อังกฤษ ที่เข้ารอบไปแล้วยังมีตัวหลักลงสนามกันหลายคนนำโดย แฮร์รี่ เคน กองหน้ากัปตันทีม ขณะที่ มอลตา ตกรอบไปแล้ว ลงเล่นให้ครบตามโปรแกรม

เริ่มเกมมา 8 นาที อังกฤษ เป็นฝ่ายออกนำก่อน 1-0 จากการพาบอลลุยเข้าเขตโทษฝั่งขวาของ ฟิล โฟเด้น ก่อนปาดไปหน้าประตู เอ็นริโก้ เปเป้ กองหลังทีมเยือนพยายามสกัดแต่กลายเป็นผิดเหลี่ยมเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง เฮนรี่ โบเนลโล่ ปัดได้แต่ไม่ออก

นาที 28 แฮร์รี่ เคน มีจังหวะพุ่งเข้าหาบอลก่อนล้มในเขตโทษหลังปะทะกับ เฮนรี่ โบเนลโล่ นายทวาร มอลตา ผู้ตัดสินชักใบเหลืองให้หัวหอกสิงโตคำรามเนื่องจากมองว่าพุ่งล้ม

จากนั้น อังกฤษ เป็นฝ่ายครองบอลได้ต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถบวกเพิ่มได้ทำให้จบ 45 นาทีแรกจึงนำเพียงประตูเดียว 

ครึ่งหลังนาที 61 อังกฤษ ส่ง โคล พาลเมอร์ ดาวรุ่งฟอร์มแรงของ เชลซี ลงสนามเป็นนัดแรกโดยลงเล่นแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด 

อังกฤษมีโอกาสลุ้นในนาที 67 จากฟรีคิกที่ ฟิล โฟเด้น เขี่ยเปลี่ยนจุดให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วิ่งมาปั่นด้วยขวา บอลพุ่งแรงใช้ได้ แต่ว่าไม่เข้ากรอบ 

นาที 75 อังกฤษ นำ 2-0 จนได้จากการต่อบอลกันยอดเยี่ยมก่อนเป็น บูคาโย่ ซาก้า ถวายพานให้ แฮร์รี่ เคน ซัดเน้นๆ เข้าไป กลายเป็นประตูที่ 62 ของ เคน ในนามทีมชาติ 

อีกเพียงนาทีเศษ อังกฤษส่งบอลตุงตาข่ายได้อีกลูกเมื่อ เดแคลน ไรซ์ ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนโยกเข้าในแล้วปั่่นเสียบเสาไกลสวยงาม ทว่ามีการเช็กวีเออาร์ชี้ขาดว่า แฮร์รี่ เคน ที่อยู่ในวิถีบอลอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ทัพสิงโตจึงไม่ได้ประตูที่สาม

จากนั้นจบเกม อังกฤษ เอาชนะไปได้ 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 19 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่มไปครองตามเป้า ก่อนเจอ มาซิโดเนียเหนือ ในนัดสุดท้าย