ที่สุดแล้ว จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ก็คือคนที่ บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจเลือกให้มารับงานกุมบังเหียนแทน คาร์โล อันเชล็อตติ ที่โดนปลดออกไป
การคัมแบ็กกลับมาของ ไฮย์เกส เป็นคำรบที่ 4 นี้ ถือว่าผิดไปจากคาดการณ์ในตอนแรกไม่น้อย เพราะเดิมทีตอนปลด คาร์เล็ตโต้ ใหม่ๆ สื่อเยอรมัน เชื่อว่าไม่ โธมัส ทูเคิ่ล อดีตเทรนเนอร์ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่กำลังว่างงาน ก็น่าจะเป็น ยูเลียน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มไฟแรงของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่ถูกเลือก
แต่เมื่อกลายมาเป็น ไฮย์เกส ที่แม้จะเคยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับทีม ก็มีแฟนบอลบางกลุ่มที่มองว่า ‘คุณปู่’ น่าจะ out ไปแล้ว
ฝ่ายไม่เห็นด้วยวิจารณ์ว่าการมาของ ไฮย์เกส ว่าจะทำให้ บาเยิร์น ชะงักงันกับที่ ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน เพราะฟุตบอลในแบบของคนอายุ 72 มันคือวิธีการทำงานแบบเก่าอันจะทำให้ ‘เสือใต้’ โดนสโมสรจาก สเปน กับอังกฤษ แซงหน้า
ด้าน ไฮย์เกส เองซึ่งจะแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันจันทร์นี้ในช่วงสายๆ ก่อนคุมทีมลงซ้อมตอนบ่าย 3 โมงครึ่ง (เวลาเยอรมัน) ก็ยอมรับว่า 4 ปีเศษ ที่หันหลังให้วงการ เกมลูกหนังได้เปลี่ยนไปมาก ซึ่งเขาเองต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์อยู่ไม่น้อย ก่อนจะตัดสินใจรับงาน
ไฮย์เกส บอกว่าหากเป็นทีมอื่นๆเขาคงไม่รับ แต่นี่คือ บาเยิร์น มิวนิค การกลับมาทำงานครั้งนี้เหมือนเป็นการกลับมาทำหน้าที่แบบเพื่อน อีกทั้งที่ผ่านมาเขารู้สึกขอบคุณ บาเยิร์นในหลายๆอย่าง
แม้จะถูกวิจารณ์ และมองเห็นข้อเสียอยู่บ้าง แต่ทุกคนใน บาเยิร์น มิวนิค ต่างเชื่อมั่นว่านี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบันของสโมสร
สื่อดังอย่าง คิกเกอร์ มองในแง่บวก ด้วยการวิเคราะห์ว่า ประสบการณ์ของ ไฮย์เกส จะช่วยให้ ‘เสือใต้’ กลับคืนสู่ความมั่นใจได้อีกครั้ง ทำให้บรรยากาศในทีมที่เคยมีปัญหา โดยเฉพาะกับพวกแข้งรุ่นใหญ่ดีขึ้น
อีกทั้งพวกนักเตะสเปนและละตินก็ยังอุ่นใจได้อยู่เพราะ ‘ปู่จุ๊ปป์’ แก ‘habla espanol’ หรือ ‘พูดสเปนได้คล่องแคล่ว’ เพราะเคยมีประสบการณ์คุม เรอัล มาดริด กับ แอธ.บิลเบา รวม 3 สมัย
การสื่อสารจึงไม่ใช่ปัญหา เหมือนอย่างที่ใครหลายๆคนกังวลตอนมีข่าวลือจากฝั่งสเปนว่าประธานสโมสร อูลี่ เฮอเนส นัดกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนกับ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า แล้วได้รับการแนะนำให้เรียก หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาลองสัมภาษณ์งาน
ด้วยความสำเร็จระดับทริบเบิ้ลแชมป์ของ เอ็นรีเก้ นับว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ทว่าก็กังวลกันว่าอดีตกุนซือบาร์ซ่าจะมีปัญหาในการสื่อสาร เพราะไม่คล่องแคล่วภาษาอังกฤษ และพูดเยอรมันไม่ได้
แต่กับกรณีของ ไฮย์เกส นั้นอังกฤษ,เยอรมัน และสเปน 3 ภาษานี้ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา นอกจากแกนหลักเยอรมันแล้ว เขาสามารถพูดคุยกับนักเตะอย่าง ติอาโก้ อัลกานตาร่า,ฮาเมส โรดริเกซ และ อาร์ตูโร่ วิดาล อย่างไร้ปัญหา
ทั้งนี้เบื้องลึกการกลับมาของ ไฮย์เกส ที่ บาเยิร์น นั้น มีการพูดกันว่าเพราะสองผู้ยิ่งใหญ่ของสโมสรไม่สามารถหาจุดลงตัวได้
กล่าวคือ คนนี้คิดอย่าง แต่คนนั้นอยากได้อีกอย่าง
ครับ..ที่เอ่ยถึงนั้นหาใช่ใครอื่น ก็ อูลี่ เฮอเนส ประธานสโมสร กับ คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิเก้ ประธานบริหารและประธานบอร์ด นั่นเอง
