แมน : สวัสดีครับพี่ทอม ผมได้ยินมาว่าเด็กยู-14 ชุดคว้าแชมป์ อู่ฮั่น คัพ ที่จีน เป็นเด็กอัสสัมธนฯ ที่พี่ทอมทำอยู่เป็น 10 คนเลยหรอครับ เห็นเล่นกับญี่ปุ่นแบบไม่กลัวบอลเพรสซิ่งเลย แล้วหลายๆ คนก็ตัวสูงใหญ่มาก

มาสเซอร์ทอม : ชุดนี้มี 8 คนครับ จริงๆ ตอนแรกจะมีเป็น 10 น่ะแหละ แต่บางคนมีอาการบาดเจ็บก็เลยเหลืออยู่ 8 คน

แมน : เป็นชุดเดียวกับที่ไปคว้าแชมป์ 4 เส้าที่พม่า หรือเปล่าครับ

มาสเซอร์ทอม : ชุดที่พม่า มีเด็กเราไปเล่น 12 คนนะ แต่ญี่ปุ่นนี่เขาเป็นคนละชุดกัน ที่ไปพม่าเขาใช้เด็กท้องถิ่น แต่ที่ไปจีนนี่คือทีมชาติของเขาจริงๆ 

ยู-14 ไทยชุดคว้าแชมป์ อู่ฮั่น คัพ ทัวร์นาเม้นต์ระดับ ยู-14 ที่ดีที่สุดของเอเชีย

แมน : ใช่ครับ ผมเห็นมีคนตั้งกระทู้อยู่ว่าญี่ปุ่นไม่ได้ส่งเด็กที่ดีที่สุดมา แต่เช็คข้อมูลมาแล้ว เด็กญี่ปุ่นที่ไปอู่ฮั่น คัพ คือเด็กของ JFA (สหพันธ์ฟุตบอลญี่ปุ่น) ที่คัดเด็กที่ดีที่สุดมาจากทั้งประเทศแล้ว

มาสเซอร์ทอม : แต่เดี๋ยวพอขึ้นไปรุ่น 16 หรือ 19 ญี่ปุ่นเขาก็มีตัวที่ดีกว่านี้ขึ้นมาอีกอยู่แล้วล่ะ

แมน : ก็น่าจะเหมือนของเรานะครับ แล้วพี่ทอมคิดว่าเด็กรุ่นนี้จะขึ้นไปต่อยอดได้มากน้อยแค่ไหน

มาสเซอร์ทอม : ความคิดผมนะ ผมว่าขึ้นได้ยกชุดนั่นแหละ แต่ก่อนปัญหาของทีมชาติคือพอตกรอบเราก็ไปทอดทิ้งเด็ก พอเปลี่ยนรุ่นก็เปลี่ยนทีมยกชุด อยู่ที่ว่าใครจะเข้ามาเป็นโค้ช แล้วบางทีก็เลือกเด็กที่ตัวเองเคยคุมมา แต่ผมบอกได้เลยว่า เด็กอัสสัมธน ชุดนี้ดันขึ้นได้ทั้งทีม และอยากให้ผลักดันให้เด็กเล่นด้วยกันต่อเนื่อง ถ้าเราตั้งเป้าว่าจะใช้เด็ก 14, 16 ,19 เพื่อความหวังไปฟุตบอลโลก ก็ต้องให้เด็กเล่นด้วยกันไปยาวๆ นึกดูสิพอไปถึงชุดใหญ่เด็กจะเล่นด้วยกันได้น่ากลัวแค่ไหน

ลองดูรายชื่อทีมที่เข้าแข่งขันอู่ฮั่น คัพ ทีมชาติไทยได้แชมป์นะครับ

แมน : แต่ระหว่างทางก็คงมีเด็กที่ติดกับดักทางสังคม หายไปตามวัยอยู่แล้วล่ะมั้งครับ ที่ผ่านมาแต่ละรุ่นจะเหลือขึ้นไปชุดใหญ่ได้แค่ไม่กี่คนเอง บางคนก็เหลวไหลไปซะก่อน เจอปัญหาเรื่องคบแฟน, เรื่องคบเพื่อน, ติดอบายมุขร้อยแปด 

