:::     :::

TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 23

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม 2561
2,066
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รู้ก่อนใคร ลึกกว่าใคร ข่าวบอลไทย ต้องที่ THSPORT

11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 23

แผนการเล่น : 4-4-2

ประตู :  แซมมวล ป.คันนิงแฮม (นครราชสีมา มาสด้า) 

แซมมวล ก็บินได้ นายด่านลูกครึ่งไทย-อเมริกัน โชว์ฟอร์มเซฟอุตลุดโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังช่วยให้ทีมเก็บ 1 แต้มและรักษาคลีนชีทได้สำเร็จ ทั้งที่ทีมเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนตั้งแต่ 35 นาทีแรก ไม่ว่าจะลูกยิงของ เฮแบร์ตี้, ศนุกรานต์ หรือ ชาช่า ก็ไม่ผ่านมือของ "เจ้าแซม" ไปได้เลย

กองหลัง : สราวุธ กัลยาณบัณฑิต (พัทยา ยูไนเต็ด)

"เจ้าแฟลต" ปราการหลังร่างโย่งของ พัทยา ยูไนเต็ด เกมนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยเกมรับ อีกทั้งจังหวะลูกตั้งเตะก็ขึ้นไปลุ้นเกือบทำประตูได้หลายต่อหลายครั้ง แถมช่วงท้ายเกมยังบุกขึ้นไปถึงกรอบเขตโทษของคู่แข่งก่อนเป็นคนเรียกจุดโทษให้ทีมตามตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 

กองหลัง : ประวีณวัช บุญยงค์ (ราชบุรี มิตรผล)

ขยับขึ้นมาตัดเกมของ ชลบุรี ในแดนกลางได้บ่อยครั้ง จนทำให้แดนกลางของ ราชบุรี มีโอกาสครอบครองบอลมากขึ้น แถมในช่วงท้ายเกมยังเป็นคนขึ้นมาโหม่งประตูตีเสมอ ช่วยให้ "ราชันมังกร" เปิดบ้านแบ่งแต้มจาก ชลบุรี ได้สำเร็จ 

กองหลัง : วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด)

ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในแผงกองหลังของ "กว่างโซ้ง" มีลูกกลางอากาศอันเป็นจุดเด่นคอยช่วยป้องกันลูกเปิดจากด้่านข้างได้ดี รวมถึงประกบจน แนวรุกเจ้าถิ่นอย่าง ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์, ดิยุฟ บีรัม และ อองรี ดุมเบีย ทำอะไรได้ไม่ถนัดนักตลอดทั้งเกม จนท้ายที่สุดก็เป็น กว่างโซ้ง" ที่บุกมาเก็บ 3 แต้มสำคัญได้

กองหลัง : สมภพ นิลวงษ์ (พีที ประจวบ)

แม้จะอายุ 35 ปีเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญหาในการโชว์ฟอร์มอย่างแข็งแกร่งในแนวรับ ด้วยสไตล์การเล่นที่ทุ่มเทตลอด 90 นาที ช่วยสกัดจังหวะบุกของ "แข้งเทพ" ไว้ได้หมดทั้งภาคพื้นดินและอากาศ จนช่วยให้ทีมรักษาคลีนชีทพร้อมแบ่งแต้มจากทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ

กองกลาง : ประลอง สาวันดี (นครราชสีมา มาสด้า) 

เติมเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้ายได้มันส์สะเด่าดีเหลือเกิน โดดเด่นที่สุดในสนามสำหรับเกมริมเส้น รวมไปถึงเกมรับก็มีส่วนช่วยอย่างมากในการวิ่งไล่คอยปิดเกมบุกของ เมืองทอง โดยเฉพาะ ทริสตอง โด ที่ต้องดวลกันตลอดทั้งเกม แม้ทีมเหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่าแต่ "เจ้าโบด" ก็ใช้ความขยันทุ่มเท ช่วยพาทีมแชร์ 1 แต้มต่อหน้าแฟนบอล "สวาดแคท" 

กองกลาง : ยู จุน ซู (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 

คอยคุมจังหวะเกมในแดนกลางให้ บุรีรัมย์ ได้อย่างสุขุม ทำผลงานจ่าย 1 แอสซิสต์ให้ นฤบดินทร์ จิ้มตีเสมอ รวมถึงประตูชัยก็มาจากการทุ่มบอลเร็วของเขา ก่อนที่ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต จะยิงให้ "ปราสาทสายฟ้า" แซงกลับมาชนะ อุบล ยูเอ็มที 2-1

