แผนการเล่น : 4-2-4

ประตู :  แซมมวล ป. คันนิงแฮม (นครราชสีมา มาสด้า) 

แซมมวลรักษามาตรฐานการเซฟประตูได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง ทำให้ "สวาดแคท" เป็นเพียง 1 ใน 2 ทีมเท่านั้นของไทยลีกนัดนี้ที่เก็บคลีนชีตได้ พร้อมกับคว้า 3 แต้มอันล้ำค่่าเพื่อการอยู่รอดออกมาจากถิ่น "โลมาสีน้ำเงิน" ได้สำเร็จ

กองหลัง : ชณธวัฒน์ ศรีสุข  (ราชนาวี)

มีส่วนร่วมกับเกมทั้งรุกและรับตลอดการแข่งขัน ใช้ความเร็วในการโจมตีคู่แข่งทางกราบรวมถึงป้อนกันลูกสวนกลับของ "อินทรีทัพฟ้า" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย 5 ประตูที่ทีมทำได้มาจากการยิงของ "เจ้าเดี่ยว" 1 ประตูและแอสซิสต์ให้เพื่อนไปอีก 2 ลูก

กองหลัง : อันเดรส ตูเนซ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

ทำหน้าที่บัญชาเกมรับของ "ปราสาทสายฟ้า" ได้สมบูรณ์แบบอีกหนึ่งนัด ในเกมที่ไม่ง่ายเลยกับการรับมือแนวรุกของ "กว่างโซ้ง" ที่ใช้ความใหญ่ของศูนย์หน้าอย่าง บิลล์ และ วิลเลี่ยม เฮนริเก้ แต่ตูเนซก็เอาอยู่รวมถึงคอยสั่งการให้แผงไลน์แบ็คเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบตลอดทั้งเกม

กองหลัง : เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส (ทรู แบงค็อกฯ)

ปราการหลังเลือดแซมบ้า พาตัวเองไปอยู่ในจังหวะสำคัญอยู่เสมอในการรับมือกับผู้เล่น "กระต่ายแก้ว" แสดงออกถึงภาวะผู้นำยามที่ต้องเป็นฝ่ายรับและคอยกระตุ้นเพื่อนให้มีสมาธิอยู่กับเกม อีกทั้งยังเติมขึ้นมาโขกประตูช่วยให้ "แข้งเทพ" เฉือนชนะไปอย่างสุดมันส์ 3-2

กองหลัง : ทริสต็อง โด (เอสซีจี เมืองทองฯ)

กลับมาประจำการวิงแบ็กฝั่งขวาอีกครั้ง แล้วก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวมีบทบาทกับเกมมากขึ้นในการช่วยทั้งเกมรับและเติมเกมรุกที่เป็นจุดเด่นของแข้งลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส โดยขึ้นมาแอสซิสต์ให้เพื่อนทำได้ 1 ประตูในเกมนี้อีกด้วย

กองกลาง : ชาริล ชัปปุยส์ (เอสซีจี เมืองทองฯ) 

กลับมาโชว์ฟอร์มเด่นได้อีกครั้งหลังจากเงียบไปนานสำหรับห้องเครื่องลูกครึ่งไทย-สวิส มีบทบาททั้งเกมรับและรุก ช่วยตีเสมอให้ทีมได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม ก่อนจะแอสซิสต์ให้เพื่อนอีก 1 ประตูทำให้ "กิเลนผยอง" คว้าชัยในศึกเอลกลาซิโก้เมืองไทยเหนือ "ฉลามชล" ไปอย่างราบคาบ

กองกลาง : อันโตนิโอ พีนา (นครราชสีมา มาสด้า)

ลูกยิงไกลสุดสวยของจอมทัพบราซิลเลียนทำให้ทีม "สวาดแคท" ออกนำพัทยาไปก่อนตั้งแต่ครึ่งแรก ซึ่งถือเป็นประตูที่ทำให้เพื่อนๆ เล่นได้ง่ายขึ้นก่อนปรับแท็กติกมาเล่นรัดกุมเพื่อรักษาสกอร์นำ ซึ่ง พีนา ก็ยังคงมีบทบาทเยอะมากในการเชื่อมเกมจนพาทีมคว้า 3 แต้มสำคัญออกมาได้สำเร็จ

