เกมนี้เจ้าถิ่นฟิออเรนติน่าส่ง จิล ดีอาส, โจวานนี่ ซิเมโอเน่ และ เฟเดรีโก้ เคียซ่า  เป็น 3 ประสานในแนวรุก ขณะที่ยูเวนตุสไม่มี เปาโล ดีบาล่า ที่เจ็บ แต่ กอนซาโล่ อิกวาอิน กับ มาริโอ มานด์ซูคิช ปักหลักในแดนหน้าเช่นเคย 

นาทีที่ 18 เกมหยุดลงพักใหญ่เมื่อ ผู้ตัดสินเป่าให้ ฟิออเรนติน่า ได้จุดโทษจากจังหวะที่ มาร์โก เบนาสซี่ เปิดบอลจากขวาเข้ากลางไปโดนมือ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ท่ามกลางการประท้วงของแข้งม้าลาย ทว่าผู้ตัดสินไม่ยอมเป่าให้สัญญาณยิงจุดโทษเสียทีก่อนเปลี่ยนคำตัดสินเมื่อได้รับการแจ้งจากระบบ "วีเออาร์" ว่า มาร์โก เบนาสซี่ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนเปิดบอล ทำให้ฟิออเรนติน่าไม่ได้จุดโทษ รวมแล้วเสียเวเลาตรงนี้ถึง 3 นาทีก่อนเกมกลับมาเล่นกันต่อ

ฟิออเรนติน่า เกือบได้ประตูสุดๆ ในนาที 38 จากจังหวะโต้กลับและจบด้วยการยิงด้วยขวาในเขตโทษของ จิล ดีอาส บอลพุ่งผ่านมือ บุฟฟ่อน ไปแล้วแต่ว่าชนเสาอย่างจัง 

จากนั้นจบ 45 นาที สกอร์ยัง 0-0 โดยที่มีการย้อนภาพช้าให้ดูจังหวะปัญหาอีกรอบ ปรากฏว่า มาร์โก เบนาสซี่ ไม่ล้ำหน้าในจังหวะเปิดบอลเพราะบอลโดนเท้าของ อเล็กซ์ ซานโดร ผู้เล่นยูเวนตุสก่อนทะลักไปถึง เบนาสซี่ ม้าลายรอดตัวไปในจังหวะนี้

ครึ่งหลังกลับมาเล่นได้ 10 นาที ยูเวนตุส ได้ฟรีคิกจากจังหวะที่  เฟเดรีโก้ แบร์นาร์เดสคี่ โดนทำฟาวล์ตรงหน้าเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวอาสายิงเองก่อนปั่นบอลอ้อมกำแพงและตกพื้นเสียบเสาไกลเข้าไปช่วยให้ม้าลายนำ 1-0 และเป็นการยิงทีมเก่าของมิดฟิลด์วัย 23 ปีอีกด้วย

ฟิออเรนติน่า ครองเกมรุกได้ดีกว่าชัดเจนแต่จังหวะจบก็ไม่เด็ดขาด และกลับต้องโดนอีกประตูในนาที 86 จากจังหวะเล่นเร็วของ คิเอลลินี่ ที่แทงบอลทะลุช่องสุดสวยให้ กอนซาโล่ อิกวาอิน ได้หลุดเดี่ยวก่อนยิงเสียบเสาไกลอย่างเด็ดขาด 

จบเกม ยูเวนตุส บุกชนะ ฟิออเรนติน่า 2-0 พร้อมแซงขึ้นเป็นจ่าฝูงชั่วคราวแทนที่ นาโปลี ที่มีคิวเล่นในบ้านเจอศึกหนักกับ ลาซิโอ ในวันเสาร์นี้ 

ยูเวนตุสรอดเสียจุดโทษหลังวีเออาร์แจ้งว่ามีผู้เล่นฟิออฯ ล้ำหน้าก่อน