เจาะทีมผู้ดีในเวทีชปล.
จุดโฟกัสหลักอยู่ที่ตัวแทนจากอังกฤษที่ครั้งนี้มีทีมเข้ารอบแบ่งกลุ่มมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาถึง 5 ทีม
งานนี้มีทั้งลูบปาก และร้องซี้ดด้วยความหวาดเสียว
2 ทีมดัง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ถูกมองว่าเจองานง่ายด้วยทีมร่วมกลุ่มที่ไม่ใช่หัวแถวของยุโรป
แฟนผีมั่นใจระดับหนึ่งว่าตั๋วรอบน็อกเอาต์คงไม่หลุดมือแน่นอนเพราะมองมุมไหนเหลี่ยมใดก็ย่อมเหนือกว่าทั้ง
เบนฟิก้า, บาเซิ่ล และซีเอสเคเอ มอสโก
บาเซิ่ล เคยทำแสบ แมนฯ ยูไนเต็ด มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ครั้งล่าสุดที่อยู่ร่วมกับเบนฟิก้า และบาเซิ่ล ทัพผีแดงต้องพบกับฝันร้ายเอาชนะไม่ได้เลยตลอด 4 นัดเหย้า-เยือนที่เจอในฤดูกาล 2011/12
ครั้งนั้น ผีแดงอยู่ในมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยซ้ำ ทว่าพลิกตกรอบแบ่งกลุ่มอย่างไม่คาดคิด ขณะที่เบนฟิก้าควงคู่บาเซิ่ลเข้ารอบ
อดีตอันข่มขื่นจึงเป็นเครื่องเตือนใจว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังประมาทไม่ได้แม้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมากใน 6 ปีที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง
นอกจากนี้การไปเยือนอีกทีมร่วมกลุ่มอย่างซีเอสเคอ มอสโก ที่รัสเซียก็ต้องทำใจระดับหนึ่งความบรรยากาศและสนามที่ไม่อยู่ในสภาพปกติ ไหนจะเรื่องการเดินทางที่ไกลสุดซอยอีกฝากของทวีปยุโรป
เซบีย่า เอาชนะ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงฯ ยูโรปา ลีก 2016
ส่วนลิเวอร์พูล คู่แข่งที่อาจทำให้ตึงมือหน่อยคงเป็นใครอื่นไม่นอกจาก เซบีย่า เก่งเล็กของยุโรปที่อัพเลเวลขึ้นมาถ้วยใหญ่ในช่วงหลัง
ไม่ต้องอื่นไกลเลย ย้อนไปในฤดูกาลแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่พาทีมเข้าชิงยูโรปา ลีก 2016 ได้สำเร็จคงเห็นภาพชัดเจนแจ่มแจ้ง
คล็อปป์ หมายมั่นปั้นมือ "แชมป์แรก" กับหงส์แดงอย่างมากหลังอกหักมาแล้วในลีก คัพ 3 เดือนก่อนหน้านั้น
แต่ปรากฏว่า หงส์แดงโดนเซบีย่าอัดคว่ำ 3-1 ส่งผลให้ "คล็อปป์" และ "ค็อป" ยังไม่มีแชมป์ใดๆ จนกระทั่งปัจจุบัน
ทีมแชมป์ลีก เชลซี เจอคู่ต่อกรพอฟัดพอเหวี่ยงอย่าง แอตเลติโก มาดริด ซึ่งเคยเขี่ยพวกเขาตกรอบตัดเชือกมาแล้วในฤดูกาล 2013/14 (ก่อนที่ตราหมีไปแพ้เรอัล มาดริด ในรอบชิงฯ) พ่วงด้วย โรม่า กับ คาราบัก หนึ่งใน 2 ทีมใหม่ประจำปี
เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าแน่นอนหากไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ทว่าคนอนาคตไม่รู้จะออกหัว-ก้อยคือ ดีเอโก้ คอสต้า กลับอยู่ในสถานการณ์ "กลับตัวก็ไม่ได้ จะไปต่อไปก็ไปไม่พ้น"
แต่แน่นอนว่าต่อให้เกิดการย้ายสู่ "ตราหมี" ดั่งใจมุ่งหวัง คอสต้า ก็ยังไม่ได้หวนซดทีมเก่าชำระแค้นกับ อันโตนิโอ
คอนเต้ ได้ในทันทีทันใดเพราะแอต.มาดริดยังโดนโทษแบนห้ามลงทะเบียนนักเตะใหม่จนกระทั่งปีหน้า
เหลือบไปมองแมนฯ ซิตี้ ที่ในซัมเมอร์นี้ใช้เงินมากที่สุดในยุโรปกันบ้าง
ว่ากันตามตรง ทีมร่วมกลุ่มอย่าง ชัคตาร์ โดเนทส์ค, นาโปลี และ เฟเยนูร์ด ร็อตเธอร์ดัม ไม่น่าจะสร้างความหนักใจได้มากนักหากมองที่ขุมกำลังเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์
จุดน่าสนใจจึงอยู่ที่ เรือใบสีฟ้า จะแพ้ภัยตัวเองหรือไม่ และประสบการณ์ล้มลุกคลุกคลานในหลายปีที่เล่นยุโรปจะช่วยเสริมกระดูกให้แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างที่ควรจะเป็น...จริงๆ หรือ
ส่วนที่หนักใจสุดคงเป็น สเปอร์ส ที่ถูกโยนไปแปะอยู่ร่วมกับ "เต็งหนึ่ง" และ "แชมป์เก่า" พ่วงด้วย "แชมป์มากสุด" อย่างเรอัล มาดริด รวมถึง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมแกร่งจากเยอรมัน (อันที่จริงควรน่าสงสาร อาโปเอล นิโคเซีย จากไซปรัสต่างหาก 555)
สเปอร์ส มีสถิติย่ำแย่ที่เวมบลีย์
ราชันชุดขาวเหนือกว่าตามหน้าเสื่อ ขณะที่การเจอเสือเหลืองก็อาจชี้วัดว่าทีมใดคู่ควรเข้ารอบในฐานะ "รองแชมป์กลุ่ม"
แต่ปัญหาใหญ่ของไก่เดือยทอง ไม่ใช่เพียงการวัดที่เกมการเล่นในสนาม หากแต่เป็นรังเหย้าที่ต้องใช้งานอย่างเวมบลีย์
เมกกะลูกหนังของเมืองผู้ดี ไม่ได้สร้างความได้เปรียบใดๆ ให้กับทีมไก่เลย แตกต่างราวฟ้ากับดินเมื่อปักหลักในเดอะ เลน ที่ตอนนี้กำลังถูกแทนที่ด้วยสนามใหม่
อย่าได้แปลกใจหากสุดท้ายแล้ว สเปอร์ส ไม่สามารถพาตัวเองเข้าถึงรอบน็อกเอาต์ได้เพราะสถิติการเล่นที่เวมบลีย์ 10 นัดหลังสุดอ่านได้ว่า
ชนะ 1 เสมอ 2...แพ้ 7