แผนการเล่น : 4-4-2

ประตู :  พิศาล ดอกไม้แก้ว (แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล) 

"เจ้าเอ๋" โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟลูกยากๆ หลายต่อหลายครั้งด้วยทุกส่วนของร่างกาย ไฮไลท์ำสำคัญอยู่ที่จังหวะสกัดด้วยเท้าก่อนบอลข้ามเส้นไปแบบฉิวเฉียด จนกระทั่งทีมมาได้ประตูชัยในนาทีสุดท้ายช่วยต่อชีวิตในการลุ้นหนีตกชั้นของทีม "อินทรีทัพฟ้า" ได้ต่อไป

กองหลัง : อันเดรส ตูเนซ  (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

โหม่งประตูจากลูกเตะมุมตั้งแต่ต้นเกมช่วยให้ "ปราสาทสายฟ้า" คุมเกมได้อย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็ช่วยป้องกันลูกกลางอากาศเอาไว้ได้หมด ประกบติดจน เคลตัน ซิลวา แทบจะหายไปจากเกม ถือเป็นการกลับมาทำประตูได้อีกครั้งในรอบเกือบ 4 เดือน และเป็นประตูที่ 3 ในฤดูกาลนี้

กองหลัง : เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส (ทรู แบงค็อกฯ)

ในสภาพที่เหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก "แข้งเทพ" ถูก "สิงห์เจ้าท่า" โหมบุกเข้าใส่อย่างหนักแต่ เอเวอร์ตัน ก็แสดงความเป็นผู้นำในเกมรับได้อย่างยอดเยี่้ยมทั้งการประกบตัว, ป้องกันลูกกลางอากาศ รวมถึงสั่งไลน์กองหลังให้เคลื่อนที่อย่างมีวินัย แถมยังมีโอกาสลุ้นทำประตูจากลูกนิ่งหลายครั้ง ช่วยรักษาประตูจนทีมพลิกกลับมาคว้าชัยได้อย่างสุดมันส์

กองหลัง : อเล็กซานเดอร์ คาปิโซดา (แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล)

ลูกโด่งที่ทีม "สวาดแคท" พยายามบอมบ์เข้าใส่เป็นพักๆ กินปราการหลังชาวโครแอตรายนี้ไม่ได้เลย จนต้องเปลี่ยนมาเล่นบอลตามช่อง แต่ "คาปิ" ก็ยังเอาอยู่ ประกบจน จักรกฤษ นิยมสุข ตัวเป้าของทีมเยือนเคลื่อนที่ในเขตโทษอย่างยากลำบาก ช่วยทำให้เพื่อนร่วมทีมในแนวรับเล่นง่ายขึ้นไปด้วย

กองหลัง : สราวุธ กัลยาณบัณฑิต (พัทยา ยูไนเต็ด)

"เจ้าแฟลต" ช่วย้กมรับให้ "โลมาสีน้ำเงิน" ไม่เสียประตูได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะสองจังหวะสำคัญที่วิ่งเบียด ชัยวัฒน์ บุราณ จนโหม่งหลุดกรอบ และช่วงท้ายเกมที่สะกัดบอลข้ามคานจากระยะหลาเดียวก่อนถูกแท็ปอินได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด

กองกลาง : ปกเกล้า อนันต์ (ทรู แบงค็อกฯ) 

ช่วยเกมแดนกลางได้เยอะมากในเกมที่ต้องเหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ช่วงปลายครึ่งแรก และกลายมาเป็นฮีโร่ เมื่อทั้งจ่ายให้ สุมัญญา ปุริสาย ตีเสมอ ก่อนยิงไกลสุดสวยเป็นประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทำให้โอกาสลุ้นแชมป์ยังพอมีความหวังเล็กๆ และที่สำคัญคือทิ้งห่างอันดับ 3 คู่แข่งในเกมนี้อย่าง การท่าเรือ ออกไปเป็น 6 คะแนนแล้ว โอกาสคว้าโควตาเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ดูจะสดใสมากยิ่งขึ้น

กองกลาง : ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (บีจี เอฟซี) 

ขับเคลื่อนแดนกลางให้ "กระต่ายแก้่ว" ด้วยพลังไดนาโม วิ่งไม่หยุดตลอดทั้งเกมและมีส่วนร่วมในทุกๆ จังหวะทั้งเกมรุกและเกมรับ นัดนี้เปิดเตะมุมให้ สุรชาติ สารีพิมพ์ โหม่ง ก่อนจัดการยิงประตูปิดกล่องให้ทีมบุกคว้าชัยเหนือ โปลิศ เทโร อย่างราบคาบ

กองกลาง : ศักดิ์นรินทร์ มิ่งสมร (สุโขทัย เอฟซี) 

"เจ้าซีน" ได้รับความไว้วางใจจาก "โค้ชหนุ่ย" ให้ลงสนามเป็นตัวจริงต่อเนื่อง และโชว์ฟอร์มได้สมกับที่ไว้วางใจทั้งการเคลื่อนที่ยามไม่มีบอลเพื่อเชื่อมจังหวะกับเพื่อนร่วมทีม แถมยังซัดไกลสุดสวยระยะเกือบ 40 หลาให้ "ค้างคาวไฟ" ได้ประตูนำ 1-0

กองกลาง : มนตรี พรหมสวัสดิ์ (ราชบุรี มิตรผล)

ปีกจอมฟิตจากชุดแชมป์ซีเกมส์ถูกจับไปยืนทางฝั่งซ้่ายและสร้างโอกาสงามๆ ให้เพื่อนได้ตลอดจากความเร็วและคล่องของเจ้าตัว และโหม่งประตูอย่างเฉียบขาดช่วยให้ "ราชันมังกร" ขึ้นนำไปก่อนทำให้รูปเกมผ่อนคลายขึ้นได้เยอะ และเกือบจะแอสซิสต์ได้ด้วยหาก มาร์ค ฮาร์ทมันน์ ยิงคมกว่านี้อีกสักนิดล่ะก็

กองหน้า : จอห์น บาจโจ้ (สุโขทัย เอฟซี)

วิ่งป่วนแนวรับของ "ต่อพิฆาต" ไปทั่วทั้งกราบซ้ายและขวา สร้างโอกาสทำประตูให้ทั้งตัวเองและเพื่อนด้วยความมุ่งมั่น คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมตลอดเวลา และจัดการปิดกล่องประตู 2-0 จากลูกฟรีคิกสุดสวยเสียบสามเหลี่ยมซึ่งเจ้าตัวเป็นคนเรียกฟาวล์เองด้วย

กองหน้า :  เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ (เอสซีจี เมืองทองฯ)   

เดอะแบกก็ยังเป็นเดอะแบกอีกตามเคย สำหรับ เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ เกมนี้จัดการเหมาคนเดียว 2 ประตูจากลูกโหม่งและจุดโทษที่ทั้งเรียกเองและยิงเอง ช่วยให้ "กิเลนผยอง"คว้าชัยนัดแรกในรอบ 6 เกมรวมทุกรายการได้สำเร็จ 

เฮดโค้ช : มาโน่ โพลกิ้ง (ทรู แบงค็อกฯ)

ในเกมสุดมันส์ของไทยลีกประจำสัปดาห์นี้ "แข้งเทพ" ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเมื่อตัวผู้เล่นต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนตลอดครึ่งหลังแถมสกอร์ยังเป็นฝ่ายตามอีกด้วย แต่กุนซือลูกครึ่งเยอรมัน-บราซิล รายนี้ก็ยังไม่ได้หันไปเล่นเกมรับ แต่กลับส่งตัวรุกอย่าง ธีรเทพ วิโนทัย และ สุมัญญา ปุริสาย ลงมาเพิ่มตามปรัชญาของตัวเอง และถือเป็นการแก้เกมที่ดีเพราะทีมไม่ได้เสียรูปทรงแถม สุมัญญา มีส่วนกับ 2 ประตูที่ทีมแซงกลับมาคว้าชัยได้สำเร็จ