เป็นอีกนัดที่ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เอาชนะคู่แข่งได้อย่างเด็ดขาด หมดจด และเต็มไปด้วยคุณภาพ 

อาร์เตต้า เลือกใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดบุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 6-0 ลงสนามต่อเนื่อง และยังรักษาฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมเอาไว้ได้เช่นเดิม

ประตูแรกจากโอกาสลุ้นยิงครั้งแรกทำให้ อาร์เซน่อล คอนโทรลการเล่นอย่างที่ต้องการได้รวดเร็ว และไม่เปิดโอกาสให้ เบิร์นลี่ย์ มีลุ้นกลับมาได้เลย

มาร์ติน โอเดการ์ด ยิงได้แม่นยำเด็ดขาดกับจังหวะสังหารบริเวณหัวกะโหลก ขณะที่ กาเบรียบล มาร์ติเนลลี่ ก็เปิดบอลให้ได้ดีเช่นกัน เขามองเห็นผู้เล่นเจ้าถิ่นอยู่ในเขตโทษจำนวนมากจึงเลือกจ่ายย้อนไปหน้าเขตโทษ หากแทงยัดเข้าไปบริเวณหน้ากรอบหกหลาก็อาจโดนเคลียร์ทิ้งได้

ในบางครั้งก่อนหน้านี้ มาร์ติเนลลี่ มักมีปัญหาในเวลาได้บอลฝั่งซ้ายแล้วมักพาลุยไปเองจนทำให้มุมในการเปิดเข้ากลางหรือยิงเองเหลือน้อยแบบไม่จำเป็น แต่ครั้งนี้ที่มองเห็นตัวเลือกปุ๊บก็จ่ายให้เลยไม่ต้องฝืนเล่นเอง

การนำเร็วของ อาร์เซน่อล บีบเจ้าถิ่นให้ต้องพยายามเปิดเกมรุกมากขึ้นเพื่อตีเสมอให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะโดนแข้งปืนใหญ่ไล่เพรสตั้งแต่แดนบนทำให้ออกบอลลำบาก 

อาร์เซน่อล ตัดบอลบริเวณกลางสนามจนถึงหน้าเขตโทษ เบิร์นลี่ย์ ได้บอลครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนจากรับเป็นรุกในทันที เจ้าถิ่นจึงตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ 

อีกจุดที่ อาร์เซน่อล ทำได้ดีขึ้นในช่วงหลังคือการสลับกันวิ่งเข้าเขตโทษของ ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ และในบางจังหวะก็เข้าไปพร้อมกันเหมือนเล่นหน้าคู่

เมื่อมีคนที่พร้อมวิ่งรับบอลทั้งหน้าเขตโทษและในเขตโทษ บูคาโย่ ซาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด จึงมีตัวเลือกในการตักบอลเข้าไปให้ได้ และสร้างโอกาสลุ้นประตูในทันที

อาวุธในเกมรุกของ อาร์เซน่อล จึงหลากหลายและมีประสิทธิภาพเพราะนอกจากการต่อบอลตามช่องแล้ว ยังมีสลับหยอดบอลข้ามไลน์แนวรับในเวลาคู่แข่งไม่ทันระวังตัว รวมไปถึงความสามารถเฉพาะตัวที่พร้อมงัดออกมาใช้ในทุกเวลา

ปืนใหญ่มาได้ประตูที่สองในเวลาที่ดีเช่นกันคือก่อนจบครึ่งแรกจากจังหวะประสานงานกันของคู่ 'false 9' ฮาแวร์ตซ์ ดีดให้ ทรอสซาร์ เข้าไปเรียกฟาวล์ในเขตโทษก่อนเป็น ซาก้า รับหน้าที่สังหารไม่พลาด

ฮาแวร์ตซ์ กับ ทรอสซาร์ เคยถูกมองว่าอาจต้องแย่งตำแหน่ง "หมายเลข 8" กันเองเพื่อเล่นตรงร่วมกับ มาร์ติน โอเดการ์ด และ เดแคลน ไรซ์ แต่กลายเป็นว่า อาร์เตต้า หาจุดลงตัวได้เจอส่งทั้งคู่ลงสนาม และสลับกันขึ้น-ลง และด้วยสไตล์การเล่นที่ต่างกันจึงส่งเสริมซึ่งกันและกันได้อย่างลงตัว 

ฮาแวร์ตซ์ เก็บบอลได้ดีและเป็นตัวเชื่อมในการพักบอล-จ่ายบอล ขณะที่ ทรอสซาร์ ก็วิ่งสอดในพื้นที่ว่างได้เก่ง และที่สำคัญในตอนนี้คือทั้งคู่อยู่ในช่วงมั่นใจและสร้างประโยชน์ให้ทีมอย่างมาก

ประตู 3-0 ช่วงต้นครึ่งก็เป็น ฮาแวร์ตซ์ พักบอลก่อนป้ายต่อให้ โอเดการ์ด ที่ไหลอีกทีให้ ซาก้า จับแล้วยิงด้วยขวาแสกหน้า เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด เข้าไป

ทรอสซาร์ และ ฮาแวร์ตซ์ แบ่งกันมีชื่อบนสกอร์บอร์ดจนได้กับสองประตูปิดท้ายให้ทีมที่เหมือนเป็นการตอกย้ำผลงานอันยอดเยี่ยมในเกมนี้

อันที่จริงแล้วแนวรุก อาร์เซน่อล ต่างทำผลงานกันได้ดีกันทุกคนจากการมีส่วนร่วมกับทุกจังหวะที่ทำให้การเล่นเกมรุกมีความลื่นไหล ต่อเนื่อง สวยาม และมีประสิทธิภาพ ขณะที่แฟนบอลก็รู้สึกได้เลยว่าดูแล้วเพลิน ดูแล้วสบายใจ  ไม่ต้องกังวลใดๆ

ขณะที่เกมรับก็เหนียวแน่นแข็งแกร่งเหมือนเดิมซึ่งกว่าที่ เบิร์นลีย์ จะได้ลุ้นยิงก็เข้าสู่นาทีท้ายๆ และช่วงทดเจ็บ แต่ก็ไม่เข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว ค่า xG หรือน่าจะเป็นประตูอยู่ที่ 0.00 คือไม่ใกล้เคียงที่จะได้ประตู

นอกจากคุณภาพโดยรวมที่ดีกว่าทั้งรุกและรับแล้ว ความตื่นตัวและสมาธิในการเล่นของ อาร์เซน่อล ก็มีมากกว่าเจ้าถิ่นชัดเจน หลายครั้งที่ได้ลูกตั้งเตะ หรือลูกทุ่มก็สร้างโอกาสลุ้นประตูได้เลยจากการเล่นเร็ว ขณะที่ เบิร์นลี่ย์ ไม่ทันระวังตัว หรือไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นจังหวะหลุดไปยิงประตูสุดท้ายของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ ยาคุบ คีวิออร์ ทุ่มขนานเส้นไปให้ง่ายๆ 

อาร์เตต้า กล่าวยกย่องลูกทีมหลังจบเกมว่า "มีความสุขจริงๆ กับฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นการเล่นเป็นทีมและรายคน"

"การมีส่วนร่วมช่วยทีมของทุกคนดีมากๆ และทีมก็ดูเหมือนต้องการลุยต่อเนื่องไม่หยุด พวกเขาไม่ได้พอใจและต้องการยิงประตูให้ได้อีก รวมถึงไม่ต้องการเสียประตูด้วย ผมจึงประทับใจมากๆ กับความมุ่งมั่นอย่างสม่ำเสมอ"

นี่จึงเป็นอีกเกมคุณภาพของ อาร์เซน่อล ที่รักษาโมเมนตัมได้ดีมากนับตั้งแต่กลับมาจากเข้าแคมป์ที่ดูไบ

อาร์เตต้า พาทีมชนะได้ 5 นัดติตด่อกันทำให้รักษาระยะห่างจาก ลิเวอร์พูล ที่ 2 คะแนนเช่นเดิม และได้ขึ้นเป็นรองจ่าฝูงหลังจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สะดุดได้เพียงตามตีเสมอ เชลซี 1-1 ในบ้านตัวเอง

ผลพวงจากการยิงสลุตช่วงหลังทำให้ประตูได้-เสียเป็นบวกมากสุดในลีก ตรงนี้อาจเป็นแต้มพิเศษที่ล้ำค่าในบั้นปลายหากคะแนนเท่ากัน

5 นัดที่ชนะรวดยิงรวมได้ถึง 21 ประตู เสียไปเพียง 2 ประตู และเก็บไป 3 คลีนชีต เกมรุก-เกมรับโดดเด่นไม่แพ้กันราวกับว่าต่างไม่ยอมให้อีกฝ่ายมีซีนเหนือกว่า 

ใดๆ แล้วไม่ใช่การชิงดีชิงเด่นเพราะเป็นการเล่นเพื่อกันและกันและทำเพื่อทีม เดินหน้าไปพร้อมกันเพื่อเป้าหมายที่ตำแหน่ง "แชมป์" ให้ได้