วันแรกของเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (ตอนที่ 1)
"การเป็นนักเตะดาวรุ่งไม่เคยเป็นเรื่องง่าย"
นี่คือสิ่งที่สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานหมายเลข 1 แห่งสโมสรลิเวอร์พูลกล่าวไว้ เมื่อเจ้าตัวหวนย้อนไปถึงช่วงเริ่มต้นอาชีพการค้าแข้ง
"มันเป็นเรื่องปกติที่พวกดาวรุ่งจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้กับเกมชุดใหญ่ เมื่อคุณได้ลงเล่นและมีประสบการณ์มากขึ้น ร่างกายคุณก็จะปรับตัวได้ดีขึ้น สมองของคุณก็จะพัฒนาให้คิดไวขึ้น"
เมื่อคุณเป็นดาวรุ่ง สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณพัฒนาได้ ก็คือ ชั่วโมงบิน หรือ ประสบการณ์ ครับ แม้พวกเขาเหล่านี้จะลงมาแล้วก่อความผิดพลาดมากบ้าง น้อยบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว ความผิดพลาดเหล่านั้นจะเป็นประสบการณ์ที่สอนให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเอง
ถ้าพูดถึงดาวรุ่งที่ที่แจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ชื่อของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จะต้องเด้งขึ้นมาอยู่ลำดับบนๆอย่างไม่ต้องสงสัยครับ จริงอยู่เทรนท์อาจจะเคยลงสนามช่วยทีมตั้งแต่ช่วงปลายของฤดูกาลที่ผ่านมาแล้ว แต่สำหรับฤดูกาลนี้ ด้วยอาการบาดเจ็บของนาธาเนียล ไคลน์ แบ็คขวาตัวจริงของทีม ที่บาดเจ็บยาวถึง 6 เดือน ทำให้เทรนท์ได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น
จนถึงตอนนี้ เทรนท์ในวัย 19 ปี ลงสนามให้กับลิเวอร์พูลไปแล้วในฤดูกาลนี้ 27 เกม ด้วยกัน แถมเป็นตัวจริงถึง 24 เกมเสียดัวย
พูดได้เลยครับว่า ไม่ธรรมดา !!
"บ้านผมอยู่ห่างจากเมลวู้ดแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ผมเติบโตมากับกำแพงเมลวู้ด ที่ๆตอนเด็กๆผมมาปีนถังขยะเพื่อดูนักเตะลิเวอร์พูลลงฝึกซ้อมบ่อยๆ" เทรนท์ เล่าถึงเรื่องราวของตัวเอง
"หลายๆครั้งเวลาขับรถผ่านประตูทางเข้าเมลวู้ด แม่และผมมักจะหยุดรถส่องดูว่า จะมีนักเตะคนไหนเข้าออกประตูนั้นหรือไม่ ... สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาบี อลองโซ่, เจมี่ คาร์ราเกอร์ และเฟอร์นานโด ตอร์เรส คือ คนเหล่าฮีโร่ของผม แต่ถ้าจะให้เลือกมาสัก 1 คนที่รักเลย ผมขอเลือก อลองโซ่"
"ผมฝันมาตลอดว่า สักวันหนึ่งผมจะได้เป็นคนที่อยู่ข้างในเมลวู้ดในฐานะของนักเตะลิเวอร์พูล ขอบคุณพระเจ้า วันนี้ผมทำตามความฝันได้แล้ว"
เป็นเรื่องแปลกแต่จริง แท้จริงแล้วครอบครัวอาร์โนลด์ แม้จะปัจจุุบันจะอาศัยอยู่ในเมืองลิเวอร์พูล แต่กลับมีความสัมพันธ์กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากกว่า
จอห์น อเล็กซานเดอร์ ลุงแท้ๆของเทรนท์ เป็นอดีตเลขานุการของสโมสรแมนฯยูไนเต็ด นั่นว่าน่าตกใจแล้ว แต่ยังมีเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า นั่นก็คือ โดรีน คาร์ลิ่ง คุณยายแท้ๆของเทรนท์ ก็คือ คนรักเก่าของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรแมนฯยูไนเต็ดนั่นเอง ... เซอร์อเล็กซ์ และโดรีน คบกันอยู่ 18 เดือนในช่วงชีวิตวัยรุ่นของพวกเขา ก่อนที่จะมีเหตุทำให้ต้องแยกจากกัน เมื่อโดรีนต้องย้ายไปตั้งรกรากที่อเมริกา ก็ที่จะพบรักใหม่และแต่งงานที่นั่น
