:::     :::

ตำแหน่งอาถรรพ์ จะแก้กันยังไง

วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,398
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลุค ชอว์ ปิดเทอมยาวเรียบร้อยแล้วในฤดูกาลนี้ และแบ็คซ้ายธรรมชาติของทีมเจ็บยาวทั้งหมด ภาพรวมของปัญหาตรงนี้มากมายขนาดไหน และตำแหน่งอาถรรพ์ตรงนี้จะแก้ยังไง เมื่อแบ็คเหลือแค่คนเดียว นี่คือคำตอบ

เช้าวันนี้มีข่าวโคตรร้ายของเหล่าแฟนผีที่ต้องทำใจกันหนักมากจริงๆ โดยมีถ้อยแถลงเป็น Official แล้วว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยืนยันว่า ลุค ชอว์ ได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ และต้องพักยาวในการรักษาตัว รวมถึงประเมินอาการเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาความรุนแรง คาดว่าชอว์จะต้องพักนาน"หลายเดือน" ถึงราวๆร่วม 12 สัปดาห์ ทีเดียว

ซึ่งถ้าสมมติจะนับสัปดาห์ให้แบบเป๊ะๆตามข้อมูลเบื้องต้นจาก Laurie Whitwell [tier1] ที่รายงานตัวเลขนี้แล้ว กว่าที่ชอว์จะหายกลับมาช่วยทีมได้ ก็คือ "เกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล" ในการไปเยือนไบรท์ตันเลย

ถ้าดูตามระยะเวลาดังกล่าว พูดกันตรงๆในทางปฏิบัติแบบไม่ต้องอ้อมค้อม ใช้คำว่า "ปิดเทอมยาว" เลยก็ว่าได้สำหรับ ลุค ชอว์ ในฤดูกาล 2023/24 นี้


ถือว่าดวงแตกมากๆสำหรับกรณีตำแหน่งแบ็คซ้ายของทีม ที่อยู่ดีๆตัวเล่นตำแหน่งนี้หายไปพร้อมๆกันหมด

จากจุดแรกที่สโมสรต้องส่งคืนเรกีลอนกลับไปเพื่อเคลียร์บัญชีแดงในกฎ FFP ที่สโมสรมีปัญหาเรื่องรายจ่ายอยู่ เพราะว่าจริงๆแล้วตามกำหนดการช่วงต้นปีนี้ ในช่วงกลางมกราคมที่ผ่านมา นักเตะหลายคนมีกำหนดหายเจ็บกลับมาพร้อมกันครบถ้วน ทั้ง มาร์ติเนซ ชอว์ มาลาเซีย แถมตอนนั้น วานบิสซาก้าก็ฟิตสมบูรณ์ดี ยังลงสนามต่อเนื่องอยู่ ขณะที่ดีลยืมเรกีลอนแมนยูก็ตั้งใจใส่ Break Clause ที่สามารถยกเลิกสัญญายืมตัวในตลาดรอบสอง(มกราคม)มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตามแผนงานที่วางไว้

ดังนั้นดีลเรกีลอนคือดีลโปะแบ็คซ้ายระยะสั้นจริงๆที่ยูไนเต็ดวางกรอบเวลาไว้เพื่อรอแบ็คตัวจริงหายเจ็บกลับมา

เพราะฉะนั้น ถ้านักเตะที่ลงเล่นแบ็คซ้ายได้กำลังจะกลับมาพร้อมกันถึงสองคน ทั้งชอว์ มาลาเซีย แถมมีดาโลต์เล่นได้อีกตอนนั้น ถ้ายังเก็บเรกีลอนอยู่มันก็จะมีนักเตะที่แทนตำแหน่งกันได้ถึง 5-6 คนเลยในเวลานั้น (ชอว์ / ดาโลต์ / เรกีลอน / มาลาเซีย / AWB + ลินเดอเลิฟ & อัมราบัต)

