ความกลัวผุดขึ้นมาอยู่ในหัวของสาวกทีมชาติอาร์เจนตินาตั้งแต่ก่อนลงเตะชี้ชะตากับ เอกวาดอร์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเพราะทีมฟ้าขาวมีโอกาสปิ๋วจากศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียช่วงกลางปีหน้า
    ส่วนหนึ่งมาจากการทำผลงานกระท่อนกระแท่นโดยเฉพาะการเสมอทั้ง เวเนซุเอล่า กับ เปรู จากการลงเล่นในบ้านสองเกมล่าสุดทำให้ทีมของ ฮอร์เค่ ซามปาโอลี ต้องดิ้นรนเพื่อเข้ารอบจนถึงเกมสุดท้าย
    เหตุผลที่คนทำสาวกทีมฟ้าขาวกังวลยิ่งกว่านั้นคือสถิติการมาเยือนกรุงกีโต้ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,850 เมตรสร้างปัญหาให้นักเตะอาร์เจนไตน์เสมอ
    อาร์เจนตินา บุกมาชนะ เอกวาดอร์ ถึงกรุงกีโต้ครั้งล่าสุดเมื่อ 16 ปีก่อน จากนั้นทีมฟ้าขาวมาเดินทางมาเล่นที่นี่ 4 ครั้ง ทำสถิติแพ้ 2 เสมอ 2 ยิงได้เพียงลูกเดียวแต่เสียถึง 5 ประตู
    ทีมฟ้าขาวบุกมาคว้าชัยที่กรุงกีโต้ครั้งสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2001 จากผลงานของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน กับ เอร์นาน เกรสโป กดคนละดอกให้อาร์เจนตินาบุกซิวชัย 2-0
    คำว่า'ถิ่นอาถรรพ์'ของทัพฟ้าขาวผุดขึ้นมาทันทีที่อาร์เจนตินาสังเวยประตูอย่างรวดเร็วจากการโหม่งชงของ โรเบร์โต้ ออร์โดนเญซ ให้ โรมารีโอ อันเดรส อีบาร์ร่า หลุดเข้าไปยิงประตูนำ 1-0 ตั้งแต่ 38 วินาทีแรก
    แต่พระเจ้ายังยืนอยู่เคียงข้างทีมฟ้าขาวที่ส่ง ลิโอเนล เมสซี่ เกิดมาเป็นคนอาร์เจนไตน์ เมสซี่งัดฟอร์มเทพจัดเต็ม 3 ดอกนำอาร์เจนตินาพลิกกลับมาปล้น 3-1 คว้าตั๋วไปเดินทางไปรัสเซียสมความปรารถนา

    เมสซี่รู้ดีว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรจากสาวกทีมฟ้ขาวเกิดขึ้นที่อาร์เจนตินาบ้างหากพวกเขาพลาดตั๋วฟุตบอลโลก
    'มันเป็นความกลัวว่าจะตกรอบคัดเลือก นั่นคงเป็นเรื่องบ้ามากสำหรับอาร์เจนตินา, สำหรับเราและสำหรับทุกคน'เมสซี่ เปิดอก
    'เห็นชัดว่ามันมีความกลัว แต่วันนี้เรารู้ว่าจะเล่นอย่างไร'
    'มันเป็นความกลัวที่ช่วยเราได้ เราจะไม่ปล่อยให้พลาดเมื่อมีโอกาสอยู่ในมือเราเอง'
    กัปตันทีมวัย 30 ปีกล่าวถึงการพลาดท่าเสียประตูตั้งแต่ 38 วินาทีแรกของอาร์เจนตินาว่า'โชคดีที่เรามีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วหลังการทำประตูของเอกวาดอร์'
    'มันสำคัญมากที่เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียวในฐานะทีม ถ้าเราทุกคนร่วมมือกันมันก็จะง่ายขึ้น'
    'วันนี้เป็นวันที่มีความสำคัญมากสำหรับพวกเราทุกคน'
    'ขอขอบคุณทุกคนที่หนุนหลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นรอบคัดเลือกสองเกมนี้' เมสซี่กล่าว
    ลิโอเนล เมสซี่ ทำประตูแรกกับทีมชาติอาร์เจนตินาในเกมอุ่นเครื่องบนสังเวียน'เซนต์ จาค็อบ พาร์ค'ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมสซี่ยิงให้ทีมฟ้าขาวแซงนำ 2-1 ก่อนพลิกพ่าย โครเอเชีย 2-3 ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2006
    เมื่อนับถึงการทำแฮตทริกที่กรุงกีโต้เกมล่าสุดทำให้เมสซี่ทำยอดรวม 61 ประตูเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทัพ'อัลบีเซเลสเต้'
    เมสซี่ยังทำสถิติกระทุ้งรวมกัน 21 ประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ของรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้เทียบเท่า หลุยส์ ซัวเรซ ของอุรุกวัย กับ เอร์นาน เกรสโป อดีตกองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ขณะที่ มาร์เซโล่ ซาลาส กับ อีวาน ซาโมราโน่ อดีตสองกองหน้าดาวดังชิลีกดคนละ 18 กับ 17 ประตูตามลำดับ
    สื่อกีฬาทั่วโลกต่างเชิดชูผลงานของ ลิโอเนล เมสซี่ ว่าสร้างค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมมอบให้ชนชาวอาร์เจนไตน์ไม่ต่างจากอดีตฮีโร่คนก่อนอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า
    แม้กระทั่ง'โอ โกลโบ'สื่อบราซิลซึ่งเป็นคู่ปรับสำคัญของทีมฟ้าขาวยังยกให้เมสซี่เป็นผู้ช่วยชีวิตอาร์เจนตินา

    ขณะที่ ฮอร์เค่ ซามปาโอลี เทรนเนอร์ทีมชาติอาร์เจนตินายอมรับว่าทีมฟ้าขาวกรีฑาทัพผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลกช่วงกลางปีหน้าตามเป้าหมายมาจากฟอร์มเทพของเมสซีนั่นเอง
    'ผมบอกกับลูกทีมว่าเมสซี่ไมได้เป็นหนี้บุญคุณฟุตบอลโลก แต่เป็นทั้งวงการฟุตบอลที่เป็นหนี้เลโอที่สามารถเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกได้ต่างหาก'
    'เราร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคจนส่งเขาผ่านไปเล่นรอบสุดท้าย โชคดีแค่ไหน นักเตะทีมชาติที่ดีสุดของโลกเป็นคนอาร์เจนไตน์'
    'มันคงเป็นฟุตบอลโลกที่ไร้ความหมายมากหากนักเตะอย่างเมสซี่ไม่มีส่วนร่วม เขาคือนักเตะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ นับเป็นประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นมากที่ได้ทำงานร่วมกับเขา' 
    เมสซี่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในชีวิตค้าแข้งกับบาร์เซโลน่า แต่สิ่งที่ยังขาดหายไปคือความสำเร็จระดับนานาชาติกับทัพ'อัลบีเซเลสเต้'
    เขาผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาแล้ว 3 สมัยเมื่อปี 2006, 2010 กับ 2014
    ฟุตบอลโลกครั้งแรกของเมสซี่ที่เยอรมันสิ้นสุดลงเพียงรอบควอเตอร์ไฟนัลจากการดวลเป้าพ่ายเจ้าภาพ เยอรมัน 2-4 หลังเสมอกันในเวลาปกติ 1-1
    4 ปีต่อมาที่แอฟริกาใต้ เส้นทางของทัพ'อัลบีเซเลสเต้'ของเมสซี่ยุติลงที่รอบ 8 ทีมด้วยฝีเท้าเยอรมันซ้ำรอยเดิมเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ครั้งนี้ทีมอินทรีเหล็กยิงทัพฟ้าขาวขาดลอย 4-0
    ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่เมืองกาแฟ เมสซี่พร้อมพลพรรคฟ้าขาวไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ท้ายที่สุดผู้ชนะคือ เยอรมัน จากการยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษของ มาริโอ เกิตเซ่
    เมสซี่ ตกรอบฟุตบอลโลกทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมาเพราะเยอรมันเพียงเดียวเท่านั้น!!!
    ทัพ'อัลบีเซเลสเต้'ของเมสซี่ยังผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุุตบอลโกปา อเมริกา กับ ชิลี ตลอด 2 ครั้งล่าสุด แต่บทสรุปเหมือนกันทั้ง 2 หน นั่นคือ อาร์เจนตินา พ่ายการดวลจุดโทษ!!!
    ปี 2015 อาร์เจนตินา ดวลเป้าพ่ายเจ้าภาพ ชิลี 1-4 ส่วนปีถัดมาที่สหรัฐอเมริกา หนังม้วนเดิมถูกฉายซ้ำอีกครั้งหลังทีมชิเลโน่ดวลเป้าชนะทีมฟ้าชาว 4-2
    มันเป็นความผิดหวังแบบต่อเนื่องจนถึงขั้นเมสซี่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติหลังพลาดหวังในนัดชิงชนะเลิศรายการใหญ่ถึง 3 ปีติดต่อกัน ก่อนจะกลับใจมาเล่นเพื่อชาติอีกครั้ง
    'ตอนนี้เราทุกคนต้องการสิ่งเดียวกันคือสนุกไปกับการผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก'เมสซี่เปิดอก

    มันคงไม่ยุติธรรมสำหรับอาร์เจนตินาซึ่งพลาดหวังทั้งนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่บราซิล รวมถึงเกมชิงดำศึกโกปาสองครั้งล่าสุดจะไม่มีส่วนร่วมกับศึกฟุตบอลโลกกลางปีหน้า
    อย่างไรก็ตามซามปาโอลียังมีโอกาสปรับจูนให้ทัพ'อัลบีเซเลสเต้'ให้กลับมาเล่นแบบเข้าที่เข้าทางตามศักยภาพทีมหลังทัพฟ้าขาวยิงเพียง 19 ประตูจากการลงเล่นรอบคัดเลือก 18 เกม ซึ่งเป็นผลงานของเมสซี่ 7 ประตูและไม่มีผู้เล่นคนอื่นยิงได้มากกว่า 2 ประตูแม้แต่คนเดียว
    ขณะที่ บราซิล กับ อุรุกวัย ชาติอันดับ 1 กับ 2 ต่างกระทุ้งคู่แข่งรวมกันถึง 41 กับ 32 ประตูตามลำดับ
    ฟุตบอลโลกช่วงกลางปีหน้ายังเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติรายการสุดท้ายของ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ หลังดาวเตะวัย 33 ปีประกาศเลิกเล่นให้ทีมฟ้าขาวหลังเสร็จภารกิจที่เมืองหมีขาว
    มันอาจเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเมสซี่ด้วยเช่นกันเว้นเสียแต่ว่ากองหน้าดาวดังของทัพ'อัลบีเซเลสเต้'จะเล่นไปจนถึงทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ในปี 2022 ซึ่งเมสซี่จะมีอายุ 35 เท่านั้น