อิตาลี เจ้าถิ่นเลือกใช้ จานลูก้า สกามัคค่า เป็นหน้าเป้า ส่วน อังกฤษ อัดหลังแน่นในระบบสามเซนเตอร์ และมี แฮร์รี่ เคน นำแนวรุก

ทัพอัซซูรี่เกือบนำก่อนในนาทีที่ 5 เฟเดริโก้ ดิ มาร์โก เปิดบอลจากซ้ายไปถึง จานลูก้า สกามัคค่า ขึ้นได้เหนือกว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก่อนโขกจ่อๆ นิค โป๊ป ควักบอลออกได้หวุดหวิดก่อนจะเสียบสามเหลี่ยม

อีกนาทีถัดมา สกามัคค่า รับบอลจาก จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ก่อนยิงไกลหน้าเขตโทษ แต่บดไปหน่อยและไม่เข้ากรอบ 

อังกฤษ ขึ้นเกมรุกแทบไม่ได้ และไม่มีโอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียวตลอด 40 นาทีแรก

ทัพสิงโตคำรามีโอกาสครั้งแรกจากจังหวะโต้กลับในนาที 42 บูคาโย่ ซาก้า จ่ายให้ แฮร์รี่ เคน ลากมาถึงหน้าเขตโทษก่อนลองยิงไกล แต่บอลก็ลอยโด่งข้ามคาน จากนั้นจบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 

ครึ่งหลังนาที 49 อังกฤษ ได้ลุ้นจากฟรีคิกหน้าเขตโทษหลัง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดนทำฟาวล์ รีซ เจมส์ รับหน้าที่ยิง แต่ซัดโด่งข้ามคานเสียของ

เกมหยุดลงชั่วคราวในนาที 60 เมื่อ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางอังกฤษบาดเจ็บหลังขึ้นโหม่งแล้วลงผิดท่า ก่อนกลับมาเล่นต่อได้

อิตาลี ได้ประตูนำ 1-0 จนได้ในนาที 68 เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ วางบอลยาวไปให้ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ดึงบอลลงในเขตโทษอย่างยอดเยี่ยมก่อนแต่งบอลหนีตัวบล็อกแล้วยิงเสียบเสาไกลอย่างสุดยอด 

อังกฤษ มีลุ้นตีเสมอสุดๆ ในนาที 77 แฮร์รี่ เคน ได้ยิงในเขตโทษฝั่งขวา ดอนนารุมม่า เซฟได้ บอลเข้าทาง เคน ได้ซ้ำมุมแคบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ ดอนนารุมม่า

อิตาลี เกือบได้ประตูที่สองเมื่อ จอร์จินโญ่ จ่ายบอลให้ มาโนโล่ กับเบียดินี่ กึ่งยิงกึ่งผ่าน บอลพุ่งชนเสาอย่างจัง 

จากนั้นจบเกม อิตาลี เฉือนชนะ อังกฤษ 1-0 ทำให้มีเพิ่มเป็น 8 คะแนน ส่วน อังกฤษ จบบ๊วยของกลุ่มแน่นอนเพราะมีแค่ 2 คะแนน และหล่นชั้นสู่ลีก บี ในฤดูกาลหน้า