ซึ่งมันทับซ้อนกันเกินไป

การคืนเรกีลอนเพื่อลดค่าใช้จ่ายก็ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำตามแผนงาน ด้วยเหตุผลที่สมควร

สังเกตดีๆตอนนั้น เรกีลอนเองก็แทบจะไม่ได้ถูกใช้งานเป็นตัวจริงอยู่แล้ว ทีมสามารถปรับดาโลต์มายืนซ้ายให้ทีมได้ ในฐานะที่เคยเล่นฝั่งซ้ายด้วยมาตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่ง สถานะของเรกีลอนจึงต้องถูกสแตนด์บายเป็น แบ็คซ้ายอันดับ3 จากมุมมองการพิจารณาเรื่องคุณสมบัติในเชิงแทคติก

ด้วยความเหนือกว่าของดาโลต์ในด้านเกมรับ, ลูกกลางอากาศ รวมถึงความหลากหลายในด้านการเล่นของดาโลต์ก็มีมากกว่าเรกีลอนอย่างเห็นได้ชัด ที่เจ้าตัวเล่นได้แค่ริมเส้น แต่ดาโลต์หุบเข้าในเพื่อเล่น Inverted Wing-back ให้ทีมปรับแผนได้

ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องเหตุผลทางฟุตบอล สถานะดาโลต์ในตำแหน่งแบ็คซ้ายเหนือกว่า ดังนั้นเรกกี้จึงต้องย้ายกลับสเปอร์สในที่สุด และปัจจุบันก็ไปยืมตัวอยู่กับเบรนท์ฟอร์ดนั่นเอง

ดาโลต์เป็นตัวสำคัญมากๆในด้านแทคติกของเอริค เทน ฮาก ที่มีคุณสมบัติ และ skill set ที่พร้อมสำหรับการทำตามแทคติกที่จำเป็น ในมุมมองเทน ฮาก ดาโลต์คือ "แบ็คซ้ายอันดับสองของทีม ถัดจากลุค ชอว์" ที่จะส่งลงสนามก่อนคนอื่น อย่างมาลาเซีย หรือตัวยืมมาอย่างเรกีลอน

เพราะฉะนั้นตามกำหนดการเดิมช่วงมกราคม เมื่อนักเตะหายเจ็บกลับมาตามกำหนดการทั้งหมด ทีมเราจะมีทั้ง ชอว์ ดาโลต์ มาลาเซีย อยู่กันครบสามคนสแตนด์บายในตำแหน่งแบ็คซ้ายไว้ แถมยังมีตัวทดแทนคนอื่นๆที่เล่นตำแหน่งนี้ได้ด้วยอย่าง ลินเดอเลิฟ และ อัมราบัต ก็ยังส่งลงสนามได้เหมือนกัน ดังนั้นรวมแล้วมีคนเล่นแบ็คซ้ายได้ "5 คน" ที่เล่นทดแทนกันไหว เราจึงได้ปล่อยเรกีลอนคืนคลับไก่เพื่อลดค่าใช้จ่ายสโมสรทันทีเพื่อไม่ให้ผิดกฎ FFP ที่มีปัญหาอยู่ รวมถึงเงื่อนไขต่างๆที่จะ activated ในตัวสัญญาของเรกีลอนด้วย

แต่ใครจะไปรู้ว่า ในเวลาต่อมาอีกไม่นาน แมนยูจะดวงแตกถึงขนาดตัวเลือกในตำแหน่งแบ็คซ้ายเกือบทั้งหมดของทีม บาดเจ็บกันหมดทุกราย

แบ็คตัวหลักปิดเทอม (ชอว์)

แบ็คตัวสำรองไม่รู้กำหนดหาย (มาลาเซีย)

แบ็คขวาอีกคนที่จะทำให้ดาโลต์โยกมาเล่นซ้ายได้ก็ดันต้องพักอีก2-3วีค (วานบิสซาก้า)

