:::     :::

จำคุก 10 ปี! "เสี่ยบิ๊ก" อดีตปธ.เพื่อนตำรวจ ปลอมตั๋วเงิน 3.2 พันล้าน

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2561
1,347
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รู้ก่อนใคร ลึกกว่าใคร ข่าวบอลไทย ต้องที่ THSPORT

ศาลพิพากษาลงโทษ นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา อดีตประธานสโมสรเพื่อนตำรวจ และพวกในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีปลอมตั๋วเงิน หมายเลขดำอ.134/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา อายุ 43 ปี หรือ "เสี่ยบิ๊ก" อดีตประธานสโมสรเพื่อนตำรวจ และนายสิทธินันท์ หลอมทอง อายุ 36 ปี กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266 (4), 268

ตามฟ้องของอัยการโจทก์เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2559 ระบุพฤติการณ์ความผิดของจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2556-21 ก.ค.2557 จำเลยกับ บริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด โดยนายสิทธินันท์ หลอมทอง กรรมการผู้มีอำนาจ ร่วมกันปลอมเอกสารตั๋วแลกเงิน หรือดราฟท์ (Draft ตราสารที่ธนาคารจะเป็นผู้ออกให้ใช้สำหรับการเรียกเก็บหรือชำระเงินค่าสินค้าต่างๆที่จะระบุว่าให้บุคคลใดจ่ายเงินให้แก่บุคคลใด) ทั้งฉบับของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ แบงก์กิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด

จำเลยร่วมกันนำกระดาษที่มีลวดลายพิมพ์ด้วยอักษรภาษาอังกฤษสีเทาจางๆ ในชื่อของธนาคารดังกล่าวเรียงต่อกันจนเต็มพื้นที่หน้ากระดาษ และตัดให้มีขนาดประมาณ 8×20 ซม. ใกล้เคียงกับขนาดแบบฟอร์มตั๋วแลกเงินฉบับตัวจริง และพิมพ์อักษรตัวย่อภาษาอังกฤษ ของ HSBC ตามด้วยเครื่องหมายของธนาคารบนมุมด้านซ้ายมือ

รวมทั้งการพิมพ์หมายเลข, วันที่ แสดงไว้สำหรับการสั่งจ่ายเงินก่อนที่จะนำตั๋วแลกเงินปลอม มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 3,200 ล้านบาท ไปแสดงต่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กระทรวงศึกษาธิการ ผู้เสียหาย จนหลงเชื่อว่าเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงินของ บริษัท บิลเลี่ยนฯ จำนวน 2,100 ล้านบาท ที่จำเลยกับพวกร่วมกันนำมาหลอกขายให้ สกสค. ทำให้สกสค.เชื่อว่า พวกจำเลยสามารถหาหลักทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือเทียบเท่ากับธนาคารเป็นอาวัล (การรับประกัน การใช้เงินตามตั๋วเงิน) กระทั่งคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ชพค.ยึดถือไว้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

การที่จำเลยกับพวกนำตั๋วสัญญาใช้เงินปลอมมาหลอกขายให้กับ สกสค.ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอม จึงเป็นความผิด โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266 (4), 268

จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี โดยไม่ได้รับการประกันตัวตั้งแต่ชั้นจับกุม-ฝากขัง และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเรื่อยมา

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลย นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลย ทั้งสอง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266 (4), 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 ที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม

พิพากษาลงโทษฐานร่วมกันใช้ตั๋วเงินปลอมเพียงกระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสอง ให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 10 ปี ริบของกลาง



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด