:::     :::

ในวันที่เกมรับไม่ดี เกมรุกต้องมา

วันอังคารที่ 22 มกราคม 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
5,660
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูลเกือบโดน "ของแสลง" อย่างคริสตัล พาเลซ ขัดขวางเส้นทางการลุ้นแชมป์อีกครั้ง แต่รอบนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
ในความทรงจำอันเลวร้าย ของแฟนๆ ลิเวอร์พูล นอกจากเหตุการณ์นัดที่กัปตันสตี เว่น  เจอร์ราร์ด พลาดท่า “ลื่น” ล้มแล้วโดนเดมบ้า บาฉกไปยิงจนพ่ายแพ้ไปในเกมนั้ น อีกเหตุการณ์นึงที่แฟนหงส์หลายๆ คนยังจำได้ไม่เคยลืม คือ เหตุการณ์ต่อเนื่องหลังจากนั้น ที่ลิเวอร์พูลต้องไปเจอกับคริ สตัล พาเลซ และออกนำไปก่อนในครึ่งแรกถึง 3-0 จนทำให้หลายๆ คนคิดว่านัดนี้จะได้ถล่มประตู เพื่อจะไปวัดประตูได้เสียทีหลั งกับทีมนำอย่างแมนฯ ซิตี้ แต่แล้วการที่ลิเวอร์พูลดั นเกมหมายจะบุกเอาประตูเพิ่มก็ ทำให้พวกเขาพลาดท่าและถูกตีเสมอ 3-3 ในท้ายที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ  ผมเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ยังอยู่ ในความทรงจำของเดอะ ค๊อปหลายๆ คน ไม่ลืม  จนเรียกได้ว่าคริสตัล พาเลซนี่คือ “ของแสลง” ของลิเวอร์พูลก็ว่าได้


          เกมนี้ก็เช่นกันครับ ก่อนเกมลิเวอร์พูลเองก็ค่อนข้ างมีปัญหาอยู่แล้วกับเรื่ องอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลัก โดยเฉพาะตำแหน่งแบ็กขวา ที่ต้องเอาเจมส์ มิลเนอร์ มาเล่นแทนเทรนท์ อาโนลด์ และโกเมซ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน และตรงจุดนี้เองครับ ที่เป็นจุดเปราะบางของลิเวอร์พู ลในนัดนี้ และคนที่มีประสบการณ์มาหลายสิ บปี อย่างปู่รอยนั้นเขามองออกทันที ว่านี่คือจุดที่เหมาะที่สุดแล้ว ที่เขาจะใช้โจมตีทีมจ่าฝู งในเกมนี้   เขาให้วินฟรีด  ซาฮา คอยป้วนเปี้ยนอยู่ในพื้นที่นี้ ตลอดเกม  และโจมทีไปที่เจมส์ มิลเนอร์เป็นหลัก  ซึ่งจากความสด และสภาพร่างกายนั้น แทบจะไม่มีทางเลยครับ ที่เจมส์ มิลเนอร์จะตามสปีดของซาฮาทัน ตลอดทั้งเกมส์เขาโดนซาฮาเผาจนไหม้เกรียม จนสุดท้ายก็ต้านทานไม่ไหว โดน 2 เหลือง ไปนั่งดูเพื่อนเล่นข้างสนามจนได้  ถึงตลอดทั้งเกมแม้ลิเวอร์พู ลจะครองเกมส์ได้ฝ่ายเดียว แต่พาเลซก็มีทีเด็ดมาโต้ตอบได้ เรื่อยๆ เสมอๆ แม้แต่ช่วงวินาทีสุดท้ายก็ยั งไม่วายมาโต้ตอบได้อีก เรียกได้ว่าตลอดทั้งเกมนั้นผู้ เล่นพาเลซปั่นป่วนลิเวอร์พูลได้ ตั้งแต่วินาทีแรกยันวินาทีสุดท้ ายเลยทีเดียว




          จากปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่ นตัวจริงของลิเวอร์พูลนั้น ส่งผลโดยรวมต่ อเกมของพวกเขามากกว่าที่คาดไว้ เยอะพอสมควร เพราะคนที่เข้ามาแทนนั้น ในแง่ของความสามารถ อาจจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ในแง่ของแท็กติก ต้องบอกว่าแทบจะทดแทนกันไม่ได้ เลย ไม่ว่าจะเป็นมิลเนอร์ หรือ มาตีปในตำแหน่งกองหลัง ที่การยืนตำแหน่งค่อนข้างพลาดบ่ อย เพราะจริงๆ แล้วความโดดเด่นของแผงหลังลิ เวอร์พูลอีกหนึ่งอย่าง คือการ “ดักล้ำหน้า” คู่แข่งด้วยนี่แหละครับ แต่เกมนี้พวกเขาแทบจะทำพลาดทั้ งเกมเลย และการสอดประสานงานกันในแผงรับ ก็ทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย จากแผงหลังที่เคยเป็นปราการเหล็ กวันนี้กลับดูสั่นคลอนอย่างไม่ น่าเชื่อ 


หรือในแดนกลางเองก็เช่นกัน  การเป็นตัวจริงของนาบี  เกอิต้า กลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะการนำเขาไปเล่นฝั่งซ้ ายแบบนี้ ทำให้เกมรุกฝั่งซ้ายที่เคยเป็ นอาวุธเด็ดของลิเวอร์พูล กลายเป็มอัมพาตไปเลย การประสานงานของเขากับโรเบิร์ ตสันทำได้ค่อนข้างแย่มาก และตำแหน่งนี้ดูไม่เหมาะกับเกอิ ต้าเอาเสียเลย เขาไม่มีความเร็วพอที่จะเล่นริ มเส้น และค่อนข้างเสียบอลง่ายมาก ทำให้กลายเป็นภาระของเพื่ อนมากกว่าประโยชน์ไปเสียอย่างนั้ น พูดแล้วก็น่าเห็นใจนะครับ เกอิต้า เวลานี้ เหมือนไม่เข้ากับระบบ 4-2-3-1 ของคล็อปป์เลย ถ้าจำกันได้ตอนช่วงซ้อมก่อนเปิดฤดูกาลกับช่วงเปิดฤดูกาล เกอิต้า โชว์ผลงานได้น่าติดตามมาก แต่นั่นคือในระบบ 4-3-3 ซึ่งให้อิสระเจ้าตัวในฐานะกองกลาง 3 คนมากกว่านี้ ดูท่าทางนี่จะเป็นงานช้างของเจอร์เก้น คล็อปป์อีก 1 อย่างไปเสียแล้ว ทีจะทำให้เกอิต้ากลับมามีความมั่ นใจ และปรับตัวเข้ากับระบบใหม่ของทีมเวลานี้ให้ได้ 
 




          แอนดี้ โรเบิร์ตสันเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เขาเชื่อว่าลิเวอร์พูลชุดนี้แข็งแกร่งและมี “จิตใจของผู้ชนะ” ในเกมนี้ก็เช่นกันครับ ในความไม่มั่นคงของลิเวอร์พูลในเกมนี้ พวกเขาก็เอาตัวรอดกลับมาได้จนได้ หลายๆ คนอาจจะบอกว่า “โชคช่วย” ซึ่งก็ไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใดครับ ในเกมนี้พวกเขามีโชคมาช่วยอย่างมาก อย่างในลูกแรกที่มาได้ในจังหวะที่เหมาะสมมาก ที่เปิดครึ่งหลังมาปุ๊ปพวกเขาใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 นาที ก็สามารถตีเสมอได้แล้ว จากการยิงของซาล่าห์ที่ได้จากการเก็บตกจากลูกยิงแฉลบของฟาน ไดจ์ค ลูกที่ 2 ที่มาจากลูกแฉลบของ ฟีร์มิโน่  และลูกประตูขึ้นนำ 3-2 จากการผิดพลาดของผู้รักษาประตูวัยดึกอย่าง สเปโรนี่ นี่แหละครับ ทีมที่ดีที่เราเห็นๆ กันมาตั้งแต่ในสมัยก่อนๆ มักจะมีโชคมีดวงแบบนี้มาช่วยเสมอ ในวันที่อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจกับทีมพวกเขาแบบนี้  แต่เมื่อก่อนนี้สิ่งเหล่านี้มันมักจะเกิดกับทีมอื่น แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วกับทีมลิเวอร์พูลครับ แม้แต่การเจอกับ "ของแสลง" อย่างคริสตัล พาเลซก็ตาม


          นัดนี้ต้องยอมรับจริงๆครับว่านี่คือเกมที่อึดอัดมากและอะไรหลายๆ ดูไม่เข้าทางเลยจริงๆ แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูลก็เอาตัวรอดมาได้และคว้า 3 คะแนนอันเป็นเป้าหมายสำคัญจนได้ครับ หลังจากนี้ลิเวอร์พูลจะได้พักเต็มๆ 11 วันเพราะไม่มีโปรแกรมเตะ FA cup ที่ชิงตกรอบไปแล้วนั่นเอง  และผมว่าการได้โอกาสหยุดพัก และได้ไปเข้าค่ายฝึกซ้อมที่ดูไบในช่วงเวลาแบบนี้ เป็นจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะพอดีมากๆ พวกเขาจะได้ไปทบทวนสติ หรือแผนการเล่นและได้ชาร์จแบตฯ ให้กับนักเตะที่กรำศึกหนักและฝ่าฟันความเครียดมาตลอดตั้งแต่ต้นซีซั่น  การไปดูไบรอบนี้ นอกจากจะหวังผลทางด้านสภาพร่างกายแล้ว เชื่อว่าเราจะได้เห็นจิตวิทยาของคล็อปป์และทีมงาน ในการใส่แรงจูงใจ แรงกระตุ้นให้กับบรรดาแข้งหงส์แดงให้โฟกัสกับการลุ้นแชมป์อย่างเดียวด้วย หวังว่าลิเวอร์พูลจะกลับมาพร้อมอีกครั้ง เพื่อการต่อสู้อันหนังหน่วงในช่วงโปรแกรมที่เหลือ เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาหวังไว้อีกครั้งครับ


อีกแค่ 15 เกมเท่านั้น เราก็จะได้รู้แล้วว่า รางวัลตอบแทนความพยายามของพวกเขา จะคืออะไร 




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด