ฝรั่งเศส ส่งแนวรุกอย่าง อองตวน กรีซมันน์ ล่าตาข่ายร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ และ โอลิวิเย่ร ์ชิรูด์ ส่วนโคลอมเบียนำทัพมาโดย ฮาเมส โรดริเกซ และ ราดาเมล ฟัลเกา

เริ่มเกมมานาทีที่ 11 ฝรั่งเศสออกนำรวดเร็วเมื่อ ลูก้าส์ ดีญ เติมเกมรุกขึ้นทางซ้ายก่อนเปิดยัดเข้าเขตโทษ ดาวิด ออสปิน่า ออกมาเซฟแต่กลางเป็นชงให้เพื่อนเก่าที่อาร์เซน่อลอย่าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ตวัดยิงด้วยซ้ายในเขตโทษ 6 หลาเข้าไปง่ายๆ

นาที 26 ฝรั่งเศสหนีเป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับที่ต่อบอลกันสวยงาม กรีซมันน์ ตอกส้นให้ เอ็มบั๊ปเป้ แตะหนีตัวพุ่งเสียบก่อนไหลเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ โตมาส์ เลอมาร์ จับหนึ่งจังหวะแล้วยิงอย่างเด็ดขาดเข้าไป 

อีก 2 นาทีถัดมา โคลอมเบียตีไข่แตกเป็น 2-1 เมื่อ หลุยส์ มูเรียล ได้บอลทางฝั่งซ้ายก่อนโยกแล้วเปิดด้วยขวาเข้ากลาง เพื่อนร่วมทีมแหย่เท้าไม่ถึงแต่กลายเป็นทำให้ อูโก้ โยริส เสียจังหวะก่อนที่บอลจะเด้งเข้าเสาไกลไป และจบครึ่งแรกที่สกอร์นี้

ครึ่งหลัง โคลอมเบียได้ลุ้นก่อนในนาที 49 จากจังหวะยิงของ หลุยส์ มูเรียล ที่ได้กดด้วยขวาในเขตโทษ แต่บอลหลุดกรอบนิดเดียว

โคลอมเบียตามตีเสมอจนได้ในนาที 62 เมื่อฝรั่งเศสเสียบอลและโดนโต้กลับ ฮาเมส โรดริเกซ หลุดขึ้นทางกราบขวาก่อนไหลเข้ากลางให้ ราดาเมล ฟัลเกา วิ่งมาแปง่ายๆ ด้วยขวาแบบไร้ตัวประกบ สกอร์กลับมาเป็น 2-2

นาที 72 ปอล ป็อกบา ในครึ่งหลังได้จังหวะยิงด้วยขวาจากหน้าเขตโทษแต่ไม่ผ่านมือ ดาวิด ออสปิน่า 

กองเชียร์เจ้าถิ่นต้องช็อกในท้ายเกมนาที 85 เมื่อเสียจุดโทษในจังหวะที่ ซามูแอล อุมตีตี้ พุ่งเสียบชัดเจนใส่ข้อเท้าของ โฮเซ่ อิซเกียร์โด้ ผู้ตัดสินเป่าทันที และเป็น ฮวน ควินเทโร่ ยิงด้วยซ้ายเสียบตาข่ายไม่เหลือ โคลอมเบีย พลิกนำ 3-2 และประครองตัวจบเกมด้วยชัยชนะอันสุดเหลือเชื่อ