ขุนพลโต๊ะเล็กทีมชาติไทย ทำการฝึกซ้อมต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เมื่อ 5 ต.ค.ที่บางกอก อารีนา ภายใต้การคุมเข้มของ “ปูลปิส” โฆเซ่ มาเรีย เมนเดส แต่รูปแบบไม่ได้เน้นหนักมากนัก ยังคงเป็นเรื่องการทบทวนแท็กติกรูปแบบต่างๆ ทั้งเกมรุก เกมรับ ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จสิ้น

หลังการซ้อม “ปูลปิส” ได้เผยว่า แม้จะเป็นช่วง 2 วันแต่ก็ได้ประโยชน์ ที่จะได้มาทบทวนแท็กติกต่างๆ และเช็กอาการผู้เล่นที่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ โดยโปรแกรมจริงจังก็จะไปช่วงวันที่ 11 พ.ย.เพื่อแข่งขันพีทีที ไทยแลนด์ไฟว์ ที่จะมีการเรียกชุด บี มาซ้อมด้วย ซึ่งไทยแลนด์ไฟว์ เราก็จะได้เห็นทุกคนได้แสดงศักยภาพเต็มที่ ก่อนจะตัดตัวเพื่อเตรียมชิงแชมป์เอเชียต่อไป

“เราไม่อาจปรับทีมได้มากเพราะระยะเวลามีจำกัด ผู้เล่นก็จะอยู่ใน 2 ชุดนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้น ถ้ามีนักเตะทำผลงานในฟุตซอลลีกได้ดี ก็พร้อมเรียกเข้ามาเสริม ขณะเดียวกันกรณีของ ศุภวุฒิ กับ เจษฏา ที่ยังแทบไม่ได้เล่นลีกในเลกแรก ก็ต้องติดตามและให้มีโปรแกรมฟิตซ้อมตลอดเช่นกัน ขณะตัวที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บไม่ว่า อภิวัฒน์,สุทธิพร,ชัยวัฒน์,อำพล,คฑาวุฒิ ก็ต้องติดตามดูเช่นกันว่าดีขึ้นและสมบูรณ์หรือไม่ ก่อนตัดสินใจเพื่อเรียกตัวลุยศึกเอเชีย” ปูลปิส กล่าว

ด้าน “เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ได้เผยถึงสภาพร่างกายของตัวเองด้วยว่า “จริงๆผมต้องเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อร่วมทีมนาโงย่า โอเชียนส์ แต่ก็ยังติดเรื่องการเดินทาง กระนั้นแม้จะไม่ได้มีโปรแกรมแข่ง แต่ที่ผ่านมาก็ฟิตซ้อมดูแลตัวเองมาตลอด โดยมีโปรแกรมกับเอเดรียนโค้ชฟิตเนสทีมชาติสัปดาห์ละ 3-4 วัน และยังซ้อมเองที่บ้านด้วย สภาพร่างกายไม่มีปัญหาอะไร  ตอนนี้ทางปูลปิส เห็นว่าผมยังไม่ได้ไปญี่ปุ่น ก็มีโปรแกรมพิเศษเพิ่มเติมให้เรื่องความฟิตจึงไม่มีปัญหา”

“อาร์ม” กล่าวถึงทีมชาติชุดนี้ด้วยว่า ก็เสียดายมีตัวได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ตัวที่มาทดแทนก็มีฝีเท้าที่ดี ทุกคนล้วนทำผลงานในลีกได้ยอดเยี่ยม ก็คิดว่าทีมจะพร้อมในการทำศึกไทยแลนด์ไฟว์ และเฉพาะอย่างยิ่งชิงแชมป์เอเชียที่เราหวังจะคว้าตั๋วไปชิงแชมป์โลกให้ได้”

สำหรับฟุตซอลทีมชาติไทยจากนี้จะปล่อยกลับสโมสรเพื่อเตรียมแข่งฟุตซอลไทยลีก 2020 ในเลกสอง ก่อนจะกลับมารวมทีมอีกครั้งในวันที่ 11 พ.ย.เพื่อทำศึกพีทีที ไทยแลนด์ ไฟว์ 2020 ระหว่าง 19-22 พ.ย.และต่อด้วยรายการชิงแชมป์เอเชีย ระหว่าง 2-13 ธ.ค.ที่จะคัด 5 ทีมเพื่อไปชิงแชมป์โลกปีหน้าที่ประเทศลิธัวเนีย