มาสเซอร์ทอม : แน่นอนล่ะครับ ก็เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ต้องควบคุมให้ได้ ช่วงวัยแบบนี้มันมีโอกาสเสี่ยงสูงอยู่แล้ว ตอนเราเป็นวัยรุ่นก็ไม่ต่างกันหรอก เราจะไปห้ามไม่ให้เด็กมีแฟนก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ผู้หญิงกับผู้ชาย  มันขึ้นอยู่กับเด็กด้วยนะว่าตั้งเป้าหมายในการเล่นฟุตบอลไว้ยังไง

แมน : วิธีสอนเด็กของพี่คือยังไง ต้องใช้ความดุเข้าข่มมั้ย เพราะอย่างที่รู้กันว่าเด็กวัยรุ่นนี่เป็นอะไรที่ควบคุมยากมากๆ 

มาสเซอร์ทอม : พี่ดุแค่ตอนซ้อมนะ เพราะเราต้องควบคุมให้ได้ ไม่งั้นเละเป็นจับปูใส่กระด้งแน่ๆ แต่พอออกนอกสนามนี่ก็เหมือนเป็นเพื่อนเล่นของเด็กๆ เลยล่ะ (หัวเราะ)

แมน : เราต้องเป็นเหมือนผู้ปกครองของเด็กๆ เลยมั้ยครับ 

มาสเซอร์ทอม : ผมมองเด็กทุกคนเป็นเหมือนลูกผมครับ เพราะผู้ปกครองเขาไว้ใจให้มาอยู่กับเราแล้ว เราต้องสอนไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล แต่ต้องคลุกคลีในทุกๆ เรื่อง มีอะไรเด็กก็ไว้วางใจที่จะมาปรึกษาเรา

แมน : เท่าที่ได้ดูแลเด็กพวกนี้ พี่ถามเขาบ้างมั้ยครับ ว่าแต่ละคนตั้งเป้าหมายในการเล่นฟุตบอลไว้ยังไง

มาสเซอร์ทอม : เด็กพวกนี้ทุกคนมีเป้าหมายอยู่แล้วแหละ ไม่งั้นคงผ่านการคัดตัวมาจนถึงขนาดนี้ไม่ได้แน่นอน เป้าหมายอันดับแรกก็คือติดทีมชาติไทยให้ได้ แล้วก็ค่อยต่อยอดไปตามระดับ 

แมน : ผมเห็นหลายคนชื่นชมโค้ชเอคโคโน่ ว่าทำให้เด็กชุดนี้เล่นต่อบอลและไม่กลัวการเพรสซิ่งของญี่ปุ่นเลย จนเราชนะเขาได้ทั้งรอบแรกและรอบชิง พี่ทอมคิดเห็นยังไง

มาสเซอร์ทอม : ก็ต้องให้เครดิตพวกทีมโรงเรียนหรืออคาเดมี่ด้วย เพราะเด็กพวกนี้มันเก่งอยู่แล้ว ทีมชาติมีเวลาเอานักเตะไปซ้อมแค่ไม่ถึงสัปดาห์ เด็กไม่ได้เก่งขึ้นเพราะซ้อมกับทีมชาติหรอก ลองมาดูเด็กอัสสัมธนเล่นสิ บอลเท้าเนี่ยเขาเล่นกันอยู่แล้ว พวกนี้อยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่ 10 ขวบ แทบจะหลับตาจ่ายบอลกันได้ด้วยซ้ำ และพี่กล้าพูดได้เลยว่าเด็กรุ่นนี้รุ่งแน่ๆ  

แมน : คือพี่ทอมจะบอกว่า ทีมชาติแค่เอาวัตถุดิบที่ดีอยู่แล้วไปใช้ อยู่ที่ว่าจะใช้ได้มีประสิทธิภาพหรือเปล่า