กองกลาง : สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ (สุโขทัย เอฟซี) 

ได้เครดิตโหม่งประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ในจังหวะที่อาจไม่ได้ตั้งใจ แต่นอกจากนั้นก็ยังมีลูกเปิดบอลทั้งสั้นและยาวสวยๆ หลายครั้ง รวมถึงเป็นคนเข้าไปปั่นป่วนทำให้กองหลังทีมเยือนสกัดบอลพลาดไปเข้าทางให้ จอห์น บาจโจ้ ยิงให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ด้วย น่าเสียดายที่ช่วงท้ายเกม "ค้างคาวไฟ" ไปแผ่วปลายซะจนถูก ราชนาวี ไล่ตามตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกแล้ว 

กองกลาง : นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

หายเจ็บกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง และมาตรฐานในการเติมเกมรุกทางริมเส้นฝั่งขวาก็ยังโดดเด่นเหมือนเคย เกมนี้เป็นคนเข้าแท็บอินให้ทีมตีเสมอจนกลับมาสู่เกมอีกครั้ง นอกจากนั้นยังมีโอกาสโอเวอร์แล็บขึ้นมาสร้างโอกาสให้เพื่อนรวมถึงลองซัดเองให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ถือเป็นเกมที่เขามีส่วนร่วมทั้งเกมรุกและเกมรับเยอะมาก

กองหน้า : ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 

ในเกมที่ บุรีรัมย์ อาจจะเล่นได้ไม่ดีนัก แต่ ดิโอโก ก็มีทีเด็ดทีขาดที่เปลี่ยนเกมได้จากการโอกาสจบสกอร์ที่ไม่ได้มีมากนัก เกมนี้หัวหอกแซมบ้าประสานงานกับเพื่อนร่วมชาติอย่าง ออสวัลโด้ ได้อย่างเข้าขา รวมถึงลงมาช่วยสร้างสรรค์เกมเองตั้งแต่แดนกลาง ประตูในเกมนี้ทำให้เขายิงรวมแล้ว 22 ประตูขึ้นนำโด่งเป็นดาวซัลโวไทยลีกขณะนี้

กองหน้า :  ยศศักดิ์ เชาวนะ (แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล)   

"เจ้าป่าน" ถือเป็นของแสลงของทีมสิงห์เจ้าท่าอย่างแท้จริง เพราะเคยยิงประตูได้ตั้งแต่สมัยเล่นให้ทีมพนักงานยาสูบ เมื่อปี 2556 ซึ่งเป็นประตูแรกในการค้าแข้่งอาชีพซะด้วย รวมถึงฤดูกาลที่แล้วก็จักรยานอากาศยิงสุดสวยเช่นกัน พอมาถึงเกมนี้ก็เหมือนหนังม้วนเดิมเมื่อเป็นคนซัดประตูให้ "อินทรีทัพฟ้า" ออกนำด้วยลูกยิงเสียบสามเหลี่ยมสุดสวย นอกจากนั้นยังมีโอกาสลุ้นทำประตูอีกหลายครั้ง ก่อนจะช่วยให้ทีมย้ำแค้น การท่าเรือ ได้ 2 เกมติดต่อกัน

เฮดโค้ช : เจสัน บราวน์ (แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล)

อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติเวลส์และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เข้ามารับงานนี้โดยที่ไม่ถูกคาดหวังมากนักเพราะทีมโอกาสรอดตกชั้นริบหรี่เหลือทน แต่กุนซือหนุ่มวัย 36 ปีใช้โอกาสนี้ในการสร้างชื่อได้เป็นอย่างดี ทั้งลีลาแอคชั่นข้างสนามที่แสดงให้เห็นว่าให้ความเชื่อมั่นในตัวนักเตะและก็ได้ใจลูกทีมกลับคืนมา "อินทรีทัฟฟ้า" ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากนับตั้งแต่ได้ เจสัน มาคุมทัพ และนัดนี้เขาก็พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าการชนะ การท่าเรือ ในบอลโตโยต้า ลีก คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ไม่ใช่เรื่องฟลุค ด้วยการเปิดบ้านย้ำแค้นได้อีกรอบ ด้วยแท็กติกที่ใช้เกมรุกด้วยผู้เล่นที่มีความเร็วโจมตีจากด้านข้างได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด