ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ตำนานกองหน้า เชลซี ในยุคอดีตเจ้าของสโมสร โรมัน อบราโมวิช โจมตีการบริหารงานยุค ท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของคนปัจจุบันว่ามั่วสุดขีด สภาพทีมที่เห็นตอนนี้ไร้ซึ่งราศีจนเขาแทบจำความสง่างามของอดีตต้นสังกัดไม่ได้
ดร็อกบา อยู่ในยุคทอง ‘สิงห์บลูส์’ สองช่วงร่วมคว้า 4 แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, 4 เอฟเอ คัพ อังกฤษ, 3 ลีก คัพ และ 1 ชปล.ยิงรวมกว่า 164 ลูกจากการเล่นเกือบ 400 นัด
ดังนั้นการเล่นรุ่นน้องลงสนามไปแพ้ เรอัล มาดริด คารัง 0-2 รอบก่อนรองฯ ชปล. นัดสอง วานนี้ จึงทำให้ศิษย์ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“ผมรู้จักสโมสรแห่งนี้ว่ามีความสง่างามอันยิ่งใหญ่ในยุค อบราโมวิช แต่เมื่อคืนต้องพบว่าสิ่งนั้นขาดหายไป”การแสดงความเห็นผ่าน กานาล ปลุส ฝรั่งเศส
“ส่วนตัวแล้วทำใจลำบากที่ต้องเห็นวิธีการซึ่งสโมสรเด็ดหัวคนสำคัญออกไป”
https://twitter.com/guardian_sport/status/1648477089702752260
“พวกเขาควรกลับไปเริ่มจากเรื่องพื้นฐานและให้คุณค่าสิ่งที่ตัวเองมี”
“ผมสโมสรเก่าตัวเองแทบไม่ได้ มันไม่ใช่ทีมเดิมที่เคยรู้จักอีก มีเจ้าของใหม่และวิสัยทัศน์ใหม่”
“แน่นอนเราพยายามเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นยุค อบราโมวิช ที่ผู้เล่นหลายคนถูกดูดเข้ามา แต่การตัดสินใจครั้งก่อนเป็นไปอย่างชาญฉลาด”
“ดึงนักเตะอย่าง ปีเตอร์ เช็ก, อันเดร เชฟเชนโก้, เอร์นาน เครสโป, ไมเคิ่ล เอสเซียง, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ฟลอร็องต์ มาลูดา และผมก็ทำสำเร็จ ปิดงานด้วยตำแหน่งแชมป์ลีก”
“คือกลุ่มผู้เล่นมีประสบการณ์ แต่ยุทธศาสตร์ปัจจุบันแตกต่าง เราเดิมพันที่ผู้เล่นหนุ่ม แต่ห้องแต่งตัวที่มีผู้เล่นเกิน 30 คนยังไงผจก.ทีมก็ทำงานยาก”
“ไร้ซึ่งผู้เล่นลักษณะเปี่ยมความเป็นผู้นำ คุณจำเป็นต้องมีผู้เล่นที่บงการเกม ตระหนักถึงความรับผิดชอบของพวกเขา คุณจำเป็นต้องมีนักเตะที่จุดประกายความบ้าคลั่งเล็กสู่สนามแข่ง”
เชลซี แพ้ต่อเนื่อง 4 นัดทุกรายการหนแรกตั้งแต่ พ.ย. 1993 หรือกว่า 3 ทศวรรษ นอกจากนั้นซีซั่นปัจจุบันเป้าสะอาด 18 นัด แย่สุดตั้งแต่ 1980-81 (รวม 21 เกม)