มาสเซอร์ทอม : ใช่ ทีมชาติทุกชุดน่ะแหละ เด็กไทยน่ะมีดีอยู่แล้ว ถ้าเอาไปใช้แล้วผลงานไม่ดีก็ต้องโทษโค้ชไม่ใช่โทษเด็ก แล้วเด็กรุ่นนี้น่ะผลงานดีไปคว้าแชมป์มาทั่วตั้งแต่สมัยโตโยต้า ที่พี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ทำแล้ว ตอนนั้นอายุแค่ 11-12 ปีเอง แล้วก็ขึ้นมาเล่นรุ่นนี้ เด็กอัสสัมธนฯเองก็ไปคว้าแชมป์มาแทบทุกรายการในประเทศและต่างประเทศ 

แมน : สำหรับพี่ทอมเด็กชุดนี้น่าจะดีกว่ารุ่นก่อนๆ มั้ย เคยได้ยินมาว่าพี่เคยทำบอลเด็ก รร.กีฬากทม. มาตั้งแต่สมัย อุ้ม ธีราทร, วิชะยา เดชมิตร, อรรถพงษ์ หนูพรหม นู่นเลย 

มาสเซอร์ทอม : อุ้มเขาเข้ามาเรียนที่ รร.กีฬากรุงเทพฯ ตั้งแต่ 8-9 ขวบนู่นแน่ะครับ รุ่นนี้น่าจะดีกว่าในเรื่องพื้นฐานเบสิกนะ แต่ก่อนอาจจะมีช้างเผือกโดดเด่นขึ้นมาแค่ไม่กี่คน แต่รุ่นนี้เบสิกแน่นทุกคน

แมน : เป็นเพราะว่าสมัยนี้มีเด็กหันมาเตะฟุตบอลมากกว่าแต่ก่อนด้วยมั้ยพี่ เพราะพ่อแม่อาจมีเป้าหมายอยากให้ลูกเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ลีกยังไม่เป็นอาชีพแบบนี้

มาสเซอร์ทอม : น่าจะเกี่ยวเลยแหละ คือเป้าหมายมันชัดเจนมากขึ้นว่าถ้าเล่นเก่งแล้วจะไปยังไงต่อ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็แค่หวังอยากให้ลูกได้ทุนเรียน หรือเข้าทำงานราชการ หรือติดทีมชาติเป็นความฝันสูงสุดแค่นั้น

แมน : ของอัสสัมธนฯนี่มีเด็กเข้ามาคัดในแต่ละปีเยอะมั้ยครับ ประมาณสักพันคนถึงมั้ยพี่ 

มาสเซอร์ทอม : เกิ๊น (เสียงสูง) แต่ละภูมิภาคก็เป็นพันคนแล้ว เรามีทีมงานไปคัดเด็กมาจากทั่วประเทศเลย 

แมน : แล้วสุดท้ายเอาเข้าโรงเรียนกี่คนครับ

มาสเซอร์ทอม : 10 คนครับ อย่างล่าสุดนี่ก็เพิ่งรับเพิ่มมาอีก 10 คน

แมน : โห แบบนี้ก็ถือว่าเด็กเป็นกลุ่มหัวหัวกะทิแล้วสิพี่ จะเก่งก็ไม่แปลกแล้ว 

มาสเซอร์ทอม : ก็ต้องให้เครดิตครูตามโรงเรียนต่างจังหวัดด้วยที่สร้างพื้นฐานให้เด็กมาได้ขนาดนี้ จะลืมพวกเขาไปไม่ได้เลยนะ พี่มองว่าเด็กที่เราคัดมาเราก็ต้องดันเขาไปให้สุด บางที่ที่คัดเด็กออกแล้วบอกว่าความสามารถเด็กไม่ผ่านตามมาตรฐานเนี่ย พี่ไม่เห็นด้วยนะ เพราะคุณคัดเขามาแล้วอะ แต่ทำให้เขาเก่งขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ปัญหาเรื่องวินัยก็ต้องโทษตัวเองแล้วว่าทำไมถึงทำให้เด็กเก่งขึ้นไม่ได้ พ่อแม่เขาก็คาดหวังกับคุณว่าจะทำให้ลูกเขาเก่ง ไม่ใช่พอไม่ผ่านก็คัดทิ้ง

