เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ อดีตประธานฟีฟ่าเผยเบื้องหลังของการที่ กาตาร์ ได้เป็นเจ้าภาพ ทั้งที่ควรจะเป็น สหรัฐอเมริกา
แบล็ตเตอร์ ดำรงตำแหน่งประมุขของโลกฟุตบอลยาวนานกว่า 17 ปี ในช่วงปี 1998-2015 ซึ่งก่อนจะลงจากตำแหน่งก็มีปัญหาพัวพันเรื่องฉ้อโกงร่วมกับ มิเชล พลาตินี่ ด้วยข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกตั้งขึ้นจากการพบว่า แบล็ตเตอร์ โอนเงินอันเป็นทรัพย์สินของ ฟีฟ่า จำนวนราว 2 ล้านฟรังก์สวิส (67 ล้านบาท) ให้กับ พลาตินี เมื่อปี 2011 โดยทั้งคู่แก้ต่างว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นความผิดแต่อย่างใด และการโอนเงินดังกล่าวคือค่าตอบแทนของ พลาตินี ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับ ฟีฟ่า ในช่วงก่อนหน้านั้น
สุดท้ายแล้วจากการตัดสินทั้งคู่ก็พ้นมลทินหลังศาลประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีคำตัดสินว่าทั้งคู่ไม่มีความผิด แต่ล่าสุดทาง แบล็ตเตอร์ มีการออกมาพูดกรณีที่ กาตาร์ ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพเวิลด์ คัพ 2022 ท่ามกลางความงุนงงของแฟนบอลทั่วโลก ว่าอันที่จริงแล้วควรจะเป็น สหรัฐฯ ที่ได้เป็นเจ้าภาพ แต่เป็นเพราะ พลาตินี่
"การเลือก กาตาร์ เป็นความผิดพลาด ในตอนนั้นเราตกลงกันในคณะกรรมการบริหารว่า รัสเซีย ควรได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ สหรัฐอเมริกา ในปี 2022" แบล็ตเตอร์ กล่าว
"มันจะเป็นความสงบหากหากต่อสู้ทางการเมืองอย่างยาวนานสองทีมจะเป็นเจ้าภาพต่อกัน แต่หนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุมฟีฟ่าในปี 2010 มิเชล พลาตินี่ โทรหาผมและบอกว่าแผนของเราใช้ไม่ได้อีกแล้ว เขาบอกผมว่าเขาได้รับเชิญไปที่พระราชวังเอลิเซ่ ซึ่งตอนนั้น (นิโกล่าส์) ซาร์โกซี ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสเพิ่งรับประทานอาหารกลางวันกับมกุฎราชกุมารแห่งกาตาร์"
"ซาร์โกซี่ พูดกับ พลาตินี่ ว่า 'ลองดูว่าคุณและเพื่อนร่วมงานจากยูฟ่าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ กาตาร์ ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก จากนั้นผมก็ถามเขาไปแล้ว 'แล้วยังไงล่ะ?' เขาตอบกลับมาว่า 'เซ็ปป์ คุณจะทำยังไงเมื่อประธานาธิบดีของคุณร้องขออะไรสักอย่างจากคุณ?''
"ดังนั้นผมจึงไม่เชื่อใจ พลาตินี่ อีก ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ ต้องขอบคุณพลาตินี่และคะแนนโหวตสี่เสียงของ พลาตินี่ กับคนของเขา ทำให้ฟุตบอลโลกไปจัดที่กาตาร์แทนที่จะเป็น สหรัฐอเมริกา นั่นคือความจริง"