สองคนนี้ระยะหลังความคิดเห็นชักแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันว่าตอน เฮอเนส ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ แล้ว รุมเมนิเก้ ตัดสินใจเลือก อันเชล็อตติ เข้ามาเป็นเทรนเนอร์คนใหม่แทน เป๊บ กวาร์ดิโอล่า นั้น ฝ่ายแรกรู้สึกมีความกังวลอย่างมาก
และเมื่อพ้นโทษกลับมาทำหน้าที่ประธานสโมสร เฮอเนส ก็มักจะวิจารณ์การทำงานของ อันเชล็อตติ อยู่เสมอ ขณะที่ รุมมิเนเก้ กลับให้ความสนิทสนมและชักชวนกุนซืออิตาเลี่ยนไปทานมือค่ำด้วยกันบ่อยๆ
มาครานี้ก็เช่นกัน เมื่อ อันเชล็อตติ หมดวาสนา ทั้ง เฮอเนส กับ รุมมิเนเก้ ก็ถึงคราวต้องมาฟาดฟันกันอีกครั้ง
อย่างที่เขียนถึงข้างต้นว่าตอนที่ยังไม่ได้แต่งตั้ง ไฮย์เกส นั้น สื่อค่อนข้างมั่นใจว่า บาเยิร์น มีเทรนเนอร์แค่สองคนเท่านั้นที่อยู่ในลิสต์คือ ทูเคิ่ล กับ นาเกลส์มันน์
แหล่งข่าวชี้ชักเจนว่า รุมมิเนเก้ นิยมชมชอบในตัวของ ทูเคิ่ล ขณะที่ เฮอเนส นั้นใครๆก็ดูออกว่าเชื่อมั่นในความสามารถและพรสวรรค์ของ นาเกลส์มันน์
เหตุนี้จึงเป็นที่จับตามองอย่างมากกว่าระหว่าง ทูเคิ่ล กับ นาเกลส์มันน์ ใครจะได้ขึ้นแท่นนายใหญ่ทัพ ‘เสือใต้’ เพราะนั่นหมายถึงการตัดสินว่ากำลังภายในของ เฮอเนส กับ รุมมิเนเก้ ใครปึ้กกว่ากัน
รุมมินิเก้ โทรไปหา ทูเคิ่ล เพื่อโน้มน้าวให้เขาเข้ามารับงานที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า แต่โชคดีเหลือเกินที่อดีตเทรนเนอร์ ‘เสือเหลือง’ ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งเชื่อว่าหาก ทูเคิ่ล เกิดตกปากรับคำขึ้นมา มีหวัง เฮอเนส เป็นได้ควันออกหูแน่ อาจด้วยเหตุเพราะ รุมมิเนเก้ พลาดกับการแต่งตั้ง อันเชล็อตติ มาครั้งนึงแล้ว
ท้ายที่สุด บาเยิร์น ก็เลือกไม่ได้ว่าควรแต่งตั้งใคร เพราะ เฮอเนส กับ รุมมิเนเก้ มีมุมมองที่ต่างเสียจนไม่อาจตกลงกันได้
น่าเสียดายที่ บาเยิร์น ไปพลาดท่าให้ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไล่ตามตีเสมอ 2-2 ทั้งที่ออกนำก่อนถึง 2-0 ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงไม่ต้องรีบร้อนควานหาเทรนเนอร์เช่นนี้ เพราะคงให้ วิลลี่ ซาญอล อดีตแบ็กขวาทีมชาติฝรั่งเศสของทีมคุมทัพไปพลางๆก่อน
แต่เมื่อ ซาญอล ทำไม่ได้ ขณะที่ เฮอเนส กับ รุมมิเนเก้ ก็ชั่งน้ำหนักไม่ได้ว่าจะเป็น ทูเคิ่ล หรือ นาเกลส์มันน์ ท้ายที่สุดจึงต้องผ่าทางตัน และนั่นคือเหตุผลที่ ไฮย์เกส ถูกดึงเข้ามาแก้ไขวิกฤตเบื้องต้นไปก่อน จนกว่าจะจบซีซั่น
เหตุผลเพราะ ไฮย์เกส สามารถเข้าได้กับทั้งสองฝ่าย มีประสบการณ์ รู้จักตื้นลึกหนาบาง บาเยิร์น เป็นอย่างดี มาแล้วไม่ต้องเสียเวลาปรับตัว สามารถเริ่มงานได้ทันที
แต่คำถามในอนาคตที่รออยู่ ยังไงก็ต้องหาคำตอบให้เด็ดขาดอยู่ดี ว่าเมื่อหมดวาระของ ไฮย์เกส หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ปี 2018 บาเยิร์น จะเอาใครมาคุมดี จะเป็น “ทูเคิ่ล หรือ นาเกลส์มันน์ ?”
ถ้าเป็นรายแรกก็สามารถเจราจากันได้ไม่ยาก เพราะว่างงานอยู่แล้ว ส่วนถ้าเป็นรายหลัง รั้นมีอ๊อปชั่นย้ายในปี 2019 เช่นนี้ บาเยิร์น อาจต้องจ่ายค่าเสียหายให้ ฮอฟเฟ่นไฮม์
เช่นนี้แล้วการที่เราเห็น ไฮย์เกส ก้าวเข้ามาสู่ทีมบาเยิร์น ณ เวลานี้บทบาทของเขาจึงไม่ใช่แค่กุนซือขัดตาทัพเท่านั้น หากแต่ยังเป็นจุดพักใจ เป็นจุดร่วมสงวนจุดต่างระหว่าง เฮอเนส กับ รุมมิเนเก้
แต่เมื่อใดที่ซัมเมอร์ปี 2018 มาถึง คอบอลเยอรมันคงได้ลุ้นกันสนุกแน่ว่า สงครามที่พักเอาไว้ เมื่อกลับมาใหม่ ใครจะเป็นผู้ชนะ ?
กุนซือของใครจะสามารถปลุกปรัชญา "Mia San Mia" ของ ‘เสือใต้’ ให้กลับคืนมา
นับเบอร์โฟว์
