:::     :::

การต่อสู้นอกสนามของ "วินิซิอุส จูเนียร์"

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
743
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"วินิซิอุส จูเนียร์" ถือเป็นนักเตะอนาคตไกลของเรอัล มาดริด

ด้วยวัย 23 ปี เขาพาพลพรรค “ราชันชุดขาว” กวาดแชมป์ และความสำเร็จต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ดาวเตะทีมชาติบราซิล กำลังเผชิญหน้าแบบทดสอบสุดหิน ที่ว่ากันว่า เป็นปัญหาที่ยากต่อการเอาชนะ โดยเขากำลังเจอการเหยียดผิวเล่นงานอย่างหนัก โดยเฉพาะการลงเล่นในศึกลาลีกา สเปน


เหตุการณ์อันโด่งดัง เกิดขึ้นในเกมลีก ที่เรอัล มาดริด บุกพ่ายบาเลนเซีย 0-1 แฟนบอลเจ้าบ้านเหยียดผิวใส่วินิซิอุส ตั้งแต่ที่รถบัสเรอัล มาดริด มาถึง ทุกสิ่งบานปลายไปถึงในสนาม วินิซิอุส เกิดปากเสียงกับแฟนบอล “ค้างคาว” จนส่งผลต่อจิตใจในการลงเล่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งให้เขาโดนใบแดงไล่ออกไป


ก่อนหน้านี้ วินิซิอุส ตกเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม นอกจากการเหยียดผิว เขายังคงโดนสาปแช่ง, แต่งเพลงเหยียด และทำท่าลิงใส่ เขาโดนแฟนบอลคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแอตเลติโก้ มาดริด ข่มขู่เช่นเดียวกัน ด้วยการทำหุ่นจำลอง และถูกนำไปแขวนคอ


นอกจากนี้ กล้องโทรทัศน์เคยจับภาพได้ว่า วินิซิอุส เคยถูกเหยียดผิวจากแฟนบอล ระหว่างเกมที่เจอกับโอซาซูน่า, เรอัล มายอร์ก้า และเรอัล บายาโดลิด ฯลฯ จากรายชื่อทีมดังกล่าว พอสรุปได้ว่าวินิซิอุส กลายเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ในการถูกโจมตีด้วยการเหยียผิว


สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ทำไม วินิซิอุส ถึงเป็นเป้าหมายในการเหยียดผิว และทำไมถึงไม่มีบทลงโทษตามมาถึงคนเหล่านั้น เราลองไปค้นหาคำตอบในเรื่องนี้กัน 

เรื่องราวที่น่าสนใจคือ วินิซิอุส โดนเหยียดจากแฟนบอลหลายกลุ่ม และหลายทีม แต่ไม่มีการเปิดเผยว่า พวกคนเหยียดได้รับบทลงโทษอย่างจริงจัง ทั้งจากฝ่ายจัดการแข่งขันของลาลีกา รวมถึงสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) ที่ดูเหมือนจะยังไม่มีมาตรการที่เข้มข้น 


เมื่อเรามาเทียบกับลีกสูงสุดของอังกฤษ ทั้งพรีเมียร์ลีก และสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (หรือว่า FA) สามารถลงโทษสโมสร รวมถึงแฟนบอลที่มีส่วนกับการเหยียดผิวได้เลย ส่วนในทางกลับกันนั้นเอง ฝ่ายจัดการแข่งขันของลาลีกา ออกมาบอกว่า พวกเขาไม่ได้มีอำนาจเพียงพอในส่วนนี้ 


สิ่งที่ลาลีกา พอจะทำได้ก็คือ การส่งเรื่องการละเมิดไปยังสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) หรืออัยการประจำภูมิภาค ขั้นตอนดูเหมือนมีความยุ่งยากมากขึ้น เมื่อเคสการเหยียดผิวเหล่านั้น ต้องถูกนำไปตีความในทางกฎหมาย ก่อนจะแยกออกมาเป็นบทลงโทษทางกีฬา 


การตีความด้านกฎหมายนั้น ทำให้เกิดช่องโหว่บางประการ ตัวอย่างเช่นเกมที่เรอัล มาดริด เจอกับแอตเลติโก้ มาดริด ในเดือนกันยายน 2022 วินิซิอุส โดนแฟนบอล “ตราหมี” เหยียดผิว ด้วยการด่าทอว่าเขาเป็น “ลิง" ลาลีกา ออกมาบอกว่า พวกเขาส่งเคสนี้ไปที่อัยการประจำภูมิภาค


แต่ผลปรากฏว่า อัยการประจำภูมิภาค ไม่ได้ตามเรื่องนี้ต่อ เพราะมองว่า การตะโกนว่า “ลิง” อยู่ในบริบทของคำที่ “ไม่สุภาพ" และ “ไม่น่าฟัง” นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผล ที่ไม่มีแฟนบอลคนไหนที่โดนลงโทษแบบจริงจัง เพราะคำว่า “ลิง” ถูกตีบริบทไปอีกหนึ่งรูปแบบ