แบ็คซ้ายธรรมชาติที่ยืมจากสเปอร์สก็ส่งคืนไปแล้วตามแผนการ (เซร์คิโอ เรกีลอน)

ก่อนหน้านั้น ตัวดาวรุ่งก็ปล่อยยืมไปแล้วเพราะนักเตะต้องการโอกาสลงสนาม(อัลบาโร่ เฟอร์นันเดซ)

จะดึงนักเตะมาจากชุดเยาวชนก็ต้องเป็นตัวเล่นที่เด็กจริงๆและยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองเท่าไหร่ ซึ่งมันจะไม่ได้นักเตะที่พร้อมไม่เท่าแรงค์ของอัลบาโร่แน่ถ้าจะดึงเด็กขึ้นมาแบบนั้น

ที่หลายๆคนสงสัยว่า ทำไมแมนยูปล่อยแบ็คซ้ายหมดเลย ไม่มีแผนสำรองเหรอ ไม่เผื่อนักเตะเจ็บไว้เหรอ?

ถ้าดูตามกำหนดการก็จะเห็นว่าทุกอย่างมันพร้อมแล้ว นักเตะแทบทั้งหมดกำลังจะหายกลับมาพร้อมๆกัน แล้วตัวทดแทนเรกีลอนที่แทบไม่ได้ใช้งานจริงๆ ตัวอื่นก็พอทดแทนได้ ปัญหาเรื่องกฎการเงินมันเป็นสิ่งที่ทีมหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าพลาดทำผิดกฎแล้วโดนตัดแต้ม สโมสรเสียหายหนักแน่นอน

แต่หลักๆทีมเราโชคร้ายจริงๆที่นักเตะสองคนในตำแหน่งเดียวกันเจ็บยาวทั้งคู่ โชคร้ายมาก

จุดที่ประเมินพลาดจริงๆคือเคสของ ไทเรลล์ มาลาเซีย เคสเดียวที่อันนี้ผิดพลาดจริง ทำให้ทีมสบายใจที่จะปล่อยเรกีลอนกลับไป ข้อนี้ต้องพูดคุยกับทีมแพทย์หลังบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม process ถึงล่าช้า ซึ่งจริงๆช้าไม่เป็นไร ถ้าประเมินกันถูกต้อง แต่การมีข่าวว่ามาลาเซียใกล้จะได้กลับมา แล้วยังไม่หายสักทีนั้น อันนี้บอกได้ว่าน่าจะเป็นปัญหาทางด้านทีมแพทย์แน่

ประเมินผิดพลาดกันมาตั้งเท่าไหร่แล้ว

อัพเดทรายละเอียดอาการบาดเจ็บในแต่ละคนดังนี้

-ไทเรลล์ มาลาเซีย

รายนี้เจ็บหนักสุดบริเวณเข่า ยังไม่หาย แถมเป็นการไม่หายแบบ "ไร้กำหนดการ" ด้วยในตอนนี้ น่าเป็นห่วงสภาพร่างกายมาก และทีมเสียหายพอสมควร แทบจะไม่ได้ลงเล่นเลย และดูทรงว่ามีสิทธิ์ปิดเทอมแบบลุค ชอว์ ได้เลยด้วยซ้ำในฤดูกาลนี้ เคสนี้ของ "ไท" หนักมากจริงๆ

-อารอน วานบิสซาก้า

ตัวเลือกที่ทำให้โยกดาโลต์มาเล่นแบ็คซ้ายได้ ก็บาดเจ็บไปด้วย โดยเป็นการเจ็บซ้ำช่วงที่กำลังกลับมาซ้อมอยู่ ทำให้เขาต้องพักอีกระยะ และการจะใช้ดาโลต์ข้ามฟากมายืนแทนชอว์ก็ลำบากอีก แทนที่จะสามารถใช้อารอนลงไปคุมแบ็คขวาเพื่อให้ดาโลต์โยกมาเล่นซ้ายได้ เจ้าตัวก็ดันมาเจ็บไปในช่วงนี้อีกคน

