จากที่เอ่ยถึงเจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำซีซั่นที่ผ่านมากันในตอนแรกไปแล้วที่มีลีกดังๆ อย่าง ลาลีกา สเปน, ลีกเอิง ฝรั่งเศส, บุนเดสลีกา เยอรมนี, พรีเมร่าลีกา โปรตุเกส เป็นต้น

มาต่อกันอีก 8 ลีกที่น่าสนใจว่ามีใครเป็นดาวซัลโวฤดูกาล 2018-19 กันบ้าง (ตอนจบ)

ในอดีต ดาวซัลโว เอเรดิวิซี่ ถูกจับจ้องจากทีมพรีเมียร์ลีกแทบทุกฤดูกาล นับตั้งแต่ รุด ฟาน นิสเตลรอย, มาเตย่า เคซมัน, เดิร์ค เค้าท์, หลุยส์ ซัวเรซ, วิลฟรีด โบนี่, เมมฟิส เดอปาย, วินเซนต์ ยานส์เซ่น จนมาถึงซีซั่นก่อน อาลีเรซ่า จาฮานบัคช์ และซีซั่นที่เพิ่งจบลงเป็นของ ลุค เดอ ย็อง กองหน้า พีเอสวี กับ ดูซาน ทาดิช กองกลาง อาแจ็กซ์ ที่ยิงกันไปคนละ 28 ประตูเท่ากัน แต่โอกาสที่ทั้งคู่จะย้ายทีมซัมเมอร์นี้มีน้อย เพราะรายแรกเคยล้มเหลวทั้งกับ มึนเช่นกลัดบัค และ นิวคาสเซิ่ล ขณะที่รายหลังเพิ่งย้ายมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ปีที่แล้ว

กลายเป็นซีซั่นขาขึ้นของดาวยิงเซเนกัล เจ้าของส่วนสูง 193 เซนติเมตร ที่ยิงกระจายกับ คาซิมปาซ่า ในช่วงครึ่งซีซั่นแรก 20 ประตูจาก 17 นัด จนถูก กาลาตาซาราย ทีมดังดึงตัวร่วมทีมในเดือนมกราคม และยิงไปอีก 10 ประตูจาก 11 เกม มีส่วนสำคัญในการพาต้นสังกัดใหม่เข้าป้ายแซง อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ คว้าแชมป์ซูเปอร์ลีก ตุรกี และกองหน้าวัย 27 ปี ก็จบซีซั่นที่ 30 ประตู ครองดาวซัลโวแบบทิ้งขาดคู่แข่งถึง 13 ลูก

แม้ฤดูกาลแรกของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ เรนเจอร์ส จะยังห่างชั้นจาก เซลติก พอสมควร แต่ เดอะ ไลท์บลูส์ ก็มี อัลเฟรโด้ โมเรโลส กองหน้าโคลอมเบีย เชิดหน้าชูตาด้วยการคว้าดาวซัลโว สกอตติช พรีเมียร์ชิพ จากการกดไปเบาๆ 18 ประตู หลังจากซีซั่น 2017-18 รับบทพระรองไปแล้ว โดยกองหน้าเลือดร้อนวัย 22 ปี เบียดชนะ แซม คอสโกรฟ ของ อเบอร์ดีน เพียงประตูเดียว

โคเปนเฮเก้น ทวงความยิ่งใหญ่คืนจาก มิดทิลลันด์ สำเร็จ กลายเป็นแชมป์ลีกหนที่ 3 ในรอบ 4 ปีหลังสุดด้วย และ โรเบิร์ต สคอฟ ปีกเนื้อหอมที่ถูกจับตามองจากบรรดาทีมใหญ่พรีเมียร์ลีก ก็คว้ารางวัลรองเท้าทองคำจากการตะบันไปถึง 27 ประตู เป็นดาวซัลโวที่ยิงได้มากที่สุดนับตั้งแต่ เอ็บเบ้ ซานด์ เคยทำเอาไว้ 28 ประตูในฤดูกาล 1997-98 โน่น! น่าแปลกที่ตัวรุกวัย 23 ปีจาก โคเปนเฮเก้น รายนี้ยังไม่เคยรับใช้ทีมชาติเดนมาร์กชุดใหญ่เลยแม้แต่เกมเดียว