แมน : ผมจำได้ว่าพี่ทอมเคยอยู่สโมสรตลาดหลักทรัพย์ เล่นรุ่นเดียวกับพี่เทิด (เทิดศักดิ์ ใจมั่น น้องชายแท้ๆ ของพี่ทอม) แล้วก็พี่ธร สอระภูมิ (หัวหน้าโค้ชอัสสัมชัญ ธนบุรี) ใช่มั้ยครับ 

มีเส้นทางที่ต่างกับน้องชายแท้ๆ ในวิถีนักฟุตบอลอาชีพ

มาสเซอร์ทอม : ใช่ ตอนนั้น อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ เป็นโค้ชอยู่ แต่พี่กับเทิดเล่นคนละทีมนะ เรามีอยู่สองทีม เทิดเขาจะเล่นอยู่ถ้วย ก ส่วนพี่จะไปเล่นให้ทีมถ้วย ค ซะมากกว่า ตอนเป็นนักเตะพี่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากหรอกครับ

แมน : พี่ทอมเลิกเล่นตอนอายุเท่าไหร่นะครับ 

มาสเซอร์ทอม : 23 เอง พี่บาดเจ็บหนักก็เลยเลิกแล้วก็หันมาทำงานโค้ชตั้งแต่นั้นเลย

แมน : โห เลิกไวมากๆ อะพี่ คิดว่าถ้าไม่เลิกซะก่อนน่าจะไม่เป็นรองน้องชายพี่หรือเปล่า แล้วที่รร.กีฬากรุงเทพฯ นี่คืองานแรกของพี่เลยหรือเปล่าครับ

มาสเซอร์ทอม : เทิดเขาเก่งกว่าผมอยู่แล้วครับ ไม่ใช่ที่แรกนะ พี่เคยทำบอลเด็กให้ตลาดหลักทรัพย์มาก่อน แล้วค่อยมาอยู่ที่รร.กีฬากรุงเทพฯครับ

แมน : ได้ติดต่อพูดคุยกับพี่เทิดบ้างมั้ยครับ เห็นพี่เทิดเองเขาก็ทำทีมอคาเดมี่ชลบุรีอยู่ด้วย 

มาสเซอร์ทอม : ก็คุยกันอยู่เรื่อยๆ นะ พี่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เทิดเขากลับไปทำบอลเด็กด้วยรึเปล่า เห็นเขาขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโค้ชให้ชลบุรีอยู่ ปีที่เราทางชลบุรีก็ดันเขาให้ขึ้นมาคุมชุดใหญ่

แมน : ตอนพี่เทิดคุมชลบุรีนี่ก็เจอวิจารณ์หนักพอตัวเลยนะครับ แล้วพี่ล่ะเห็นพี่สร้างเด็กจนขึ้นมาโด่งดังตั้งเยอะ ถ้ามีคนเสนอให้พี่ไปคุมสโมสรในลีกหรือทำทีมชาติ พี่จะรับมั้ย

มาสเซอร์ทอม : ไม่เอาหรอก ที่จริงพี่ก็เคยคุมสโมสรนะ แต่ให้เลือกคุมผู้ใหญ่กับคุมเด็ก พี่อยู่กับเด็กๆ พี่มีความสุขกว่า เราอยู่เบื้องหลังแบบนี้แหละดีแล้ว 

