แผนการเล่น : 3-4-3

ประตู : อุกฤษณ์ วงศ์มีมา (ราชบุรี มิตรผล) 

แม้จะรักษาคลีนชีตไว้ไม่ได้ แต่ใครได้ดูเกมคงเข้าใจว่าสัปดาห์นี้ต้องยกตำแหน่งโกลยอดเยี่ยมให้ อุกฤษณ์ จริงๆ เพราะถ้าไม่ได้ฟอร์มซูเปอร์เซฟลูกยากๆ นับ 10 ครั้ง "ราชันมังกร" อาจจะไม่ชนะหรือถึงขั้นแพ้ พีที ประจวบ เลยก็เป็นได้

กองหลัง : เอกชัย สำเร (แบงค็อก ยูไนเต็ด)

ด้วยความที่้เกมนี้แนวรุกของ นครราชสีมา แทบไม่มีโอกาสได้บุกขึ้นมากดดัน ทำให้ เอกชัย มีอิสระในการเติมเกมรุกริมเส้นฝั่งขวาได้มันส์สะเด่าดีเหลือเกิน แถมเป็นคนยิงประตูปิดกล่องจากนอกกรอบเขตโทษให้ "แข้งเทพ" คว้าชัยไปได้ในเกมที่ไม่ยากเย็นนัก

กองหลัง : อันเดรส ตูเนซ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 

ช่วยเกมรับได้เยอะเหมือนเดิมตามบทบาทหัวใจในแผงหลัง และที่สำคัญเป็นคนขึ้นมาโหม่งประตูสำคัญให้ "ปราสาทสายฟ้า" แซงขึ้นนำการท่าเรือ ได้สำเร็จจากลูกเตะมุม 

กองหลัง : ศาสนพงษ์ วัฒยุชูติกุล (ราชบุรี มิตรผล) 

เป็นอีกเกมที่ยอดเยี่ยมของเจ้า "ก๊อต" ทั้งเกมรับที่ช่วยป้องกันเกมริมเส้นของ พีที ประจวบ เยอะมากๆ แถมเกมรุกก็มีส่วนร่วมขึ้นมาทางกราบซ้ายได้อย่างต่อเนื่อง แถมยังเกือบยิงประตูปิดกล่องได้ในช่วงท้ายเกม 

กองกลาง : ลักษณะ คำรื่น (ชัยนาท) 

"ลัก" พยายามสร้างโอกาสลุ้นประตูให้เพื่อนร่วมทีมได้หลายต่อหลายครั้ง รวมถึงพยายามสับไกด้วยเท้าขวาข้างถนัด แต่น่าเสียดายที่จังหวะยังไม่ลงล็อก แต่โดยรวมถือว่ามีส่วนสำคัญทั้งเกมรับและเกมรุกจนท้ายที่สุด "นกใหญ่" ก็พิฆาต ราชนาวี ได้สำเร็จ

กองกลาง : ปิยพล ผานิชกุล (สิงห์ เชียงรายฯ) 

มีส่วนสำคัญกับทั้งสองประตูของ "กว่างโซ้ง" ลูกแรกได้มาจากลูกตื๊อที่พยายามแย่งบอลกับ อเล็กซ์ คาปิโซดา ในกรอบเขตโทษจนบอลไปเข้าทาง เคลตัน ซิลวา ที่โหม่งเข้าไป ลูกที่สองก็เริ่มมาจากการจ่ายทะลุช่องของ "ไดร์" ให้ เนบีฮี บายรัม ยิงแฉลบกองหลังเข้าประตู อีกทั้งเกมรับก็ลงไปช่วยทีมสกัดกั้นจนรอดการเสียประตูไปได้หลายครั้ง

กองกลาง : อ่อง ตู (โปลิศ เทโร)  

ยิงแทบทุกนัดจริงๆ สำหรับดาวเตะพม่ารายนี้ สถานการณ์ที่ทีมพลิกกลับมาแซงชนะ 3-2 ทั้งที่ถูกนำไปก่อน 0-2 จุดเปลี่ยนนสำคัญอยู่ที่การบัญชาเกมรุกอันยอดเยี่ยมของ อ่อง ตู ทั้งการจ่ายให้ อดิศักดิ์ ศรีกำปัง ยิงแฉลบตีเสมอ และกลายเป็นฮีโร่เมื่อทำประตูัชัยได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