ปัญหาดังกล่าว เหมือนจะเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดูเหมือนไม่อยากยื่นมือมาแตะเรื่องนี้ 


“Fare Network” องค์กรต่อต้านการเลือกปฏิบัติของวงการฟุตบอลยุโรป เชื่อว่า ลีกลาลีกา และหน่วยงานฟุตบอลสเปน กำลังเลี่ยงต่อปัญหาดังกล่าว พร้อมกับบอกต่ออีกว่า อัยการประจำภูมิภาค ยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับฟุตบอล และไม่อาจรับมือกับการสืบสวน ในกรณีเหล่านี้ได้ดีเพียงพอ


โดยเราสามารถดูจากการตัดสินเหตุการณ์ ด้วยการใช้คดีแพ่ง มากกว่าจะเป็นคดีอาญา ซึ่งทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา ที่ว่ามานั้น มีมาตรฐาน และบทลงโทษแตกต่างกัน ผลที่ออกมาคือ การเหยียดผิวในสนามฟุตบอลของลีกสเปน มีจำนวนการถูกยกฟ้องที่มากขึ้นเรื่อยๆ เต็มที่คือการปรับเงินเพียงเล็กน้อย


ซึ่งการถูกปรับเงินเพียงเล็กน้อยนั้น แทบไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อแฟนบอลที่พูดจาเหยียดผิวเลยด้วย การโดนโทษปรับไม่ได้มีความรุนแรงอะไรขนาดนั้น “Fare Network” เชื่อมั่นว่า สิ่งที่ลีกสเปน และหน่วยงานกฎหมายของสเปน มองเรื่องเหยียดผิวในสนามฟุตบอล กำลังนำไปสู่ “ระบบที่แตกสลาย"


ด้วยความที่บริบท รวมถึงกฎหมายยังไม่ได้ครอบคลุม ทำให้บทลงโทษออกมานั้นไร้ประสิทธิภาพ และไม่เคยได้ผล บางคนในองค์กร รวมถึงแฟนบอลที่ชอบพูดจาเหยียดผิวนักฟุตบอล ออกมามองว่า มันแค่เรื่องตลกเท่านั้น 


“Fare Network” มองว่า การที่สหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFFF) เพิกเฉย และไม่ให้ความสำคัญ ทำให้ระบบการร้องเรียนของเหยื่อที่ถูกเหยียดผิว อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปร้องเรียน “ยูฟ่า” เป็นการทดแทน


ลาลีกา เปิดเผยตัวเลขว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2020 เกิดคดีเหยียดผิวนักเตะผิวดำ จำนวนเป็นสิบๆคดี ที่ถูกส่งไปยังอัยการประจำภูมิภาค ตัวเลขที่น่าตกใจมากๆคือ นักเตะที่โดนเหยียดผิวในจำนวนครั้งที่มากที่สุด นั่นคือชายที่ชื่อว่า “วินิซิอุส จูเนียร์” สตาร์ของเรอัล มาดริด 


สิ่งที่น่าเจ็บปวดของวินิซิอุส คืออัยการประจำภูมิภาค ไม่อาจตัดสินคดี และไม่อาจออกบทลงโทษได้ จากเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของ “การไม่สามารถระบุตัวตนผู้กระทำผิดได้”, “การไม่เข้าไปอยู่ในตัวบทกฎหมายอาญา” รวมถึง “การไม่เข้าข่ายที่จะได้รับบทลงโทษ”


ย้อนกลับไปเดือนตุลาคม ปี 2021 วินิซิอุส  โดนแฟนบอลบางส่วนของทางบาร์เซโลน่า เหยียดผิวที่สนามคัมป์ นู อย่างไรก็ตาม อัยการประจำภูมิภาคของบาร์เซโลน่า ออกมาบอกว่า พวกเขาไม่อาจจะเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากการสืบสวนถือเป็นเรื่องส่วนตัว


ส่วนเกมเยือนเรอัล มายอร์ก้า เดือนมีนาคม 2022 แฟนบอลที่เหยียดผิววินิซิอุส ก็รอดตัวเหมือนเดิม จากการที่อัยการไม่อาจระบุตัวตนคนผิดได้  อีกหนึ่งมุม  ในการตัดสินเรื่องของการเหยียดผิวนักเตะ ในวงการฟุตบอลสเปน มีการสอบสวนที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่มันก็กินเวลาเนิ่นนาน 