-ลิซานโดร มาร์ติเนซ

คนดวงแตกที่ "ซวย" เพราะอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ โดนชูฟาลทับเข่าในจังหวะเบียดกัน และทิ้งน้ำหนักล้มทับเข่าลิช่าจนผิดท่า จนเจ็บที่บริเวณเอ็นข้างเข่าตัว MCL ทำให้ตัวเล่นกองหลังถนัดเท้าซ้ายที่มีอยู่ทั้งหมดสามคนจึงบาดเจ็บออกจากทีมไปพร้อมกันหมด ลิช่าเองก็ต้องพักจนกว่าจะถึงต้นเดือนเมษายน

-ลุค ชอว์

ปัญหาด้านกล้ามเนื้อ และสภาพร่างกายพื้นฐานของเขา ยังคงมีปัญหาจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้สำคัญมากๆ มากถึงขนาดว่าต้องคิดแล้วว่า "แบ็คซ้ายตัวจริงเราจะเอาไงกันดี" ซึ่งอยู่ดีๆจะไปซื้อตัวใหม่เก่งๆมาก็ไม่ได้อีกเพราะสโมสรมีปัญหาการเงินอยู่ ค่อนข้างลำบากมากจริงๆ มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่ใครๆคิด แม้จะได้เจ้าของใหม่มาก็ตาม แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตาม protocol ของกฎ FFP อยู่ดี

พอตัวควบคุมสมดุลเกมรับหลังบ้านด้านฝั่งซ้ายอย่างมาร์ติเนซเจ็บไปอีกคนเป็นเดือนๆ ตอนนี้ชอว์ก็แทบจะปิดเทอมยาวแล้ว จากเดิมที่จะมีกองหลังตัวครองบอล เก็บบอลจากหลังบ้านพร้อมกัน ทั้ง ชอว์-ลิช่า ทำให้ตัวที่สามารถเล่นโฮลดิ้งหลังบ้านได้เก่งๆ ไม่มีเหลืออีกแล้ว

สิ่งนี้รับรองว่ามีปัญหาแน่ทั้งในด้านเกมรับ และการครองบอลขึ้นเกม เมื่อทีมยิ่งครองบอลไม่ได้หนักกว่าเดิม ก็มีสิทธิ์ที่คู่แข่งจะเล็งเห็นจุดอ่อน แล้วมาเล่น High Pressing โหดๆใส่ยูไนเต็ดชัวร์ๆ โดยเฉพาะเกมเจอซิตี้และลิเวอร์พูลในเกมข้างหน้า ตัวที่จะมายืนแทนชอว์งานหนักแน่ๆ เพราะมันไม่ใช่ตำแหน่งถนัดในฝั่งที่เล่นได้สะดวก แล้วหากต้องไปเจอสองทีมที่เล่นเพรสซิ่งสูงได้ดุเดือดที่สุดในลีก

นึกภาพไม่ออกว่า เอาตัวอื่นมายืนแบบขัดตาทัพแทนชอว์ จะรับมือคู่แข่งโหดๆอย่างซิตี้ ลิเวอร์พูล ยังไงในช่วงใกล้ๆที่จะถึงนี้

เชื่อว่าไม่มีใครคิดว่าอยู่ดีๆ ลุค ชอว์ ที่เหมือนกลับมาฟิตแล้ว จะต้องเจ็บยาวถึงขนาดปิดเทอมเลยอีกรอบในอีกแค่ 1 เดือนให้หลัง ทั้งที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ชอว์เจ็บสะสมมาเรื่อยๆหลายเกมก่อนนี้ที่ต้องรีบถอดออกตั้งแต่พักครึ่ง แต่เกมต่อมาก็สามารถเข็นกลับมาลงสนามได้