กองกลาง : ชญาวัต ศรีนาวงษ์ (พัทยา ยูไนเต็ด) 

โดดเด่นมากในศึกดาร์บี้แมตช์เมืองชล "บี" ยิงประตูโทนให้ทีม "โลมาสีน้ำเงิน" คว้า 3 แต้มในเกมที่ขับเคี่ยวกันอย่างสูสี นอกจากนั้นยังวิ่งขึ้นลงทั้งรับและรุกตลอดทั้งเกม แถมยังมีลูกทีเด็ดจากการส่องไกลนอกกรอบให้ ชนินทร์ แซ่เอียะ ต้องพุ่งเซฟอีกด้วย 

กองหน้า : ชนานันท์ ป้อมบุบผา (สุพรรณบุรี เอฟซี) 

โหม่งประตูทีมเก่าให้ สุพรรณบุรี ขึ้นนำ 2-1 ก่อนถูกตามตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกมนี้ต้องบอกว่า "ทู" ช่วยทีมไว้เยอะมาก ทั้งที่เล่นเป็นกองหน้าแต่กลับมาช่วงเกมรับไว้ได้หลายครั้ง มีจังหวะที่แย่งบอลจากผู้เล่นเมืองทองฯ จนเกือบทำให้ทีมได้ประตูหลายครั้ง  แถมยังปั่นป่วนแนวรับของเจ้าถิ่นตลอดทั้งเกม

กองหน้า :  ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 

ยังคงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกของ "ปราสาทสายฟ้า" เหมือนเช่นเคย นัดนี้มีโอกาสเยอะมาก ประมาณ 5-6 ครั้งแต่เปลี่ยนเป็นสกอร์ได้เพียงลูกเดียวเพราะ รัตนัย ส่องแสงจันทร์ นายด่านของ "สิงห์เจ้าท่า" โชว์ฟอร์มเซฟช่วยไว้เยอะ อย่างไรก็ตาม ดิโอโก้ ได้แอสซิสต์ในประตูปิดกล่องที่ถวายพานให้ เอ็ดการ์ ซิลวา แปโล่งๆ ถือเป็นฟอร์มที่ดีต่อเนื่องของหอกคู่หูเลือดแซมบ้า

กองหน้า : เฮแบร์ตี้ (เอสซีจี เมืองทองฯ) 

"คิดไม่ออกบอก เฮแบร์ตี้" นี่อาจจะเป็นวลีที่อยู่ในใจของแฟนๆ "กิเลนผยอง" ทั้งสองประตูืที่ทีมทำได้ในการเสมอกับ สุพรรณบุรี 2-2 มาจาก เฮแบร์ตี้ ทั้งสิ้น ลูกแรกเป็นคนซัดฟรีคิกเต็มข้อใส่ สินทวีชัย ก่อนที่ ทริสต็อง โด จะพุ่งโหม่งซ้ำ และลูกตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บก็มาจากเท้าซ้ายปีศาจของดาวเตะบราซิเลียนที่ปั่นจากนอกกรอบได้เด็ดขาดดีเหลือเกิน

โค้ช : รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค  (โปลิศ เทโร) 

การที่ทีมตามหลังก่อนในครึ่งแรก 0-2 แล้วยิงสามลูกรวดแซงกลับมาชนะ 3-2 ในครึ่งหลังได้นั้น เบื้องหลังต้องยกเครดิตให้การกระตุ้นลูกทีมระหว่างพักครึ่งในห้องแต่งตัวของ "โค้ชอ้น" ที่พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเขาสามารถรวมใจผู้เล่น "มังกรโล่เงิน" ให้เป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันได้ แท็กติกในครึ่งหลังทำให้เกมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และเป็นอีกครั้งที่ "โค้ชอ้น" โชว์กึ๋นการแก้เกมจากการตกเป็นรองให้โมเม็นตัมกลับมาอยู่ฝั่งตัวเองได้สำเร็จ