"ปราสาทสายฟ้า"อาจจะเริ่มต้นซีซั่นนี้ได้น่าผิดหวัง เพราะทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ สุพรรณบุรี เอฟซี ไป 0-0 แต่นั่นก็เป็นสัญญาณเตือนที่ดีของพวกเขาไม่น้อย โดยเฉพาะตรงที่ควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม หลังจากทีมได้เติมนักเตะเข้ามาในช่วงตลาดซื้อขายรอบแรก
นอกจาก พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี จาก สมุทรปราการซิตี้ ที่มาด้วยค่าตัว 10 ล้านบาทแล้ว พวกเขายังได้ ชุติพนธ์ ทองแท้ (พีที ประจวบ เอฟซี), นิรันดร์ มีมาก (ชลบุรี เอฟซี) และ เรบิน ซูลาก้า (เลฟสกี้ โซเฟีย) เข้ามา แต่ปล่อย ศศลักษณ์ ไหประโคน ไปให้ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ยืมตัว 6 เดือน
การปล่อย "เจ้าพี" ไปครั้งนี้ สร้างความปวดเศียรให้กับ อเล็กซานเดร กามา ไม่น้อย เพราะเทรนเนอร์ใหญ่ชาวบราซิล ต้องพยายามหาตัวแทนวิงแบ็คฝั่งซ้าย เข้ามาอุดรอยโหว่ของทีม ว่ากันว่าในการฝึกซ้อมและปรีซีซั่น เจ้าตัวลองทั้ง ทินกร อสุรินทร์, จักรกฤษ ลาภตระกูล, อิรฟาน ดอเลาะ รวมไปถึง ชุติพนธ์ ทองแท้
รายแรกเคยเล่นแบ็คซ้ายมาแล้ว ตั้งแต่ที่สร้างชื่อกับ สระบุรี เอฟซี พาทีมเลื่อนชั้นจากลีกรากหญ้าสู่ไทยลีก ในยุคที่ "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน คุมทีม ขณะที่ลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส อาจจะทำได้ดีในเกมบุก แต่ว่าการเล่นเกมรับอาจจะไม่น่าพิสมัยเท่าไร
ขณะที่ "เจ้าปัง" ก็ถือเป็นตำแหน่งแรกที่เขาเล่น สมัยยังโลดแล่นกับเวทีในแดนใต้ ก่อนถูกปรับมายืนเป็นกองกลาง เมื่อเข้ามาอยู่ในอคาเดมีของ “ปราสาทสายฟ้า” เมื่อปี 2017 จนเป็นจอมทัพคนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลรายการ โค้กคัพ ในตอนอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น
และคนที่น่าจะดูเวิร์คที่สุดอย่าง ชุติพนธ์ ทองแท้ อดีตลูกเจี๊ยบสายฟ้ารุ่นแรก หวนกลับมาเติมเกมแดนกลาง แต่ด้วยการเล่นเท้าซ้ายพร้อมกับมีประสบการณ์กับหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น บีบีซียู, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, สุพรรณบุรี เอฟซี และ พีที ประจวบ เอฟซี ทำให้เขาค่อนข้างจะเป็นขุมกำลังที่ลงตัว
แต่เมื่อซีซั่นใหม่มาถึงกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น และสุดท้ายเทรนเนอร์ชาวบราซิล ก็หันมาลองใช้ความสารพัดประโยชน์ของ ปิยะพล ผานิชกุล ซึ่งสามารถเล่นได้ทั้งสองเท้า รวมทั้งการอ่านเกมและจ่ายบอลที่ฉลาด มาประจำตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้าย ที่พวกเขาหามาตลอดได้อย่างลงตัวโดยเฉพาะหลังจากเกมที่ 4 ที่ออกไปแพ้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 0-2
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้ง ด้วยการเอาชนะไป 4 เกมรวด พร้อมกับยิงต่อนัด 2 ประตู รวมแล้วได้ไปถึง 8 ลูกด้วยกัน ซึ่งเกมล่าสุดเหลือ 10 คนตั้งแต่ 12 นาทีแรก ใน "ดาร์บี้แมตช์อีสาน" ที่เจอกับ นคราชสีมา มาสด้า เอฟซี ด้วยซ้ำ หลังจาก รัตนากร ใหม่คามิ โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม
แม้จะเหลือแค่ 10 คน แต่ความเข้าใจในการเล่น และด้วยคุณภาพของทีมที่พร้อมทดแทนกันได้ตลอดเวลา ทำให้เอาชนะไปได้ 2-0 ถือเป็นการคัมแบ็คที่ยอดเยี่ยมของทีม ซึ่งนี่แหละน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความมั่นใจให้กับทีมมากขึ้นกว่าเดิม
หากดูฟอร์มในซีซั่นนี้ยอมรับแบบตรงๆว่า มาตรฐานและความต่อเนื่องเมื่อผ่านครึ่งทางมาแล้ว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ดูคงเส้นคงวามากกว่าใคร เพราะด้วยผู้เล่นที่มีแกนหลักอยู่กันครบ อย่าง "ปราสาทสายฟ้า" ก็มีทั้ง "3 สุ" ทั้ง ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ หรือกัปตันทีมที่ฟอร์มคงเส้นคงวาอย่าง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม กับ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน
อีกอย่าง 2 แข้งที่ดึงเข้ามาก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับทีมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่เข้ามาเป็นผู้ขับเคลื่อนแดนกลางให้ทีมไหลลื่นมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเห็นมิติการจ่ายบอลในแต่ละจังหวะ ทั้งสั้นกับยาวที่มีความคมกริบมากจริงๆ
ไปจนถึง เรบิน ซูลาก้า ที่เข้ามาเพิ่มเติมความแข็งแกร่งในเกมรับ ซึ่งในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ตำแหน่งของเซนเตอร์ฮาล์ฟ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ "ปราสาทสายฟ้า" ต้องควานหาจิ๊กซอว์เพื่อมาอุดการเสียประตูที่เยอะเกินกว่าทีมลุ้นแชมป์ควรจะเป็น โดยเจ้าของส่วนสูง 192 เซนติเมตร ที่ผ่านการค้าแข้งกับหลายสโมสรในยุโรป ทั้งในลีกสวีเดน, นอร์เวย์, เซอร์เบีย รวมถึงลีก กาตาร์ ประสบการณ์ของเขา เข้ามาช่วยขันเกมรับให้ทีมแน่นขึ้นกว่าเดิมได้ลงตัวมากๆ
ในเมื่อองค์ประกอบพร้อม เหล่าบรรดากองหน้าของทีมก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ เพราะไร้อาการบาดเจ็บเล่นงาน ทั้ง ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ โดยเฉพาะรายแรกที่ยิงไปแล้ว 4 ประตู เป็นดาวซัลโวคนไทยในเวลานี้ แถม ซามูเอล โรชา ก็ยังกดไปเท่ากับดาวเตะทีมชาติไทยอีก เท่ากับว่าเวลานี้เกมรุกของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมถล่มประตูคู่แข่งเต็มที่
นี่แหละที่เป็นกลยุทธ์ทำให้ ช้าง อารีนา ต้องหนาวมาแล้วหลายสัปดาห์ ... กับการปักหลักจองพื้นที่อยู่หัวตาราง
ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ที่บุรีรัมย์ หรือ อูลันบาตอร์ เมืองหลวงของมองโกเลีย ที่ไหนหนาวกว่ากันแน่ ว่าไปนั่น....