แม้จะมีอาการที่ดี แต่ลงสนามมาก็ต้องเจอกับการปะทะอีกแล้ว และก็เจ็บซ้ำไปอีก ในเกมเราก็เห็นจังหวะที่ชอว์ไปลงเท้าผิดจังหวะตามภาพข้างล่างนี้ เดินกะเผลกให้เห็นตั้งแต่ต้นครึ่งแรก เล่นจนเกือบจบได้ก็ถือว่าน่าแปลกใจแล้ว

จังหวะที่ขาไปเกี่ยวกับคู่แข่งและลงผิดตำแหน่ง ซวยซ้ำอีก

เท่ากับว่า ตอนนี้แบ็คของทีมเจ็บหมด ทั้งแบ็คซ้าย แบ็คขวา รวมแล้ว "3 ตัว" ที่เป็นคู่ double position ในตำแหน่งแบ็คทั้งสองฝั่ง หายไปแล้ว 3 ใน 4 ตัว เหลือ "ดิโอโก้ ดาโลต์" ผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

ดาโลต์คงอยากบอกว่า "ตูหยุดเวลา แล้วแยกร่างไปเล่นทั้งแบ็คซ้ายแบ็คขวาในเวลาเดียวกันไม่ได้นะเฟ้ย!" อย่างนี้แน่ๆ

ปัญหาเกิดทันทีในภาคการเล่น อย่างที่บอกไปว่า แม้เราจะพูดว่า ใช้ลินเดอเลิฟ ใช้ อัมราบัต ลงแทนตำแหน่งได้ก็เถอะ แต่ในทางปฏิบัติแล้วเราก็รู้กันดีว่ามันค่อนข้างเสี่ยง เวลาเจอกับคู่แข่งที่เร็วมากๆ มีสกิลทักษะไปกับบอลดีๆ แบ็คจำเป็นอย่าง ลินเดอเลิฟ ก็จะเจองานหนักทุกครั้ง จากเกมที่ต้องดวลกับ ลีออน เบลีย์ ก็จะเห็นได้ชัด

ดังนั้นการใช้ลินเดอเลิฟ ก็คงเป็นทางเลือกที่ทีมคงไม่อยากเลือกสักเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของเขา แถมคนสแตนด์บายกองหลังก็จะลดลงไปอีกหนึ่งคน เพราะแมกไกวร์ก็เจ็บ อีแวนส์ก็ต้องไปยืน CB คู่วารานไปแล้ว

สงสัยหลังจากนี้แฟนผีมีแววจะได้เห็น วิลลี่ คัมบ์วาล่า กันอีกครั้ง ที่อาจจะได้ลงมาช่วยสลับสับเปลี่ยนในช่วงท้ายเกมในตำแหน่ง แบ็คขวา หรือ ซ้าย ของทีม ทั้งที่น้องก็เป็น CB ธรรมชาติอีกคนหนึ่งเช่นกัน

สิ่งที่ต้องพิจารณาตอนนี้ก็คือ หนทางการแก้ปัญหาของทีมมีอะไรบ้าง และจะออกมาในรูปแบบไหน

อย่างแรกก่อนเลย ใครที่คิดว่า จะให้ Antony ซึ่งเล่นเกมรับดีๆนั้น มาเล่นแบ็คแทนลุค ชอว์ เรื่องนี้คงยากมาก หรือถ้าเล่นก็น่าจะเล่นในบทบาท "วิงแบ็ค" ที่ขยับสูงขึ้นไปนิดนึง มากกว่าจะให้เล่นฟูลแบ็คคุมพื้นที่สุดท้าย เพราะแม้ว่าอันโทนี่จะขยัน แข็งแกร่ง และเล่นเกมรับได้ดีก็ตาม แต่ยังไงก็ไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติของเขา สู้กองหลังแท้ๆอย่างลินเดอเลิฟไม่ได้ในด้านการป้องกัน