แมน : ทำบอลเด็กกับบอลผู้ใหญ่ ยากง่ายต่างกันยังไงครับ

มาสเซอร์ทอม : ทำบอลผู้ใหญ่แต่ละคนเขามีพื้นฐานมาหมดแล้ว แต่บอลเด็กเราต้องฝึกเบสิกตั้งแต่ต้นให้แน่น ถ้าถามว่าอย่างไหนยากกว่า ทำบอลเด็กยากกว่า แต่สนุกกว่าเพราะเวลาผมอยู่กับเด็กๆ เห็นเด็กๆ ลงไปเตะฟุตบอลแล้วผมมีความสุขครับ

แมน : ตอนผมโทรไปหาพี่อีกเบอร์นึงลูกชายพี่เป็นคนรับสายแล้วให้โทรมาเบอร์นี้ พี่ทอมปั้นลูกชายให้เตะฟุตบอลด้วยรึเปล่าครับ

มาสเซอร์ทอม : ก็เล่นอยู่ทีมอัสสัมธนฯ รุ่น 16 ปีอยู่ตอนนี้แหละครับ

แมน : ชื่ออะไรนะพี่ แล้วดููมีแววว่าจะขึ้นไประดับสูงได้มั้ยครับ พี่คาดหวังกับเขาไว้แค่ไหน

มาสเซอร์ทอม : ชื่อ รชต ใจมั่น ครับ พี่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากหรอก แค่เขาเป็นคนดีของสังคมก็พอแล้วล่ะ

แมน : อ๋อชื่อนี้นี่เอง เคยเห็นตามข่าวอยู่บ่อยเหมือนกันนะครับ แล้วสอนลูกตัวเองกับลูกคนอื่นยากมั้ยพี่ ผมเคยเห็นนักเตะดังๆ หลายคนถูกวิจารณ์ว่าลูกเล่นบอลไม่เก่งเท่าพ่อ 

มาสเซอร์ทอม : โอ้ย ยากกว่าเยอะ คือสอนลูกตัวเองบางทีมันก็พูดยากนะ (หัวเราะ) 

จำชื่อนี้ไว้ "รชต ใจมั่น" ลูกชายแท้ๆ ของพี่ทอม

แมน : พี่คิดว่าพอมีเอคโคโน่เข้ามาทำทีมระดับเยาวชนแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมั้ยครับ คือทางสมาคมเขาตั้งนโยบายไว้ว่าอยากให้ทีมชาติแต่ละรุ่นต่อยอดไปด้วยกัน และเล่นในรูปแบบเดียวกันเหมือนที่ญี่ปุ่นหรือเยอรมันเป็น พี่คิดยังไงกับเรื่องนี้ มันเป็นไปได้มั้ย

มาสเซอร์ทอม : แต่ละโรงเรียนเขาก็มีรูปแบบของตัวเองกันหมดแหละ เรื่องนี้ต้องไปถามทางสมาคมดีกว่า แต่พี่มองว่าเด็กๆ สมัยนี้น่ะ มีศักยภาพมากพอที่จะจับเอาไปเล่นในแท็กติกต่างๆ ได้อยู่แล้ว อยู่ที่โค้ชของทีมชาติน่ะแหละว่าจะอธิบายเด็กได้รู้เรื่องหรือเปล่า 

แมน : รุ่น 14 ปีนี่ มีคนไหนที่พี่มองว่ามีแววจะขึ้นไปทีมชาติชุดใหญ่ได้ในอนาคตมั้ย

มาสเซอร์ทอม : พี่มองว่าได้ทุกคนครับ แต่ต้องดันขึ้นไปพร้อมๆ กันนะ ให้ติดทีละรุ่น 16, 19 เราต้องสนับสนุนและประคับประคองพวกเขาไปเรื่อยๆ 

แมน : มีใครที่อยากให้จับตามองเป็นพิเศษมั้ยครับ เอาสักคนสองคนก็ได้ ที่พี่มองว่าสุดจริงๆ 

