ตลอดเส้นทางอาชีพ 23 ปี ริเวอร์ส มีมลทินติดตัวคือเฮดโค้ชคนเดียวที่คุมทีมเพลย์ออฟระบบชนะ 4 จาก 7 เกมซีรี่ส์ แล้วสามารถนำทัพขึ้นแท่น 3-1 เกมก่อนทว่าจบด้วยการร่วงตกรอบถึง 3 หน 

ครั้งแรกฐานะกุนซือ ออร์แลนโด แมจิค เมื่อปี 2003 เสียท่าแก่ ดีทรอยท์ พิสตันส์ เพลย์ออฟ รอบแรก ฝั่งตะวันออก จากนั้นมาเกิดที่ แอลเอ คลิปเปอร์ส ปี 2015 และ 2020 เสียท่าแก่ ฮิวสตัน ร็อคเก็ตส์ กับ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ในเพลย์ออฟรอบสอง ฝั่งตะวันตก ตามลำดับ 

มาปีนี้ที่ 76เซอร์ส อุตส่าห์นำ โตรอนโต แรปเตอร์ส ถึง 3-0 เกมซีรี่ส์แต่ปิดไล่ลง ส่งผลถูกไล่มาเหลือ 3-2 เกม แล้วนัด 6 ต้องข้ามไปเล่นยังแคนาดาแบบที่ โฌแอล เอ็มบีด แบกปัญหาเจ็บเอ็นหัวแม่โป้งมือขวา ส่วน เจมส์ ฮาร์เด้น แผลงฤทธิ์ไม่ออก หลายฝ่ายจึงห่วงกุนซือวัย 60 ปีจะจบอีหรอบเดิม 

แต่ทางโค้ชดีกรีแชมป์เอ็นบีเอ 1 สมัย ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเหลวอีก 

“คืออย่างนี้มันง่ายที่ยกเอากรณีของผมมาเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ” การเปิดปากกับ ‘เอ็นบีซี สปอร์ตส์’

“แต่ผมหวังให้พวกคุณทุกคนบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของผมด้วย - อย่างตอนคุม ออร์แลนโด ทีมของเราเข้ารอบเพลย์ออฟฐานะมือ#8 ทว่าไม่มีใครให้เครดิตว่าต่อกรพบ ดีทรอยท์ ได้ดี แล้วปีต่อมาพวกเขาคือแชมป์ลีก” 

https://twitter.com/NBCSPhilly/status/1519375404045373442/video/1

“ ... ขอท้าให้คุณกลับไปดูไลน์อัพ ออร์แลนโด เวลานั้น อาจเปลี่ยนคำพูดเป็นทำนอง - โค้ชคนนี้โคตรเก่ง -“

“พูดถึง คลิปเปอร์ส ที่ตกรอบตอนขึ้นนำ 3-1 เกมซีรี่ส์ - คริส พอล ตัวเก่งไม่ได้แข่งสองนัดแรก ครั้นลงไหวก็ฝืนสังขารขาข้างเดียว ไม่ได้มีความได้เปรียบแข่งเกมเหย้ามากกว่า”

“ส่วนหนล่าสุด ในมุมผมมองว่าเราทำหลุดมือเอง เจ๊งเอง แต่นั่นแข่งในบับเบิ้ล สภาพแวดล้อมแบบนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ มันไม่มีความได้เปรียบฐานะทีมเหย้า - เพราะโดยปกติเกม 7 ดังกล่าวต้องเล่นที่แอลเอ” 

“ซึ่งเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็บอกตัวเองว่าหลายครั้งที่พลาดไปควรทำให้ดีขึ้นเสมอ แล้วรับผิดชอบมันเองตลอด”

“เมื่อสถานการณ์เดิมย้อนกลับมา เที่ยวนี้ก็แค่ไปชนะให้ได้อีกเกม จะได้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องดังกล่าวอีก” 

ริเวอร์ส ไม่เด็ดขาดในการเล่นเกมเผด็จศึกซีรี่ส์ ชนะแค่ 3 จาก 14 นัดหลัง นับจากปี 2015 เป็นต้นมา ส่วนทั้งอาชีพชนะแค่ 15 จากโอกาส 46 ครั้ง