และที่สำคัญ ส่วนสูงอันโทนี่ น่าจะโดนบอมลูกโด่งใส่เสาสองรัวๆ แค่คิดก็นรกแล้ว เพราะงั้น ตัดชอยส์ที่ว่า เอา Antony มายืนแบ็คซ้ายไปได้เลย

ประการถัดมา ก็คือการใช้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เล่นตำแหน่ง LB ไปยาวๆ โดยให้เล่นในฐานะ Full Back สายเน้นยืนต่ำ เล่นเกมรับเป็นหลัก อาจมีเติมเกมสูงเพื่อช่วยปีกซ้ายได้บ้าง แต่แค่ครั้งคราว ไม่เล่นเป็นหลัก เพราะเขาไม่ได้เป็นแบ็คที่ทำเกมบุกได้ดีอะไรขนาดนั้น แค่พอเล่นได้ถ้าเราพูดกันจริงๆ เพราะงั้นการใช้ลินเดอเลิฟ ขีดเส้นใต้เน้นๆว่า ควรใช้ลินเดอเลิฟเล่นเป็นฟูลแบ็คยืนประคองต่ำ เน้นเกมรับเป็นหลัก จะดีที่สุด

และก็ใช้คำว่า แค่พอเล่นได้นะครับ

ตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ หากว่าจะปรับกันจริงๆ มีทางอื่นที่เหนือความรับรู้ของแฟนบอลสักหน่อย และคงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ เช่น ปรับเล่นแผน "สามเซ็นเตอร์แบ็ค" แล้วซ้ายขวาใช้ในลักษณะ Wing-back ไปเลย ซึ่งอันนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างแรง เอริคไม่ปรับทีมที่กำลังสร้าง routine การเล่นมาต่อเนื่องในระบบ 4-3-3 ที่สวิตช์เป็น 3-2-2-3 (รุก) และ 4-1-4-1 (รับ) แน่นอน เรื่องหลังสามนี่เลิกคิดไปได้เลย ไม่มีทาง

จะลองใช้ วิลลี่ คัมบ์วาล่า ลองเล่นแบ็ค ข้อนี้ก็ถือว่าได้ เน้นใช้ความสดของน้องวิ่งไล่บอล สกรีนงานให้เซ็นเตอร์ ก็พอไหว ถ้าเกิดมีใครเจ็บอีกคน เช่น วารานเจ็บ แล้วต้องดึงลินเดอเลิฟ ไปเล่น CB ก็สามารถใช้ คัมบ์วาล่า เล่นแบ็คซ้ายแทนได้อีกต่อ 

ถ้าไม่ไหวจริงๆ อย่าลืมว่า "โซฟียาน อัมราบัต" สามารถเล่น LB ให้ทีมได้ในช่วงนี้ เนื่องจากพี่แกไม่มีตำแหน่งในแผงกองกลางของทีมแล้ว เพราะ ไมนู คาเซ บรูโน่ ยึดตำแหน่งยาวๆในcombinationกองกลางที่ดีที่สุด แถมมิดฟิลด์ยังเจอ McTominayร่างทองขวางหน้าอยู่อีก เพราะเอริคใช้ ค็อบบี้ ไมนู เล่นเบอร์ 6 ตัวตั้งเกมได้ โอกาสที่อัมราบัตจะได้ลงกลาง เกิดขึ้นยากมาก

อัมราบัตจึงน่าจะเป็นอีกคนที่สะดวกและพร้อมช่วยตำแหน่งอาถรรพ์ตำแหน่งนี้ เพราะแดนกลางมีตัวเล่นเยอะแล้ว รอเมสัน เมาท์ กลับมาอีกคนน่าจะแน่นกว่านี้อีก เพราะงั้นการใช้อัมราบัตยืนแบ็คซ้าย ยังเป็นตัวเลือกที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง

หรือ ถ้าไม่ไหวของไม่ไหวจริงๆ ยังมีอาวุธลับเก็บไว้อีกคน คนสุดท้ายที่มีข่าวมาแว้บๆ ก็คือดาวรุ่งเด็กน้อยอายุ 16 ปี ทีมชาติอังกฤษชุดเล็กอย่าง Harry Amass 

แบ็คซ้ายเท้าซ้ายธรรมชาติ วัย 16 ปีรายนี้ เป็นเด็กเยาวชนที่มาจากวัตฟอร์ด ซึ่งเราดึงมาเข้าอะคาเดมี่ในปีนี้ เจ้าตัวติดทีมชาติอังกฤษชุด U-17s ไปแล้ว 3 เกม ส่วนปีนี้เขาลงเล่นในทีมชุดเก่งของ U-18s สโมสรเรา ลงเล่น 16 นัด ทำไป 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ ถ้าจำเป็นจริงๆไม่แน่เอริค เทน ฮาก อาจได้เดบิวต์เด็กอีกคนก็ได้

รู้จักกันไว้ เผื่อน้องมีชื่อบนม้านั่งสำรองขึ้นมาจริงๆก็น่าสนใจ

ดังนั้น สรุปแล้วตัวเลือกที่เหลืออยู่ในตอนนี้จริงๆ ทีมจึงมี ลินเดอเลิฟ / อัมราบัต / คัมบ์วาล่า ในการลงเล่น LB ให้ทีมแทนลุค ชอว์ เพื่อให้ดาโลต์ยืน RB ทางขวาต่อไปเรื่อยๆ

เพื่อที่จะรอเวลาจนกว่าแบ็คตัวจริงจะหายเจ็บกลับมา ซึ่งคนแรกที่จะกลับมา น่าจะเป็น AWB แน่นอนที่รออีก 2-3 สัปดาห์ เขาคงกลับมาได้

ถ้าเจ้าแมงมุมกลับมา ถึงเวลานั้นทีมก็จะสามารถใช้ อารอน กลับมายืนแบ็คขวา เพื่อจะได้โยกดาโลต์ มาเล่นแบ็คซ้ายได้นั่นเอง

นี่คือปัญหาทั้งหมดในภาพรวมของตำแหน่งฟูลแบ็ค โดยเฉพาะแบ็คซ้ายที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ว่า นักเตะเจ็บไปหมดแล้ว ไม่เหลือตัวจะลงเล่นแล้ว แบ็คตัวจริงสองคนเจ็บยาว และไม่หายเจ็บทั้งคู่ ตัวจะลงแทนก็เหลือน้อย ดังนั้นแฟนบอลจึงต้องกัดฟันอดทนนิดนึง และต้องลุ้นหนักในทุกๆเกม ซึ่งคู่แข่งรู้แบบนี้เขาคงขึ้นเกมทาง Right Flank เพื่อมาโจมตี Left-back ของเราแน่นอน

เราเป็นคู่แข่งเราก็ทำแบบนี้เหมือนกัน โลกความจริงมันโหดร้าย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในความลำบากที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่แฟนแมนยูควรต้องเห็น และรู้สึกขอบคุณพี่แกจริงๆ ก็คือท่านดิโอโก้ ดาโลต์ ผู้นี้นี่เอง ไม่เคยเจ็บ ไม่เคยตายกับใครเขา ส่งลงเล่นตำแหน่งไหนก็ไม่บ่นเล่นได้หมด วิ่งตลอด90นาที แถมยืดหยุ่นมากในด้านตำแหน่งและพื้นที่การเล่น นักเตะแบบนี้ผู้จัดการทีมชอบมากเป็นพิเศษ