ยกตัวอย่างเช่น เคสเหยียดผิวของอินากี้ วิลเลี่ยมส์ ดาวเตะแอธเลติก บิลเบา ในปี 2020 ใช้เวลามากถึง 3 ปี กว่าจะมาถึงการรอวันพิจารณาคดี กระบวนการคต่างๆของวงการฟุตบอลแดนกระทิงดุ ถือว่าเชื่องช้ามากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 


ครั้งหนึ่ง ศาลท้องถิ่นที่อังกฤษ เคยสั่งแบนแฟนบอลรายหนึ่ง 3 ปี จากการเหยียดผิวราฮีม สเตอร์ลิ่ง ดาวเตะเชลซี โดยใช้เวลาสอบสวนเพียงไม่กี่เดือน

ประมวลกฎหมายอาญาของสเปน ในแง่ของการเหยียดเชื้อชาติที่เกี่ยวข้องชาติพันธุ์ และชาติกำเนิด ซึ่งทำร้ายศักดิ์ศรี ผ่านการดูถูก หรือทำให้อับอาย กฎหมายระบุบทลงโทษเอาไว้เลยว่า ผู้กระทำผิด อาจมีโทษจำคุกยาวนาน ตั้งแต่ 6 เดือน จนถึง 2 ปี 


“CNN” สื่อชื่อดังระดับโลก ออกมารายงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ในช่วงปี 2021 ประเทศสเปน มีคดีเหล่านี้เกิดขึ้น จำนวนกว่า 1,800 คดี จากจำนวน 1,800 คดี ผลปรากฏว่า มีเพียง 192 คดี ที่นำไปสู่การฟ้องร้องกันในชั้นศาล


หากเราเจาะลึกไปกว่านั้น จากจำนวนคดีในชั้นศาล บทสรุปมีเพียง 91 คดี ที่โดนตัดสินว่ามีความผิด และต้องโดนบทลงโทษ เปรียบเทียบกับอังกฤษ และเวลส์ (ในช่วงเวลาเดียวกัน) มีคดีการเหยียดผิวถูกรับเรื่อง และจดบันทึกเอาไว้มากถึง 155,000 คดี 


จากตัวเลขที่ออกมานั้น เราพอพูดได้ว่า คดีการเหยียดผิวที่สเปน ที่ลุกลามไปถึงวงการฟุตบอล มีค่าเฉลี่ยถูกตัดสินลงโทษในจำนวนที่น้อยเอามากๆ 


“Fare Network” ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าวินิซิอุส ไม่เพียงต่อสู้กับการเหยียดผิวจากบรรดาแฟนบอลในสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่เขายังต้องต่อสู้เรื่องเหยียดผิว กับบรรดาสื่อมวลขนภายในประเทศอีกหนึ่งทางด้วย 


จากการเป็นนักเตะที่อายุ 23 ปี ที่ถูกยกย่องว่า เป็นหนึ่งคนที่มีพรสวรรรค์มากสุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน ทำให้ชีวิตของเขาอยู่ในดาบสองคม “Fare Network” บอกว่า สื่อของสเปน ต้องการแบ่งความรับผิดชอบเรื่องการถูกเหยียดผิวว่า วินิซิอุส ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 


สื่อทำการนำเสนออย่างชี้นำว่า วินิซิอุส โดนเหยียดผิว ส่วนหนึ่งเกิดจากสไตล์การเล่น รวมถึงวิธีฉลองหลังจากที่ยิงประตูได้ การเต้นฉลองการยิงประตูได้ของทางตัว วินิซิอุส กลายเป็นวาทกรรมของบรรดาสื่อ 


โดยบทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์ของสเปน ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา พุ่งเป้าไปว่า การเหยียดผิวเป็นเรื่องไม่ดี แต่ตัวของ วินิซิอุส ก็ทำตัวเองด้วย การกระทำดังกล่าวของสื่อต่างๆ “Fare Network”  มองว่า วินิซิอุส ถูกซ้ำเติม และเหมือนโดนเหยียดผิวอย่างโจ่งแจ้ง


นี่เป็นสิ่งที่ลาลีกา และสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) ต้องร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง อย่างที่กล่าวไป - ในปัจจุบัน การร้องเรียน, การสอบสวน และการตัดสิน ยังคงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี ในแง่ของการเหยียดผิวในวงการลูกหนังแดนกระทิงดุ 


มาตรการที่เห็นอย่างเป็นรูปธรรม มีเพียงแค่การที่ลาลีกา แจกหนังสือคู่มือให้กับแฟนบอล ก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มต้นขึ้น โดยเนื้อหาในหนังสือคู่มือ มีเพียงแนวทางปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมคุณค่าในการแข่งขันฟุตบอลเท่านั้น 


ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า มันไม่ได้ทำให้ปัญหาของแฟนบอล ที่เหยียดผิวนักเตะ ลดจำนวนลง หรือมลายหายไป



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด