ที่ เฟลตินส์ อารีน่า ราชันสีน้ำเงิน วางแนวรุกอย่าง บรีล เอ็มโบโล่ จับคู่ กีโด้ บวร์กชตัลเลอร์ โดยให้ ฟรังโก้ ดิ ซานโต ปั้นเกม

ทางด้าน จิ้งจอกดำ มาโดยวางสามประสาน ยานิค ฮาเบเรอร์, นีลส์ พีเทอร์เซ่น และ โฟลเรียน คาธ

เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 23 ชาลเก้ พลาดโอกาสออกนำในจังหวะที่ บาสเตียน ออคซิพก้า ครอสเข้าเขตโทษ นัลโด้ โถมมาโขกเต็มๆ แต่บอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 61 ไฟร์บวร์ก พลาดโอกาสทองเมื่อทาง วินเซนต์ เซียร์โร่ หลุดไปกระดกบอลข้ามผู้รักษาประตู แต่บอลดันลอยไปชนเสา

เป็นเจ้าบ้านมาได้จุดโทษในนาทีที่ 62 มานูเอล กุลเด้อ ไปทำฟาวล์ บรีล เอ็มโบโล่  ก่อนจะเป็น ดาเนี่ยล คาลิจิวรี่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาดพาทีมออกนำ 1-0 สำเร็จ 

ถัดมานาทีที่ 66 ทีมเยือนต้องเหลือ 10 คน นีลส์ พีเทอร์เซ่น ทำฟาวล์ฝ่ายตรงข้ามก่อนโดนเหลือและไม่พอใจอารมณ์ค้างไปบ่นผู้ตัดสินจากจังหวะเสียจุดโทษ เลยโดนเหลืองสองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป

จากนั้นในนาที 73 ราชันสีน้ำเงินนำห่าง 2-0 นาบิล เบนทาเล็บ ผ่านบอลมาให้ กีโด้ บวร์กชตัลเลอร์ สับไกด้วยขวาไม่เหลือซาก

นาทีที่ 77 แฟนบอลเจ้าถิ่นเฮเก้อเมื่อ ดาเนี่ยล คาลิจิวรี่ เปิดฟรีคิกเข้าหัว บรีล เอ็มโบโล่ โหม่งเข้าไปแต่ไม่ได้เพราะเป็นลูกล้ำหน้าไปแล้ว

จบเกม ชาลเก้ เอาชนะ ไฟร์บวรกื ที่เหลือ 10 คน ไปได้ 2-0 คว้าสามแต้มและรั้งรองจ่าฝูงต่อไป