เปแอสเช ได้ ลิโอเนล เมสซี่ ฟิตทันลงเล่นเกมรุกร่วมกับ เมาโร อีการ์ดี้ และ ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ แต่ก็ขาดผู้เล่นหลายคนที่ไปเล่นทีมชาติ ส่วน นีซ นำมาโดย แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก 

เริ่มเกมมา 17 นาทีแรก นีซ มีลุ้นก่อนจากการยิงไกลหน้าเขตโทษของ อามีน กูอิรี่ แต่ว่าบอลไม่เข้ากรอบ 

อีก 5 นาทีถัดมา เปแอสเช ตอบโต้คืน อันเดร์ เอร์เรร่า จ่ายอบให้ มาร์โก แวร์รัตติ ยิงด้วยขวาในเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาออกหลัง

เปแอสเช มีโอกาสจะแจ้งอีกครั้งในนาที 45 แวร์รัตติ ได้บอลฝั่งซ้ายก่อนจ่ายให้ เมสซี่ จับขวายิงซ้าย แต่น้ำหนักไม่แรงพอที่จะผ่านมือ วอลเตอร์ เบนีเตซ นายทวารของ นีซ ทำให้จบ 45 นาทีแรกเสมอกัน 0-0 

ครึ่งหลัง นีซ น่าจะได้ประตูสุดๆ ในนาที 47 อามีน กูอิรี่ จ่ายบอลให้ จัสติน ไคลเวิร์ต กระชากลุยจนเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนยิงมุมแคบเน้นๆ ทว่า จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ปิดมุมได้ดีทำให้ป้องกันเอาไว้ได้

เปแอสเช มีโอกาสลุ้นในนาที 71 จากลูกเตะมุมที่ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ตัวสำรองได้ยิง แต่ว่ามีตัวบล็อกก่อนบอลจะข้ามเส้น 

จากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถเจาะประตูกันได้ ทำให้จบ 90 นาทีเสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการยิงจุดโทษทันทีซึ่งปรากฏว่า นีซ ยิงได้แม่นยำกว่าเอาชนะไป 6-5 หลังดวลเป้าทั้งหมดฝั่งละ 7 คน โดยสองคนของ ปารีสฯ ที่พลาดคือ เลอันโดร ปาเรเดส และดาวรุ่ง ซาบี ซิมอนส์