ครั้งหนึ่งสมัยตอนเทรนท์เด็กๆ เซอร์อเล็กซ์ ได้พบปะกับเด็กน้อยเทรนท์ และเอ่ยปากชักชวนให้ไปเป็นนักเตะของแมนฯยูไนเต็ด แทนที่จะเป็นลิเวอร์พูล
"ผมคิดว่าแม่ของผมคงไม่ยอมขับรถไปส่งแน่นอน" เทรนท์ตอบ เซอร์อเล็กซ์ไปตามภาษาเด็กๆ
แต่นั่นก็เป็นคำตอบแบบตามมารยาทเท่านั้น เพราะจริงๆแล้ว สิ่งเดียวที่เทรนท์ต้องการ คือ การสวมชุดสีแดงเพลิงของลิเวอร์พูล
เทรนท์ อาร์โนลด์ เข้ามาร่วมทีมลิเวอร์พูลครั้งแรกในตอนที่เขาอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น นับถึงวันนี้ก็กว่า 13 ปีเข้าไปแล้ว ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัด จนมาถึงติดทีมชุดใหญ่เช่นปัจจุบัน แต่ใช่ว่าเส้นทางของเทรนท์จะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ครั้งหนึ่งเขาเคยถอดใจ และเกือบจะย้ายไปเล่นให้กับเอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมืองลิเวอร์พูล มาแล้ว
"จริงครับ ผมไปซ้อมกับเอฟเวอร์ตันอยู่ 2 ครั้งได้มั้ง มันเป็นความคิดแบบเด็กๆของผมเอง ตอนนั้นผมไม่มีความสุขกับแนวทางของลิเวอร์พูลเท่าไหร่ ที่ลิเวอร์พูลจะเน้นการฝึกซ้อมมากกว่าการลงสนามแข่งจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆอย่างผม รักการแข่งขันมากกว่าการซ้อมเป็นไหนๆ ผมในตอนนั้นอยากลงเล่นมากที่สุดเท่าที่จะเล่นได้ ผมเลยอยากจะลองออกไปดูว่าที่อื่นเขาเป็นเหมือนกันบ้างใหม่ ผมจึงไปลองฝึกกับเอฟเวอร์ตันดู แต่ที่นั่นก็เหมือนที่ลิเวอร์พูลนี่แหละ เน้นซ้อมมากกว่าเน้นแข่งจริง ผมก็เลยคิดว่าลองเป็นแบบนี้กลับมาเล่นให้กับลิเวอร์พูลน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า"
เทรนท์เติบโตมากับทีมเยาวชนลิเวอร์พูล เขาเป็นกัปตันทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ภายใต้การดูแลของเปปิน ลินเดอร์ส โค้ชนักปั้นชาวดัทซ์ที่เป็น 1 ในทีมงานของเจอร์เก้น คล็อปป์ ในเวลาต่อมา
"ผมเจอเขาครั้งแรกตอนผมย้ายมาทำงานที่นี่ (คุมทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ของลิเวอร์พูล) เทรนท์เป็นเด็กที่มีความสามารถมาก ความเร็ว, การจ่ายบอล รวมไปถึงจิตใจของเขาทุกอย่างพิเศษไปหมด" ลินเดอร์สเล่าย้อนถึงความรู้สึกแรกที่เจอกับเทรนท์
"ผมเริ่มต้นเปลี่ยนตำแหน่งของเขา จากกองกลางตัวรุกมายืนอยู่หน้ากองหลังแทน ผมอยากจะให้เขาใช้ความสามารถที่มีอยู่ให้เต็มที่ ที่สำคัญที่สุดผมคิดว่า ถ้าเขาได้ลงตรงนี้ เขาจะมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น"
"ผมมอบหมายให้เขาเป็นกัปตันทีม ก็เพราะว่าผมเชื่อมั่นในตัวเขา เทรนท์มีหัวใจของสเกาเซอร์ที่เวลาลงสนามพวกเขาจะสู้ไม่ถอยจนกว่าจะหมดเวลา เขารักฟุตบอล เขารักการฝึกซ้อม ความรักและความมุ่งมั่นในเกมลูกหนังนี่แหละ ที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จในอนาคต"