มาสเซอร์ทอม : ถ้าพี่บอกให้จับตามองคนสองคน เด็กที่เหลือไม่น้อยใจพี่แย่เลยหรอ (หัวเราะ) จริงๆ ก็มีหลายคนเลยแหละครับ อย่าง ชนภัช บัวพันธ์ ก็ตัวสูงใหญ่ จริงๆ เขาเล่นเป็นกองหน้านะ แต่ตัวเซนเตอร์หลักเขาเจ็บ ทีมชาติก็เลยจับไปยืนเซ็นเตอร์ 

แมน : อ้าว เอากองหน้าไปยืนเซ็นเตอร์เนี่ยนะพี่

ชนภัช บัวพันธ์ กองหลังชุดยู-14 ที่ความสูงเกิน 180 ซม. ไปแล้ว

มาสเซอร์ทอม : เขาเล่นได้หลายตำแหน่งครับ มีอีกหลายคนนะ แบ็กขวา "เจ้าเก้า" อรรถพล แสงทอง, แบ็กซ้าย "เจ้าแน็ค" ภาคภูมิ ขุนคงมี, รักธรรม รัตนก้านตง กองกลางก็มี "เจ้าพรีม" สิทธา บุญหล้า ที่เป็นกัปตันทีมของชุดนี้ พวกตัวรุกก็มี มินฮาร์ท กาดีโรจน์, คคนะ คำยก, ธนวัฒน์ ศรีสวัสดิ์, อนุชา โสมณวัตร์

แมน : โห พี่จำชื่อนามสกุลเด็กพี่ได้หมดทุกคนเลย

มาสเซอร์ทอม : ใช่ เด็กชุดนี้พี่ค่อนข้างจะจำได้หมดทุกคนแหละครับ อ้อ ... พี่นึกออกแล้ว ถ้าน่าจับตามองเป็นพิเศษเลยก็เจ้าเฟมี่ กองหน้าลูกครึ่งไนจีเรีย ชื่อ โอลุวะเฟมี อนพัช โยเซฟ อาเซ่ ตอนนี้ก็สูง 185 เข้าไปแล้ว พี่ว่าเจ้านี่แหละความหวังของศูนย์หน้าทีมชาติไทยในอนาคตที่จะมาแทน ธีรศิลป์ แดงดา

แมน : นั่นชื่อคนเดียวใช่มั้ยครับ ชื่อยาวจนนึกว่า 2 คน ยาวอย่างกับท่อนฮุก 555 น้องไม่ได้ติดทีมชุดนี้นี่ครับ เขาถือสัญชาติไทยหรือเปล่าพี่

มาสเซอร์ทอม : คือพ่อเขาเป็นคนไนจีเรีย คิดว่าน่าจะได้สัญชาติไทยแล้วล่ะ พี่ยังงงเลยว่าทำไมไม่ติดชุดนี้ เพราะชุดก่อนๆ ก็เรียกมาตลอด 

"น้องเฟมี่" อนาคตความหวังศูนย์หน้าทีมชาติไทย

แมน : ได้ถามทางทีมชาติมั้ยครับว่าทำไมไม่เรียกไปติดชุดนี้

มาสเซอร์ทอม : ก็ถามนะ เขาบอกว่าเด็กมันซน 

แมน : คำว่าซนมันกว้างมากเลยนะครับ แล้วซนแบบไหนล่ะเนี่ยถึงหลุดออกไป

มาสเซอร์ทอม : ก็นั่นสิ จริงๆ เด็กมันก็ซนกันทุกคนแหละ แต่จะว่าเรื่องวินัยก็คงไม่ใช่ เพราะเด็กคนนี้วินัยดีมาก ขยันฝึกซ้อม แล้วก็เชื่อฟังคำสั่งสอนด้วย 

แมน : ตอนนี้อายุ 14 สูง 185 เลยหรอครับ โหแบบนี้ถ้าอายุซัก 20 นี่ไม่เฉียด 2 เมตรเลยหรอ

มาสเซอร์ทอม : มีสิทธิ์เหมือนกันนะ (หัวเราะ) ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เร่งเรื่องกล้ามเนื้อให้เขาเท่าไหร่ ปล่อยให้ความสูงขึ้นเต็มที่ไปก่อน 

