:::     :::

ไฟสงครามสู่เส้นทางลูกหนังกับ "เซอร์ดาน ชากิรี่" (ตอนจบ)

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,483
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลับมาพอกับตอนจบของเรื่องราวชีวิตวัยเด็กของเซอร์ดาน ชากิรี่

(ความเดิมตอนที่แล้ว) 

"หลังจากนั้น เราก็บินกลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์ ผมไปโรงเรียนในวันจันทร์ ผมยังคงแกล้งทำเป็นป่วยนิดหน่อย คุณครูของผมพูดทันทีว่า -เซอร์ดาน มานี่หน่อย !!- จากนั้น คุณครูก็โบกมือให้ผม และดึงหนังสือพิมพ์ออกมาจากโต๊ะ เขาชี้ลงไปบนหนังสือพิมพ์ พร้อมกับบอกว่า -นายป่วยหรอ ?- หน้าหนังสือพิมพ์นั้น เป็นภาพที่ผมกำลังฉีกยิ้มอยู่ พร้อมกับถือรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์"

"ผมเริ่มตกเป็นที่สนใจมากขึ้น หลังจากจบรายการไนกี้ คัพ แต่เงินยังคงเป็นปัญหาที่แท้จริงของครอบครัวผม เพราะผมกับพี่เล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของเอฟซี บาเซิ่ล เมื่อใดก็ตามที่เราต้องจ่ายเงิน เพื่อเดินทางไปแข่งขัน หรืออะไรสักอย่าง มันเหมือนกับเราต้องจ่ายมันเป็น 3 เท่าตัวเลย เมื่อผมอายุ 16 ขวบ เราต้องจ่ายเงินเพื่อไปเก็บตัวที่ประเทศสเปน ราคามันราว 700 ฟรังค์สวิต พ่อของผมเดินเข้ามาหา พร้อมกับพูดว่า -เป็นไปไม่ได้เลย เราไม่มีเงินจ่ายสำหรับเรื่องนี้-"

"ผมกับพี่ชายเลยต้องออกไปทำงานพิเศษ เพื่อเป็นการหาเงินมาจ่าย ผมไปบริเวณใกล้เคียง พร้อมกับทำงานเป็นคนตัดหญ้าเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ส่วนพี่ชายก็คงทำงานตามโรงงาน เราหาเงินกัน และสุดท้ายก็ได้ไปเก็บตัวที่ประเทศสเปน ความกลัวของผมไม่ใช่การไปไม่ได้ แต่ความกลัวของผมคือ การที่เพื่อนร่วมทีมรู้ว่า เราไม่มีเงินจ่ายต่างหาก"

"คุณรู้มั้ย วิธีการที่เด็กๆพยายามหาความสุข โดยเฉพาะเมื่อคุณอายุได้ 16-17 ชวบ หลังจากการฝึกซ้อม เด็กทั้งหมดจะออกไปซื้ออาหารจากร้านค้า ผมกับพี่ชายไม่มีเงินจ่ายสำหรับเรื่องนั้น เราต้องหาข้ออ้าง และรีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที ผมคิดว่ามันช่วยสร้างแรงกระหายในอีกแนวทางหนึ่งนะ ผมอยากเล่นให้ดีที่สุด มันเป็นแบบนั้นเสมอมา"

"ปีต่อมา ขณะที่ผมอายุได้ 17 ปี ผมถูกเรียกตัวไปติดทีมชุดใหญ่ของเอฟซี บาเซิ่ล ผมถูกส่งลงไปเล่นช่วง 20 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ผมคิดว่าผมเล่นได้ดีนะ ผมกลับมาซ้อมในวันรุ่งขึ้น และโค้ชทีมเยาวชนก็บอกกับผมว่า -นายทำบ้าอะไรลงไป !!!- ผมไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ก่อนที่โค้ชจะบอกต่อว่า -ผมได้พูดกับผู้จัดการทีมแล้ว เขาบอกว่านายเอาแต่พยายามโชว์การเลี้ยงหลบ นายต้องกลับมาเล่นทีมสองเหมือนเดิม- ผมตกตะลึงไปเลย และคิดว่าเส้นทางของผมกับเอฟซี บาเซิ่ล น่าจะมาถึงจุดจบแล้ว"

