีเมนส์ ยูโร 2022 ที่มีการทำลายสถิติด้วย เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างิย่งที่พันธมิตรของรัฐบาลของเรามีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ยูฟ่า ยูโร 2028"
"พวกขาได้ลงนามในการรับประกันการแข่งขันที่เกี่ยวข้องแล้วและทำให้แน่ใจว่าการขัดการแข่งขันจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่"
"สิ่งนี้จะสร้างการต้อนรับ ความน่าตื่นเต้น และความปลอดภัยที่ผู้เล่นและแฟนบอลจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในทุกเมืองและทุกเกม"
นอกจากนี้ยังมีการยืนยันว่าการแข่งขันบูโร 2028 มีการตั๋ว 3 ล้านใบสำหรับทัวร์นาเม้นต์ ซึ่งเป็นยอดที่สูงที่สุดเท่าที่มีมาในฟุตบอลยูโรเลย