แมน : สไตล์การเล่นแบบมุ้ยเลยหรือเปล่าครับ

มาสเซอร์ทอม : ก็ไม่เชิง แต่ครบเครื่องครับ ทั้งความสามารถเฉพาะตัว, การเลี้ยงบอล, ลูกโหม่ง, ลูกยิง มีหมด ไปแข่งที่ไหนก็เป็นดาวซัลโวแทบทุกรายการทั้งในและต่างประเทศ 

แมน : เด็กของอัสสัมธนฯนี่ทางเมืองทองฯเขามาจองตัวไว้บ้างหรือยังพี่

มาสเซอร์ทอม : เขาเซ็นสัญญาตั้งแต่คัดตัวติดเข้ามาเรียนแล้วครับ  

แมน : ฮะ! เมืองทองเซ็นไว้ทุกคนเลยหรอพี่

มาสเซอร์ทอม : จะมีเมืองทอง กับ ช้าง ครับที่เซ็นสัญญา แต่ส่วนใหญ่จะเซ็นกับช้างมากกว่าครับ อย่างวันศุกร์หน้าที่ 21 ก.ย. นี้พี่ก็ต้องไปอังกฤษ พาเด็กๆ รุ่น 13 ปีของเราที่ได้แชมป์รายการของช้าง ไปซ้อมที่เลสเตอร์แล้วก็ไปดูแข่งพรีเมียร์ลีกอะไรประมาณนี้ครับ

เด็กยู-13 ของอัสสัมธนฯ ครองแชมป์ช้าง จูเนียร์ คัพ เป็นสมัยที่ 3

แมน : พี่ทอมได้ไปดูทีมต่างประเทศซ้อมบ่อยๆ ได้เอามาวิธีการมาปรับใช้บ้างมั้ยครับ เขาซ้ัอมต่างจากที่บ้านเรายังไงบ้าง

มาสเซอร์ทอม : ก็มีบ้างนะ เด็กเขาซ้อมค่อนข้างจริงจังกว่าเรา คือซ้อมก็เหมือนแข่งจริงเลย และแทบไม่มีหยอกล้อพูดคุยกัน ของเราดูจะรีแล็กซ์มากกว่า 

แมน : ได้ไปดูทีมชุดใหญ่ซ้อมด้วยหรือเปล่าพี่

มาสเซอร์ทอม : ไม่ครับ ชุดใหญ่เขาไม่ให้ใครเข้าไปดูซ้อมเลย

แมน : คำถามสุดท้ายแล้วครับ พี่คิดยังไงกับการที่สมาคมจะบังคับให้อคาเดมี่ทั่วประเทศต้องลงทะเบียน แล้วโค้ชต้องมีไลเซนส์ให้ถูกต้อง จะมีผลอะไรกับวงการฟุตบอลบ้านเราบ้าง จะมีผลกับอัสสัมธนมั้ยครับ

มาสเซอร์ทอม : ไม่เกี่ยวนี่ คือคำว่าอคาเดมี่เนี่ย มันมีหลายประเภทนะ ส่วนใหญ่ในประเทศก็จะเป็นอคาเดมี่ที่เปิดมาเพื่อให้พ่อแม่เอาลูกมาสมัครเรียนแล้วเก็บตัง ไม่ได้ส่งไปแข่งขันหรีอฝึกต่อเนื่อง นอกจากนั้นก็มีอคาเดมี่แบบที่เป็นทีมโรงเรียนเพื่อส่งแข่ง หรือของสโมสรที่ปั้นขึ้นมาเพื่อเป็นนักเตะอาชีพ ทำให้ถูกต้องก็ดีนะ มันจะได้เป็นมาตรฐาน เด็กจะได้ฝึกกับโค้ชที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ 

แมน : ครับพี่ วันนี้ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมลงคอลัมน์แล้วจะแชร์มาให้พี่นะครับ

มาสเซอร์ทอม : ได้เลยครับ ขอบคุณครับ

ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์ กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)