อังกฤษ - ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมยัง, ซาดิโอ มาเน่,  โม ซาลาห์

ฤดูกาล 2017-18 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สร้างปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่เอาไว้ ด้วยการคว้ารางวัลโกลเด้นบูท จากการยิง 32 ประตู เป็นสถิติยิงมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ปรับมาเหลือ 20 ทีม (จาก 22 ทีม) และซีซั่นที่ผ่านมา แม้ ซาลาห์ ไม่อาจรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ แต่ 22 ประตูก็ยังส่งให้ครองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ เพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล และ ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมยัง ของ อาร์เซน่อล เพียงแต่ค่าเฉลี่ยดาวยิงอียิปต์เป็นรองอีกสองราย เพราะลงเล่นครบ 38 เกม

พีเอโอเค ล้มทีมใหญ่อย่าง โอลิมเปียกอส กับ เออีเค เอเธนส์ คว้าแชมป์ซูเปอร์ลีก กรีซ มาครองอย่างยิ่งใหญ่ เพราะเป็นแชมป์ไร้พ่ายที่ตลอด 30 นัด ชนะ 26 เสมอ 4 แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีนักเตะในทีมติดชาร์จดาวซัลโวเลย หลังจาก อเล็กซานดาร์ พริโยวิช หยุดการยิงเอาไว้ที่ 9 ประตู ก่อนย้ายทีมในช่วงกลางฤดูกาล ส่วนเจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำคือ เอฟทีมิส คูลูริส กองหน้าที่ยิงให้กับ อาโตรมิตอส ไป 19 ประตูจาก 28 เกม ที่ตลกคือเป็นการยืมตัวมาจาก พีเอโอเค ที่ก่อนหน้านี้ลงเล่นไป 4 ฤดูกาล ยิงแค่ 9 ประตู

ศูนย์หน้าตูนิเซียมาเข้าฟอร์มเก่งตอนแก่ คว้ารางวัลดาวซัลโว เบลเจียน เฟิร์สท์ ดิวิชั่น เอ สองฤดูกาลติดต่อกันแล้ว หลังไม่ประสบความสำเร็จที่ อันเดอร์เลชท์ จนถูกปล่อยตัวมา ซูลเต้ วาเรเกม กลางซีซั่น 2017-18 ยิงไป 19 ประตูจาก 15 เกมครองดาวซัลโว และซีซั่นที่เพิ่งจบลง ก็ยิงไปอีก 25 ประตู เป็นการสอยรางวัลรองเท้าทองคำสมัยที่ 3 หลังจากครั้งแรกทำได้กับ โลเคอเรน ซีซั่น 2013-14

การย้ายมา กัลโช่ เซเรีย อา ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำให้ใครๆ ต่างก็คิดว่ารางวัลดาวซัลโวประจำฤดูกาล 2018-19 ไม่น่าจะหนีไปจากดาวดังหมายเลข 7 ของ ยูเวนตุส แต่ที่ไหนได้ 'ซีอาร์7' กลับปืนฝืดในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง และจบซีซั่นที่ 21 ประตู เป็นอันดับ 4 ในชาร์ต, อันดับ 3 เป็นของ คริสตอฟ พิออนเท็ค ศูนย์หน้าที่ย้ายจาก เจนัว ไป มิลาน 22 ประตู, อันดับ 2 ดูวาน ซาปาต้า กองหน้าโคลอมเบียที่ยิง 23 ประตูพา อตาลันต้า ไปเล่นชปล. และเจ้าของรางวัล Capocannoniere เป็นของ ฟาบิโอ กวายาเรลล่า ศูนย์หน้าตัวเก๋าวัย 36 ปี ที่ยิงกระจาย 36 ประตูกับ ซามพ์โดเรีย ในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้ง