พรีเมียร์ลีก ... เรียบร้อยโรงเรียน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว กับผลงานอันยอดเยี่ยมและคงเส้นคงวาตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา รวมไปถึง คาราบาว คัพ ที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโล่า ได้ไปก่อoหน้านั้น

นั่นคือความสำเร็จของ เรือใบสีฟ้า ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลที่ 2 ของกุนซือชาวสเปนซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จพอตัวกับแชมป์ลีกที่เป็นเป้าหมายสำคัญของพวกเขา

ที่นี้เหลืออีก 2 รายการสำคัญอย่าง เอฟเอ คัพ ที่มีลุ้นระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ เชลซี และถ้วยใหญ่ของยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ ลิเวอร์พูล แหย่เท้าเข้าไปเกือบเต็ม 2 ตีนในการไปรอในรอบชิงชนะเลิศ

อ้อ ... ยังมี ยูโรปา ลีก ที่ อาร์เซน่อล ได้ลุ้น แต่ต้องเจอด่านมหาโหดอย่าง แอตเลติโก มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ

มาว่ากันที่ รายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก กันสักหน่อย ที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้เพราะตอนนี้บรรดา 'เดอะ ค็อป' ต่างตีปีกเริงร่ากับผลงานนัดแรกที่โคน โรม่า ไปได้ก่อน 5-2 

แม้จะยังประมาทไม่ได้เพราะ 'หมาป่ากรุงโรม' เคยทำให้เห็นจากรอบที่ผ่านมาในการเอาชนะ บาร์เซโลน่า มาได้แบบช็อกโลก แต่หนนี้คงไม่เกิดเรื่องราวซ้ำรอยแน่นอน

เจอร์เก้น คล็อปป์ ทราบดีและคงมีแผนรัดกุมรอเล่นงาน โรม่า ในนัดที่ 2 ที่กระหายประตูอยู่แน่นอน ซึ่งหนนี้เขาคงไม่ย่ามใจถอด โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ออกจากสนามแน่นอน เพราะทุกคนเห็นได้ชัดว่ายามที่ไม่มี โม ซาล่าห์ ในสนาม คู่แข่งจะไม่กลัวเกมรุกของ หงส์แดง เลยสักนิด

ชัยชนะที่เกิดขึ้นส่งผลให้แฟนบอลหงส์แดงวาดฝันในการบุกไปสั่นสะเทือน กรุงเคียฟ ของ ยูเครน ในรอบชิงชนะเลิศ

ส่วนคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศจะเป็น บาเยิร์น มิวนิค หรือ เรอัล มาดริด อันนี้ 'เดอะ ค็อป' ไม่มีกลัว เพราะเกมนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งหากพวกเขามีแนวรุกพระกาฬลงครบทั้ง 3 ราย ไม่ว่าทีมไหน หงส์แดง ก็บ่ได้ย่าน

สำหรับแฟน 'ผีแดง' ตอนนี้ก็คงได้แต่รอวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ เพราะนั่นคือวันชี้ชะตาว่าทีมจะมีเฮหรือมือเปล่า เพราะมันคือการเดิมพันแชมป์ 1 เดียวที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้ของพวกเขา

หลังจากผ่านด่านยากในรอบรองชนะเลิศด้วยการแซงชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ มาได้ ถึงตรงนี้ลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังมั่นใจสุดๆ

4 เกมในลีกที่เหลือเหมือนกับการซ้อมใหญ่ โดยเฉพาะการเปิดบ้านรับมือ อาร์เซน่อล ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เพราะมันมีความหมายในหลายมุมมอง

แน่นอน ... มันคือศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีใครยอมใคร เพราะอย่าลืมว่าทั้งสองทีมคือมหาอำนาจในการแก่งแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปลายยุค 90 ต่อต้นปี 2000

นอกจากนี้ยังเป็นการอำลา อาร์แซน เวนเกอร์ ที่จะดวลกับ ปิศาจแดง เป็นเกมที่ 60 ในฐานะกุนซือปืนใหญ่ รวมไปถึงการเจอกับทีมเก่าของ อเล็กซิส ซานเชซ (อาจจะรวมไปถึง เฮนริค มคิทาร์ยาน หากหายเจ็บทันเวลา)

อย่างที่เรียนไปนั่นแหละ มันจะเป็นการซ้อมใหญ่ของนักเตะ ปิศาจแดง ก่อนเกมนัดสำคัญในวันที่ 19 พ.ค.

4 เกมต่อจากนี้นักเตะในทีมทุกคนที่ได้โอกาสลงสนามจะงัดฟอร์มและศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่เพื่อโอกาสในการถูกคัดเลือกให้เป็น 11 ตัวจริงที่ เวมบลีย์

นี่คือแรงจูงใจของทีมและมันจะส่งผลให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นและเดินหน้าสานต่อผลงานที่ยอดเยี่ยมจนถึงหยดสุดท้าย

ไม่มีใครทราบว่าสิ้นสุดวันที่ 19 พ.ค. อะไรจะเกิดขึ้น แต่ระยะทางระหว่างที่จะไปถึงตรงจุดนั้น นักเตะในทีมก็จะเต็มที่กับทุกโอกาสที่ได้รับ ... 

กับเรื่องราวที่จบอย่าง แฮปปี้ เอนดิ้ง ตามที่แฟนบอล ปิศาจแดง อยากให้เป็นไป มันคงหนีไม่พ้นการที่ทีมรักคว้าชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เป็นสมัยที่ 13 พร้อมกับที่คู่แข่งอย่าง ปืนใหญ่ หรือ หงส์แดง พลาดท่าในเวทียุโรป (โดยเฉพาะฝ่ายหลัง)

นั่นคือภาพที่สวยงามในหัวของแฟนบอล 'ผีแดง' แต่มันก็เป็นสิ่งที่คาดหวังเท่านั้นและไม่มีใครรู้ว่าบั้นปลายจะเกิดอะไรขึ้น

แต่ ... ถ้าหากมันกลับตาลปัตรล่ะ?

ปิศาจแดง แพ้ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ แถม สองทีมที่ว่าทั้ง 'ปืน' และ 'หงส์' ได้แชมป์ยุโรป

มันจะเป็นเหตุการณ์ที่แฟนปิศาจแดงไม่อยากให้เกิดขึ้นเหมือนฤดูกาล 2004/05 ซึ่งในตอนนั้นทีมพลาดท่าแพ้ อาร์เซน่อล ในนัดชิงชนะเลิศ แถม เชลซี ฟาดแชมป์ลีก กับ ลีก คัพ

ยิ่งไปกว่านั้น หงส์แดง ดันพลิกนรกเอาชนะจุดโทษ เอซี มิลาน ฟาดแชมป์ยุโรปมาครอง

ไม่อยากคิดเลยว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาอีก ปิศาจแดง คงกลายสภาพเป็น หมา (แดง) หัวเน่า ที่พลาดแชมป์อยู่ทีมเดียว (ในบรรดา 5 ทีมใหญ่)

และหากมันเกิดขึ้นจริง ปฐพีต้องลุกเป็นไฟและโลกโซเชียลจะไม่น่าอยู่อีกต่อไปสำหรับแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เพราะฉะนั้น การคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับ ยูไนเต็ด 

หากทิศทางดำเนินไปตามที่หวัง (ผีแดง คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ หงส์แดง ปิ๋วถ้วยยุโรป)

หรือออกในมุมที่บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น (ต่างฝ่ายต่างคว้าแชมป์ หรือ ต่าฝ่ายต่างพลาดแชมป์) ทุกสิ่งก็ยังคงสงบสุข

แต่ถ้าออกในทิศทางที่เลวร้ายที่สุดแล้วล่ะก็ เชื่อเถอะคุณเอ๊ย ... เราคงได้ยินฝูงเป็ดส่งเสียงลั่นทุ่งไปอีกนานเลยทีเดียว

แค่คิดก็สยองแล้ว ...