เรียกได้ว่านับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือเมื่อปี 2013 ไปต้องบอกว่าสโมสรปั่นป่วนเลย คนที่เข้ามานับตั้งแต่นั้นแต่ละคนอยู่ได้ไม่นานทั้ง เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อันนี้ไม่รับพวกที่คุมทีมชั่วคราวอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค และ ราล์ฟ รังนิก

    โดยเฉพาะในรายของ ฟาน กัล กับ มูรินโญ่ นี่ชื่อเสียงและความสำเร็จอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการยังไปไม่รอด จะด้วยเรื่องหลังบ้าน นักเตะไม่ดี วางแผนไม่เข้าเป้า หรืออะไรก็ตามแต่ ก็สรุปว่าไปไม่รอดละกัน

    จนล่าสุดกับ เอริก เทน ฮาก ก็กำลังอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักจากผลงานที่ไม่ดีนักในซีซั่นนี้ แถมต้องบอกว่ารูปแบบการเล่นมันดูไม่ได้เรื่องจริงๆ

    ตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา "ปีศาจแดง" ใช้เงินซื้อนักเตะนับเฉพาะคนที่ค่าตัวเกิน 50 ล้านปอนด์มีมากถึง 13 คน ซึ่งต้องบอกว่าส่วนใหญ่แทบจะลงเอยด้วยความล้มเหลว

    คนแรกก็คือ ปอล ป็อกบา ที่ทีมควักกระเป๋าจ่ายให้ ยูเวนตุส 89 ล้านปอนด์ แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ที่โดนแฟนบอลทีมอื่นค่อนขอดว่าบ้า เหตุผลก็คือทีมเสียฟรีไปให้กับ "ม้าลาย" แต่กลับจ่ายค่าตัวมหาศาลดึงกลับมา ภาพรวมไม่ได้ถือว่าเลวร้ายอะไรมากมาย แต่ก็ต้องบอกว่าน่าผิดหวังเมื่อมองจากความคาดหวังที่ถูกตั้งไว้อย่างสูง แถมที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือสุดท้ายหมดสัญญาและย้ายไปแบบไม่มีค่าตัวซ้ำรอยเดิมอีก

    คนที่แพงตามมาเป็นอันดับที่สองเกิดขึ้นในยุคของ เอริก เทน ฮาก นี่เอง นั่นก็คือ อันโตนี่ ในราคา 85.5 ล้านปอนด์ ที่แทบจะถูกยกให้เป็นการซื้อตัวที่ล้มเหลวที่สุดครั้งหนึ่งของสโมสร จากผลงานในซีซั่นที่นอกจากจะยังยิงประตูไม่ได้แล้ว ฟอร์มการเล่นเข้าขั้นห่วยแตกกันเลยทีเดียว ก็ไม่รู้ว่าจะได้อยู่กับทีมอีกนานแค่ไหน

    อันดับถัดมาราคา 80 ล้านปอนด์มีสองคนก็คือ โรเมลู ลูกากู กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ รายแรกจบลงด้วยความล้มเหลวไปแล้วและก็โดนปล่อยอกจากทีมไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วน แม็กไกวร์ ต้องบอกว่าเหมือนจะล้มเหลวไปแล้ว แต่ด้วยความใจสู้และฮึดกลับมายึดตัวจริงอีกครั้งยังไงก็ต้องปรบมือให้จริงๆ ถือว่าเสมอตัวไปก่อน

    เจดอน ซานโช่ 73 ล้านปอนด์ ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าล้มเหลวแหละ ก็หวังว่าการไปเล่นกับ ดอร์ทมุนด์ จะช่วยฟื้นฟูความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง แต่ว่าจะได้กลับมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และลงเล่นอีกรึเปล่สอาจจะขึ้นอยู่กับว่า เอริก เทน ฮาก ยังคุมทีมอยู่รึเปล่าด้วย ถ้าอยากได้ ซานโช่ แช่งให้ทีมผลงานไม่ดี เทน ฮาก จะได้โดนไล่ออก แต่ถ้าชอบ เทน ฮาก ก็เชียร์ให้ผลงานดีๆ

    คนต่อมาต้องใช้คำว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ค่าตัว 68 ล้านปอนด์ หลังทำไป 70 ประตูจาก 212 เกม กลายเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของสโมสรไปแล้ว แม้ว่าจะโดนพวกกูรูหลายคนวิจารณ์เรื่องที่เจ้าตัวชอบบ่นเวลาคำตัดสินไม่เป็นใจ หรือจะอะไรก็ตาม ตอนนี้ก็เป็นกัปตันทีมด้วย

    ราสมุส ฮอยลุนด์ 64 ล้านปอนด์ จนถึงตอนนี้ต้องบอกว่าล้มเหลว แต่ในความล้มเหลวก็ต้องมองว่าซีซั่นนี้พวกริมเส้นพากันฟอร์มตกไปหมด และก็อย่างที่วิจารณ์ว่าปีกของ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาแต่เลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วยิงเองตลอด เหมือนกับการฆ่า ฮอยลุนด์ ไปในตัวแม้นักเตะจะพยายามแค่ไหน

    กาเซมีโร่ ที่ราคา 60 ล้านปอนด์ ปีแรกมาดี แต่ปีนี้หลุดฟอร์มไปดื้อๆ แถมบาดเจ็บต่อเนื่อง และด้วยอายุที่มากแล้วไม่รู้ว่าจะกลับมาช่วยทีมได้ดีขนาดไหน ซึ่งช่วงหลังก็มีข่าวเรื่องที่สโมสรพยายามจะหาทางขายออกไปด้วย

    ลีซานโดร มาร์ตีเนซ กองหลังค่าตัว 57 ล้านปอนด์ ผลงานน่าประทับใจและก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับ ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในแข้งขวัญใจแฟนบอลไปเป็นที่เรียบร้อย อีกคนที่ค่าตัวเท่ากันก็คือ อังเคล ดิ มาเรีย ตอนนั้นก็เข้ามาพร้อมความหวังเรืองรองหลังประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมกับ เรอัล มาดริด แถมได้เบอร์ 7 ด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่รอด อยู่กับทีมได้แค่ปีเดียวก็โดยปล่อยไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งทาง เดอะ เดลี่ เทเลกราฟ บอกว่า ดิ มาเรีย คือการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดประจำฤดูกาล 2014/15 เลย

    ถัดมา เมสัน เมาท์ ราคา 55.6 ล้านปอนด์ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เหมือนกับว่า เมาท์ ไม่กล้าเล่นเหมือนสมัยอยู่ เชลซี ทำให้ยังไม่ได้โชว์อะไรออกมามากมา - เฟร็ด ค่าตัว 52 ล้านปอนด์ ถ้ามองจากผลงานก็ถือว่าไม่ขี้เหร่อะไรมากมาย เจ้าตัวก็ทุ่มเททุกครั้งที่ลงเล่น แต่หากเทียบฟอร์มกับค่าตัวก็ต้องบอกว่าน่าผิดหวัง

    ปิดท้ายที่ อารอน วาน-บิสซาก้า ราคา 50 ล้านปอนด์ ได้รับคำชื่นชมมากมายกับวิธีในการเล่นเกมรับที่ยอดเยี่ยม แต่เกมรุกต้องบอกว่าห่วยสุดๆ และพอเกมรับมันไม่ดีเหมือนในตอนแรกมันพาลงเหวไปหมด

    ก็รอดูว่าแข้งคนต่อไปที่ราคาทะลุ 50 ล้านปอนด์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นใครและผลงานจะเป็นยังไง