เขานี่แหละคือผู้ที่อาถรรพ์ตำแหน่งแบ็คทำอะไรไม่ได้

ดาโลต์ลงสนามเต็มเกมติดต่อกันมาทั้งฤดูกาล ไม่เคยเจ็บป่วย ไม่มีเหนื่อย 

ในวัย 24 ปี กำลังฟิตเปรี๊ยะ ดาโลต์ลงเล่นมาแล้วในซีซั่นนี้ 33 เกม ทำไป 2 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ ด้วย Performance ที่วิ่งขึ้นวิ่งลงทุกเกม วิ่งเข้าวิ่งออก (Central Channel / Half-space / Wide Channel)

หุบเข้าหุบออกตลอดเวลาตามสถานการณ์ในสนาม ทั้งถ่างออกไปครอสบอลริมเส้นจนได้หลายแอสซิสต์ / ขยับเข้ากลางเล่น Inverted Wing-back ยืนกลางคู่คาเซมิโร่ในจังหวะเซ็ตบอลด้วยทรง 3-2-2-3

 ในแทคติกล่าสุดจากภาพข้างล่างนี้ก็ใช่ เอริคใช้ดาโลต์เป็นตัวฟร้อนท์วิ่งชิงจังหวะกับกองหลังคู่แข่ง วิ่งทแยงมุมชิงไลน์จากริมเส้น ปาดยาวๆโผล่เข้าไปรับบอลยาวจากเพื่อนในพื้นที่ตรงกลางจนแฟนบอลก็งงว่า เอ็งมายังไงเนี่ย 

ดาโลต์ฟิตมาก สดมาก มุ่งมั่นตั้งใจ และโคตรแข็งแกร่ง ฟิตระดับเดียวกับ บรูโน่ เฟอร์นันด์ส เป๊ะๆ เล่นยังไงก็ไม่เจ็บ และวิ่งหนักเต็มเกมทุกนัดโดยไม่มีอาการล้าให้เห็น

เขาคือแบ็คคนเดียวที่ความอาถรรพ์ตรงนี้ทำอะไรไม่ได้ และดาโลต์ก็เป็นความหวังสุดท้ายของแมนยูไนเต็ดในตำแหน่งวิงแบ็คจริงๆ ถ้าไม่มีเขาอยู่ หรือถ้าเขาเจ็บไป แมนยูพังกว่านี้แน่นอน ต้องขอบคุณดาโลต์มากจริงๆที่ช่วยทีมได้ถึงขนาดนี้ ฝีเท้าและพัฒนาการก็สูงขึ้นทุกวันๆ พระเอกตัวจริงเลย

ยิ่งนักเตะแมนยูเจ็บกันระนาวด้วยปีนี้ แต่ไม่ว่าใครจะเป็นยังไง จะเจ็บเข้าเจ็บออกจากทีมขนาดไหนก็ตาม เขาสองคนกับบรูโน่ เฟอร์นันด์ส พี่ชายร่วมชาติโปรตุเกส จะไม่บาดเจ็บและอยู่ในทีมเสมอ

สองคนนี้วิ่งลืมตายทุกเกม โดนเตะทุกเกม และก็ลุกขึ้นมาวิ่งต่อได้ทุกเกมเหมือนกัน

อวยจนไม่รู้จะอวยยังไงแล้ว แต่ดาโลต์มันโคตรสำคัญกับเรามากจริงๆ น้องมันคือความหวังสุดท้ายจริงๆ ถ้าอยู่ดีๆวันนึง ดาโลต์เจ็บไปจริงๆ นั่นอาจจะเป็นฝันร้ายใน Worst Case ของตำแหน่งวิงแบ็คทีมเราเลยก็ได้

ระหว่างนี้อยู่แบกในตำแหน่งแบ็คให้ทีมไปก่อนนะลูกชายเอ๊ย 

#BELIEVE

-ศาลาผี-

Reference

https://www.manutd.com/en/news/detail/update-regarding-luke-shaw-injury-on-21-february-2024?utm_campaign=ManUtd&utm_medium=post&utm_source=twitter

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด