โค้ทลับ ... แชมป์ยุโรป
25 พฤษภาคม ... อาจจะเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับแฟนบอลและผู้เกี่ยวข้องกับสโมสรลิเวอร์พูลแล้ว นี่คือ วันที่พวกเขาไม่อาจจะลืมเลือนได้เลย หากใครได้อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่ว่าจะมุมไหนของโลกก็ตาม
25 พฤษภาคม 2005
นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่างลิเวอร์พูล พบ เอซี มิลาน
นัดชิงชนะเลิศที่ถูกเลือกว่าเป็นที่สุด ของการแข่งขันรายการนี้
ลิเวอร์พูล โดน เอซี มิลาน ไล่ถล่ม 3-0 ในครึ่งแรก ท่ามกลางความกลัวว่า เกมจะไหลไปถึง 5-0 หรือ 6-0
พักครึ่ง ลิเวอร์พูลอยู่ในสภาพอิดโรยและถอดใจไปจนเกือบหมดทั้งทีม
แต่ด้วยเสียงเชียร์จากแฟนบอล ที่ร้อง You'll never walk alone ปลุกพวกเขาตื่นจากความกลัวได้
ลิเวอร์พูลกลับมาลงสนามในครึ่งหลังแบบไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง แต่กลับใช้เวลาแค่ 6 นาที ในการเปลี่ยนผลการแข่งขันจาก 3-0 ให้กลายมาเป็น 3-3 ได้แบบเซอไพร์สคนทั้งโลก
เกมจบลงที่เสมอกัน 3-3 ต่อเวลาก็ยังไม่มีใครทำอะไรกันได้ จนต้องถึงฏีกา
"ยิงลูกจุดโทษ"
คงไม่ต้องบอกว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะทุกคนคงทราบดีแล้ว
แต่สิ่งที่จะมาเล่าวันนี้ คือ เบื้องหลังของความสำเร็จในวันนั้นของลิเวอร์พูลครับ
แน่นอน 1 ในคีย์แมน คนสำคัญในเกมนั้น ต้องเป็น เยอซี่ ดูเด็ก ฮีโร่ ผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูลนั่นเอง
ดูเด็กจะมาเล่าให้เราฟังว่า เบื้องหลังปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
---------------------------------------------------------------------------------------------------
13 ปี หลังจากแห่งปาฎิหาริย์อิสตันบูล เยอซี่ ดูเด็ก ผู้รักษาประตูที่เป็นฮีโร่ในเกมนัดชิงชนะเลิศในค่ำคืนนั้นได้ออกมาเผยความลับที่เก็บเงียบมานานถึงการเซฟลูกโทษในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ราฟาเป็นพวกบ้าเก็บรายละเอียดทุกอย่าง หลายวันก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศข้อมูลการเตะลูกโทษ และฟรีคิกของเอซี มิลาน ก็ถูกเอามาแปะไว้ในห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวแล้ว
ราฟาเน้นเรื่องการซ้อมเซฟจุดโทษกับผมมาตลอดทั้งซีซั่น เราศึกษาและฝึกซ้อมเรื่องนี้กันอย่างหนัก เราสร้างโค้ทลับที่มีแต่เรา 2 คนเท่านั้นที่รู้ ถึงเรื่องการเซฟจุดโทษ
การลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศในบรรยากาศแบบนั้นเป็นอะไรที่ยากมาก ระหว่างช่วงที่รอยิงจุดโทษ เราเสี่ยงทายได้ไม่ดีนัก เพราะเราจะต้องไปยิงในฝั่งของกองเชียร์เอซี มิลาน โฆเซ่ โอโชโตเรน่า โค้ชผู้รักษาประตูของทีม ส่งโพยข้อมูลการยิงของผู้เล่นเอซี มิลาน มาให้ผม ให้ตายเหอะ ผมนึกว่ามันคือม้วนกระดาษชำระ !! ไม่ได้การละ ผมบอกกับโอโช(ชื่อเล่นของ โอโชโตเรน่า)ว่า "คุณต้องช่วยผม เพราะผมไม่สามารถจำข้อมูลพวกได้หมดแน่"
ผมบอกให้โอโชมายืนหลังประตูเพื่อบอกโพยผม แต่โชคร้ายที่กรรมการไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในพื้นที่ตรงนั้น เราจึงเปลี่ยนแพลนเล็กน้อยโดยให้โอโชกลับไปยืนตรงมานั่งสำรองแทน "ทุกครั้งก่อนที่ผู้เล่นเอซี มิลานจะยิงลูกโทษ ผมจะมองไปที่นายนะ นายแค่ยืนขึ้นแล้ว ส่งสัญญาณ ถ้านายชูมือข้างเดียว ฉันจะพุ่งไปทางซ้าย แต่ถ้านายชู 2 ข้าง ฉันจะพุ่งไปทางขวา ตกลงตามนี้นะ" ผมนัดแนะกับโอโช
ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นมั้ยในวันนั้น เมื่อถึงเวลาจริง กลับกลายเป็นสก๊อตต์ คาร์สัน ผู้รักษาประตูตัวสำรองในวันนั้นที่เป็นคนส่งสัญญาณมือมาที่ผม โดยมีโอโชที่นั่งอ่านโพยสั่งการอยู่ข้างๆ ผมสังเกตเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของโอโชนะ มันยากมากที่จะตัดสินใจว่าจะให้ผมพุ่งไปทางไหน เพราะผู้เล่นเอซี มิลานมีสไตล์ที่หลายหลายมากในการยิงจุดโทษ แต่สุดท้ายมันก็ได้ผล เราชนะจุดโทษเอซี มิลาน และคว้าแชมป์มาครองได้ในมี่สุด
ช่วงตอนที่กำลังรอพิธีรับเหรียญรางวัล ราฟาเดินมาหาผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมยิงคำถามใส่ผมว่า "เยอซี่ นายบอกฉันที ทำไมนายถึงพุ่งเซฟจุดโทษในทิศทางที่ตรงกันข้างกับสัญญาณ !!" ราฟาพูดถูก ผมคิดว่าผมพุ่งไปในทิศตรงข้ามกับสัญญาณมือที่ได้ น่าจะ 3 ครั้งได้ แต่ใครจะไปคิดถึงเรื่องพวกนี้ตอนที่เรากำลังฉลองกันหล่ะ ผมภูมิใจจะตายที่คืนนั้นตัดสินใจพุ่งไปทิศตรงข้าม !!
-----------------------------------------------------------------------------------------
และนี่คือ คำให้การของดูเด็ก ถึงเรื่องเมื่อ 13 ปี ที่แล้ว
พรุ่งนี้ (26 พฤษภาคม) ลิเวอร์พูลจะเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้ง กับ เรอัล มาดริด ที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน
โชคชะตาจะส่งผลให้ลิเวอร์พูลได้เป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 แบบ 13 ปี ก่อนหรือไม่
อดใจรออีกนิดเดียว พรุ่งนี้ ได้รู้กันแน่นอน