ด้วยความสามารถที่โดนเด่นเกินเพื่อนคนอื่นๆ ทำให้เทรนท์ใช้เวลาไม่นานก็กระโดดจากทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี แบกอายุขึ้นไปเล่นกับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และที่นี่เอง ที่ฟอร์มการเล่นของเทรนท์ไปเตะตาผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเข้าอย่างจัง
หากแต่ไม่ใช่เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่เป็นเบรนแดน รอดเจอร์ส
สิงหาคม 2015 ตอนนั้นเทรนท์อายุแค่ 16 ปี กำลังสนุกกับการเตรียมตัวเพื่อลงแข่งอุ่นเครื่องให้กับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีอยู่ โดยตามโปรแกรมแล้วลิเวอร์พูลจะต้องลงอุ่นเครื่องกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเช้าวันศุกร์
"ผมตื่นเต้นและเฝ้ารอที่จะลงเล่นในเกมนี้มาก" เทรนท์ กล่าวย้อนความหลัง
"แต่ผิดคาด ผมไม่ได้รับเลือกให้ลงสนาม ผมผิดหวังมาก แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่า บางทีผู้จัดการทีมอาจจะอยากเก็บผมไว้เล่นอีกเกมก็ได้ เพราะทีมเรายังมีโปรแกรมลงสนามอีกครั้งในช่วงบ่าย"
แต่สิ่งที่เทรนท์คิดนั้นผิดครับ
ความจริงก็คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการไม้ได้ลงสนามของเทรนท์ในครั้งนั้น ก็คือ เบรนแดน รอดเจอร์ส ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลชุดใหญ่ ที่กำลังจะขอตัวเทรนท์ ไปฝึกซ้อมที่เมลวู้ด หลังจากประทับใจฝีเท้าของไอ้หนูคนนี้จากเกมที่ทีมเด็กเดินทางมาเป็นคู่ซ้อมให้กับทีมชุดใหญ่ เมื่อฤดูกาลก่อน
"เทรนท์ ฉันมีข่าวจะบอกแก ... ฉันเพิ่งวางสายจากเบรนแดน รอดเจอร์ส มา เขาสนใจอยากจะให้แกไปรายงานตัวที่เมลวู้ดเพื่อลงเล่นเกมกับสวินดอนในสุดสัปดาห์นี้ ฉันคิดว่ามีโอกาสทีเขาจะส่งแกลงสนามค่อนข้างแน่ ฉันเลยพักแกไม่ให้แกลงสนามกับแมนฯยูไนเต็ด แต่ยังไงก็ต้องรอทางนู้นยืนยันมาอีกทีนะ" อเล็กซ์ อิงเกิ้ลโทรป ผู้จัดการทีมรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี บอกกับเทรนท์หลังเกมอุ่นเครื่องเจอแมนฯยูไนเต็ด
"บ่ายวันนั้นผมลงเล่นกับทีม 18 ปี ตามโปรแกรม ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมจะได้ไปเล่นกับทีมชุดใหญ่จริงหรือไม่ แต่เพื่อการเตรียมพร้อม ผู้จัดการทีมส่งผมลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา นั่นน่าจะเป็นการเล่นแบ็คขวาครั้งที่ 3-4 ในชีวิตการเล่นฟุตบอลของผม ทุกอย่างมันใหม่หมด ผมไม่รู้ด้วยว่าจริงๆแล้วตำแหน่งนี้มันเล่นยังไงกันแน่ ผู้จัดการทีมตะโกนสั่งผมตลอดทั้งเกม เขาอยากจะให้ผมพร้อมที่สุดหากโอกาสในสุดสัปดาห์นี้ลอยมาถึง"
หลังจบเกม บรรดาเพื่อนร่วมทีมต่างส่งข้อความมาแสดงความยินดีกับผม นั่นทำให้ผมรู้แล้วว่า มันเกิดขึ้นจริงแล้ว !! ผมมีชื่อติดทีมชุดใหญ่ไปอุ่นเครื่องกับสวินดอนในวันอาทิตย์นี้ ผู้จัดการใจดีขับรถพาผมไปส่งถึงสนามเมลวู้ดด้วยตัวเอง เขาเองคงดีใจไม่ต่างจากผมเช่นกัน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามต่อ ตอนที่ 2 ครับ