ไมล์ส แกร์เร็ตต์ ดีเฟนซีฟเอนด์ของ คลีฟแลนด์ บราวน์ส ตั้งเป้าหมายนำทีมเดินหน้าคว้าชัยชนะมากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อมุ่งหน้าสู่รอบเพลย์ออฟและหวังไปถึงจุดมุ่งหมายคือ 'ซูเปอร์ โบวล์' ไม่ว่าจะเกิดขึ้นไปในหน้าหรือปีใดก็ตาม จากรายงานข่าวของเอ็นเอฟแอลเน็ตเวิร์คเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา 

แกร์เร็ตต์ กลายเป็นผู้เล่นทีมป้องกันที่รับค่าจ้างสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเอ็นเอฟแอลหลังการเซ็นสัญญา 5 ปี มูลค่า 125 ล้านเหรียญสหรัฐ และกลายเป็นผู้เล่นดราฟท์รอบแรกของ บราวน์ส ที่เซ็นสัญญาฉบับที่สองกับแฟรนไชส์ต่อจาก โจ เฮเด้น อดีตดราฟท์อันดับ 7 คลาส 2010 จากนั้นพวกเขาเลือกผู้เล่นรอบแรก 9 คน นับจาก เฮเด้น จนถึง แกร์เร็ตต์  แต่ไม่มีผู้เล่นคนใดทำข้อตกลงระยะยาวจนถึงอดีตดราฟท์คนแรกของดราฟท์คลาส 2017

'ไม่มีข้อจำกัดสำหรับผมเพราะผมชื่นชอบประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่มันเป็น' แกร์เร็ตต์ กล่าว 'เพราะมันจะทำให้มันหอมหวานมากขึ้นเมื่อเราหมุนสิ่งนี้ไปรอบๆและเริ่มต้นชนะเกมใหญ่ๆ ชนะเกมเพลย์ออฟและในที่สุดก็ถึงจุดสุดท้าย ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น ผมต้องการนำทีมไปเพื่อสิ่งนั้น ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะเริ่มปีหน้าหรือกี่ปีก็ตาม ผมต้องการนำ คลีฟแลนด์ ไปยังดินแดนที่สัญญาไว้'

แกร์เร็ตต์ ยังตั้งเป้าหมายพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นทีมป้องกันดีสุดของลีกทั้งการแซ็คและการกดดันควอร์เตอร์แบ็กคู่แข่ง 'ผมต้องการดีขึ้นในทุกด้าน แม้ในเส้นทางนั้นผมจะอยู่ในบทสนทนาของผู้เล่นแห่งปี ผมไม่ต้องการที่จะทำให้การสนทนาอีกต่อไป ในปีหน้านี้ผมต้องการที่จะออกไปเอาบอล, ชนะรางวัลนั้น แต่ผมต้องการนำทีมของผมเข้าเพลย์ออฟและไปไกลมากกว่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำในฐานะทีมและวิธีที่เราสามารถสร้างเคมีร่วมกัน'

ก่อนจะกล่าวถึงพฤติกรรมที่ไม่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพจากการใช้หมวกกันน็อกเหวี่ยงใส่ เมสัน รูดอล์ฟ ควอร์เตอร์แบ็กของ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส จนถููกสั่งแบนช่วง 6 เกมสุดท้ายของฤดูกาลที่ผ่านมาโดยยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของเขาที่จะไม่ทำให้เกิดขึ้นอีกครั้ง

'มันเป็นความผิดพลาดที่จะไม่เกิดขึ้นอีก ชีวิตผมยิ่งใหญ่กว่าช่วงเวลาหนึ่ง ผม, บราวน์ส และเพื่อนร่วมทีมของผมจะมองข้ามสิ่งนั้นและไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ นั่นเป็นเพียงการชนเล็กน้อยบนท้องถนนเท่านั้น' แกร์เร็ตต์ กล่าว