"2 สัปดาห์ต่อมา ผู้จัดการทีมคนนั้นโดนไล่ออกจากตำแหน่ง ผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามา และเรียกผมไปติดทีมชุดใหญ่อีกครั้ง หลังจากนั้น ผมก็ติดทีมชุดใหญ่มาโดยตลอด มันเป็นเรื่องที่น่าตลกเหมือนกันนะ เพราะเขาจับผมลงไปเล่นเป็นแบ็คซ้าย คุณรู้อะไรมั้ย ผมเป็นคนที่ชอบสร้างสรรค์เกมบุกเป็นอย่างมาก ดังนั้น กองหลังจึงตะโกนใส่ผมตลอดเวลาว่า -นายลงมาหลังเลย กลับมาเดี๋ยวนี้ !!!-"

"ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี หนังสือพิมพ์พากันวิเคราะห์ว่า ผมอาจจะได้ไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 มันเป็นเรื่องที่บ้าเอามากๆ เมื่อผมมีชื่อติดทีมไปจริงๆ มันเป็นเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ผมตรงดิ่งกลับบ้าน เพื่อไปบอกเรื่องนี้กับพ่อ และแม่ พวกท่านมีความสุขกับผมไปด้วย"

"มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนที่ผมอายุ 16 ขวบ ผมยังเป็นเด็กตัดหญ้าอยู่เลย ผมไม่มีเงินไปซ้อมที่ประเทศสเปน ด้วยซ้ำไป !! จากนั้น ตอนที่ผมอายุ 18 ผมกลับได้นั่งเครื่องบินไปแข่งฟุตบอลโลกที่ประเทศแอฟริกาใต้"

"ผมจำได้ว่า เมื่อเราเล่นกับทีมชาติสเปน ผมเห็นอันเดรส อิเนียสต้า อยู่ตรงหน้า นี่คือคนที่ผมเฝ้ามองผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ เขาอยู่ต่อหน้าผมแล้ว ครั้งแรกที่เราเดินทางมาถึงประเทศแอฟริกาใต้ ที่โรงแรมจะมีทหารยืนคุ้มกันอยู่หน้าห้องด้วย ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสุดในโลก ผมหมายความว่า ผมได้มีกองทัพส่วนตัวคอยดูแล"

"สำหรับพ่อ และแม่ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าภูมิใจจริงๆ ที่ได้เห็นผมลงเล่นฟุตบอลโลก เพราะพวกท่านมาที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยที่ไม่มีอะไรเลย พวกท่านทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผมคิดว่าสื่อมักเข้าใจผิด สำหรับความรู้สึกของผมที่มีต่อทางสวิตเซอร์แลนด์ ผมคิดว่านี่คือบ้านหลังที่ 2 ของผมเลย ประเทศแห่งนี้มอบทุกอย่างให้กับครอบครัวของผม ผมจึงพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อเป็นการช่วยเหลือทีมชาติ อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่เคยหลงลืมโคโซโว ที่นั่นเป็นเหมือนบ้านของผมเช่นเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องของตรรกะ แต่เป็นเรื่องของความรู้สึก"

"ช่วงปี 2012 เราต้องโคจรมาพบกับแอลแบเนีย ผมใส่ธงแอลแบเนีย, โคโซโว และสวิตเซอร์แลนด์ ลงบนรองเท้าของตัวเอง หนังสือพิมพ์ในสวิตเซอร์แลนด์บางฉบับ กล่าวถึงผมในแง่ลบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการกระทำนี้ โดยท้ายที่สุด มันเป็นเพียงตัวตนของผม สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับสวิตเซอร์แลนด์ คือพวกเขาอ้าแขนต้อนรับคนที่อพยพหนีไฟสงคราม และความยากจน เพื่อมองหาชีวิตที่ดีขึ้น"

"สวิตเซอร์แลนด์ มีทะเลสาบ และภูเขา พวกเขายังมีสวนที่ให้ผมเล่นฟุตบอลกับคนอื่นที่เป็นชาวเติร์ก, เซิร์บส, แอลแบเนี่ยนส์ และแอฟริกันส์ โดยที่สวิตเซอร์แลนด์ คือชาติสำหรับทุกคนจริงๆ เมื่อผมก้าวขาลงสนามในศึกฟุตบอลโลก 2018 ผมมีทั้งธงของสวิตเซอร์แลนด์ และโคโซโว บนรองเท้าของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องของการเมือง หรืออะไรทำนองนั้น แต่ธงบ่งบอกเรื่องราวของชีวิตผม"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด