คู่แรกของรอบตัดเชือกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 อังกฤษของกุนซือ ฟิล เนวิลล์ ส่ง เอลเลน ไวท์ หัวหอกตัวเก่งล่าตาข่ายเช่นเคย ทว่า โทนี่ ดักแกน เป็นเพียงสำรอง ขณะที่ สหรัฐฯ มีเซอร์ไพรส์เช่นกันเพราะ เมแกน ราปิโอเน่ เป็นเพียงสำรอง แต่ดาวดังอย่าง อเล็กซ์ มอร์แกน ยังออกสตาร์ตเช่นเคย 

เริ่มเกมมา 10 นาที สหรัฐฯ ออกนำก่อน 1-0 จากจังหวะลุยทางฝั่งขวาของ เคลลี่ย์ โอฮาร่า ที่เปิดโด่งเลยมาเสาไกล คริสเตียน เพรสส์ โขกเสียบตาข่ายเข้าไปสวยงาม 

แต่อังกฤษก็ใช้เวลาเพียง 9 นาทีในการตามตีเสมอ เบ็ธ มีด เปิดบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษ เอลเลน ไวท์ แปะระยะ 6 หลาที่เสาแรกเข้าไปอย่างเด็ดขาด สกอร์กลับมาเป็น 1-1 

นาที 31 สหรัฐฯ นำอีกครั้งเป็น 2-1 จากการประสานงานกันอย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง ลินด์เซย์ โฮรัน หยอดบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษให้ อเล็กซ์ มอร์แกน วิ่งมาโขกส่งบอลเข้าประตูไปสุดสวย 

ครึ่งหลังนาที 68 อังกฤษส่งบอลตุงตาข่ายได้จากจังหวะต่อบอลกันสวย จิลล์ สกอตต์ สะกิดบอลให้ เอลเลน ไวท์ หลุดไปซัดด้วยซ้ายอย่างเฉียบขาด ทว่าผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ก่อนชี้ขาดว่า ไวท์ ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว สกอร์ยังเป็น 2-1 

ทว่าวีเออาร์ก็ช่วยอังกฤษได้จุดโทษในนาที 82 เมื่อ เอลเลน ไวท์ โดน เบ็คกี้ เซาเออร์บรุนน์ กองหลังสหรัฐฯ สะกิดฟาวล์เล็กน้อยในจังหวะวิ่งเข้ายิงประตู ทว่า สเตฟ เฮาจ์ตัน ยิงไม่ดีนักแปไปติดเซฟของ อลิสซ่า แนเฮอร์ ที่พุ่งถูกทาง สิงโตพลาดได้ประตูตีเสมออีกครั้ง

ท้ายเกมมีดราม่าต่อเนื่อง มิลลี่ ไบรท์ ของอังกฤษมาโดนใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงหลังเข้าฟาวล์หนักใส่ผู้เล่นสหรัฐฯ ทำให้เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน 

ช่วงเวลาที่เหลือซึ่งมีการทดเจ็บ 7 นาที อังกฤษ ไม่สามารถตามตีเสมอได้ ทำให้จบเกม สหรัฐฯ เบียดชนะ อังกฤษ ไป 2-1 ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเพื่อลุ้นแชมป์สมัย 4 โดยรอพบผู้ชนะระหว่าง ฮอลแลนด์ กับ สวีเดน ส่วนอังกฤษต้องไปรอบชิงอันดับ 3