กองหน้า : โชนาตาน เฮส (พีที ประจวบ)

แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างในแนวรุกของ "ต่อพิฆาต" คิดอะไรไม่ออกก็บอกเฮสได้เลย นัดนี้จัดการเหมาคนเดียว 2 ประตูเป็นเกมที่สองติดต่อกัน ช่วยให้ทีมเพิ่มสถิติชนะในรังสามอ่าวเป็นนัดที่ 11 จาก 14 นัด พลิกกลับมาชนะ การท่าเรือ ไปอย่างสุดมันส์ 2-1 ทำให้เขายิงไปแล้ว 22 ประตูในลีกรั้งอันดับ 2 ดาวซัลโว เป็นรองเพียง ดิโอโก้ เท่านั้น

กองหน้า : มิชาเอล เอ็นดรี้ (โปลิศ เทโร) 

อีกหนึ่งเดอะแบกของไทยลีกฤดูกาลนี้ หัวหอกเลือดน้ำหอมซัดจุดโทษตีเสมอให้ทีมก่อนมายิงประตูชัยให้ "มังกรโล่เงิน" พลิกแซงชนะ สุโขทัย ถึงถิ่น ซึ่งนี่อาจถือเป็น 3 แต้มสำคัญแห่งฤดูกาลเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการตัดแต้มกันเองกับทีมในโซนหนีตายด้วยกัน

กองหน้า :  แจ็คสัน โคเอลโญ่ (เอสซีจี เมืองทองฯ)   

"เจ้ากระต่ายน้อย" โคเอลโญ่ (แปลว่ากระต่าย) กลับมาสู่ฟอร์มที่ควรจะเป็นเสียที โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ประสานงานกับ เฮแบร์ตี้ และผองเพื่อน "กิเลนผยอง" ในการสร้างโอกาสในเกมรุกได้อย่างโดดเด่น ทั้งเก็บบอลและปิดสกอร์ แถมยังลงไปช่วยเกมรับในจังหวะตั้งเตะได้อีกด้วย นัดนี้เหมาคนเดียว 2 ประตูทำให้เมืองทองกลับมาคว้าชัยในบ้านได้อีกครั้ง

กองหน้า : กรวิชญ์ ทะสา (อุบล ยูเอ็มที)

"เจ้าซัน" หัวหอกวัยเพียง 18 ปี รักษาฟอร์มเก่งต่อเนื่องมาจากทีมชาติไทยชุดยู-19 ด้วยการพิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือยอดศูนย์หน้าที่คาดหวังได้ในการแบกอายุขึ้นมาเล่นในไทยลีก การได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงนัดนี้เขาประสานงานกับแข้งรุ่นพี่อย่าง สมศักดิ์ มุสิกะพันธ์ ได้อย่างเข้าขามากๆ นี่หาก "เทพอินทรี" ได้ตัวเขามาร่วมทีมเร็วกว่านี้ เกมรุกของทีมน่าจะจัดจ้านกว่าในช่วงเลกแรกแน่นอน 

เฮดโค้ช : คัมเบะ ซูงาโอะ (อุบล ยูเอ็มที)

แก้เกมกันจ้าละหวั่นช็อตต่อช็อตเลยทีเดียวสำหรับศึกซูเปอร์แมตช์ฺที่ยิงนัดเดียวถึง 9 ประตู ในสถานการณ์ที่พลิกไปพลิกมา ถือว่านี่อาจเป็นนัดแห่งความทรงจำอีกเกมหนึ่งในชีวิตของกุนซือชาวญี่ปุ่นก็ว่าได้ แม้โอกาสรอดตกชั้นจะริบหรี่ แต่การวางแท็กติกเปิดเกมรุกแลกหมัดสู้แบบไม่มีถอยสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ "เทพอินทรี" รวมถึงทุกคนที่ได้ชมเกมนี้จริงๆ