ฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก

สเปน 3 - สวีเดน 0

สนาม : เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด 

สเปน ปรับทัพในบางตำแหน่ง โดยแนวรุกใช้  อีสโก้, โรดรีโก้ โมเรโน่ และ มาร์โก อาเซนซีโอ ลงเล่นร่วมกันแต่นายทวารยังเป็น เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ส่วนสวีเดนวางหอกคู่ มาร์คุส เบิร์ก กับ โรเบิร์ต ไควซอน มาสู้เจ้าถิ่น

เริ่มเกมมา สเปน ครองเกมรุกได้ทันที นาทีที่ 15 ดานี่ ปาเรโฆ่ ได้จังหวะส่องไกลหน้าเขตโทษติดเซฟของ โรบิน โอลเซ่น นายทวารสวีเดน และจากลูกเตะมุม เซร์คิโอ รามอส ได้โขกก็ยังติดเซฟอีก

สถานการณ์ของทีมเยือนไม่สู้ดีเมื่อนาที 27 ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง วิคเตอร์ คลาสเซ่น บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง ยาค็อบ โยฮันส์สัน ลงสนามแทน 

ช่วงทดเจ็บ สเปนได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะเตะมุม บอลตกถึง รามอส ได้หวดด้วยขวา แต่บอลหลุดกรอบออกหลังทำให้จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังนาที 61 สวีเดนได้ทักทายบ้างเมื่อ มาร์คุส เบิร์ก เปิดบอลให้ โรบิน ไควซอน ยิงด้วยขวาหน้าเขตโทษแต่ก็ตรงตัว เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นายทวารสเปน

อีก 3 นาทีถัดมาเป็นสเปนที่ได้จุดโทษ เซบาสเตียน ลาร์สสัน ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีมรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ สเปนนำ 1-0 พร้อมกับเปลี่ยนตัวทันทีส่ง อัลบาโร่ โมราต้า ลงแทน มาร์โก อาเซนซีโอ  

นาที 69 สเปนหาช่องได้อีกเมื่อ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จ่ายให้ โรดรีโก้ โมเรโน่ กดด้วยซ้าย แต่ก็ติดบล็อกของผู้เล่นสวีเดน

ท้ายเกมนาที 84 สเปน มาได้จุดโทษอีกครั้งเมื่อ ฟิลิป เฮลันเดอร์ พุ่งเสียบ อัลบาโร่ โมราต้า ล้มในจังหวะเข้าเขตโทษพอดี คราวนี้ โมราต้า ขอยิงเองและก็ซัดผ่านมือ โรบิน โอลเซ่น เข้าไป

สกอร์ไหลเป็น 3-0 ในนาที 87 ฟาเบียน รูอีซ จ่ายบอลออกขวาให้ มิเกล โอยาซาร์บัล ที่แตะเข้าซ้ายแล้วยิงเล่นทางส่งบอลเสียบเสาไกลสุดสวย 

จากนั้นจบเกม สเปน เปิดรังอัดสวีเดนสวยงาม 3-0 เก็บชัยชนะ 4 นัดรวดมี 12 คะแนนเต็ม 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

สเปน : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - ดาเนียล การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส, อินญีโก้ มาร์ตีเนซ, จอร์ดี้ อัลบา - ดาเนียล ปาเรโฆ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ฟาเบียน รูอีซ - อีสโก้, โรดรีโก้ โมเรโน่, มาร์โก อาเซนซีโอ 

สวีเดน : โรบิน โอลเซ่น - มิคาเอล ลุสติก, ปอนตุส ยานส์สัน, ฟิลิป เฮลันเดอร์, ลุดวิก เอากุสตินส์สัน - วิคตอร์ เคลสสัน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, อัลบิน เอคดาล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - มาร์คุส เบิร์ก, โรเบิร์ต ไควซอน 

ผู้ตัดสิน : วิลเลียม คอลลั่ม (สกอตแลนด์)