หากย้อนกลับไปในช่วงต้นซีซั่น 2018-19 คงไม่มีใครเชื่อว่าชื่อของ โอริกี้ จะกลายเป็นที่พูดถึงในฐานะ 'ฮีโร่' มากมายขนาดนี้

    นักเตะประเภทดาวยิงเบลเยียมจะรักษาความเป็นฮีโร่ของหงส์แดงโดยไม่คำนึงว่าเส้นทางอาชีพของพวกเขาจะเป็นไปในทิศทางไหน และพร้อมจะโผล่มาเสมอยามที่แฟนๆ ต้องการ

    กับฤดูกาลที่ผ่านมา โอริกี้ คือหนึ่งในฮีโร่ของทีม และนี่คือกลุ่มก้อนของแข้งฮีโร่รายอื่นๆ ที่ใครหลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้วในทุกวันนี้

อีกอร์ บิสคาน

    นี่คือคนที่สาวกเดอะ ค็อป ตั้งความหวังไว้สูงในตอนที่เจ้าตัวย้ายมาร่วมทีมใหม่ๆ

    ฉายา 'นิวโบบัน' ไม่ได้ใกล้เคียงกับฝีเท้าของดาวเตะโครแอตเลย กระทั่งฤดูกาลสุดท้ายของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ที่เป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็คว้าแชมป์ขณะที่ บิสคาน อยู่บนม้านั่งสำรอง

    ในตอนที่เขาก้าวเข้าสู่ทีม เชราร์ด อุลลิเย่ร์ ใช้งานเจ้าตัวเป็นระยะทั้งในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับ และเซนเตอร์แบ็ก แต่ก็กลับไปเป็นตัวสำรองจริงจังในยุคของ ราฟา เบนิเตซ

    บิสคาน มีส่วนร่วมทุกเกมของรอบน็อคเอาต์จนกรุยทางไปถึงอิสตันบูล แต่เขาก็เล่นรวมแค่ 4 นาทีเท่านั้นจากสองนัดที่พบกับ เลเวอร์คูเซ่น, ยูเวนตุส และ เชลซี

ติตี้ กามาร่า

    สถานะของกองหน้าทีมชาติกินีนั้นเป็นอะไรที่ยากต่อการอธิบายในฐานะฮีโร่

    เขาไม่ใช่นักเตะดีที่สุดของทีม แต่ก็ไม่ได้แย่ที่สุด เขาไม่ใช่คนธรรมดา ทว่าเป็นคนที่สามารถสร้างอิมแพ็คท์ และมีความสัมพันธ์กับแฟนๆ ที่ค่อนข้างดี

    ประตูชัยเหนือ อาร์เซน่อล และลูกยิงใส่ เวสต์แฮม ในอีกวันหลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตยังเป็นอะไรที่เดอะ ค็อป จำได้ไม่เคยลืม

ฟาบิโอ ออเรลิโอ

    หงส์แดงเคยอาจเคยมียอดแบ็กซ้ายมาแล้วในยุคพรีเมียร์ลีกก่อนหน้า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ถ้าหากว่าดาวเตะบราซิเลี่ยนฟิตเต็มถังเหมือนชาวบ้านชาวเมือง

    นี่คือราชาลูกนิ่ง และเป็นนักเตะที่ดีพอจะถูกดันไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ในบางโอกาส

    เขาอาจไม่ได้เด่นดังเท่ากับแบ็กซ้ายร่วมรุ่นของวงการลูกหนังบราซิล แต่ก็สามารถสร้างผลกระทบได้เยอะพอจะรับบทฮีโร่

    ฟรีคิกในนัดพบ เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเป็นที่กล่าวขานจนถึงทุกวันนี้

อันเดรีย ดอสเซน่า

    นี่คือแบ็กซ้ายที่ต้องบอกว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับวงการลูกหนังเมืองผู้ดี เขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับ ออเรลิโอ แต่ก็เป็นนักเตะที่สามารถพังประตูให้ทีมได้จากการพบสองยักษ์ใหญ่ภายในสัปดาห์เดียว

    10 มีนาคม 2009 - เรอัล มาดริด : เขาลงมาแทนที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส และเล่นเป็นตัวรุกริมเส้นด้านซ้าย โดยทำประตู 4-0 จากการชาร์จลูกเปิดของ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่

    14 มีนาคม 2009 - แมนฯ ยูไนเต็ด : ลูกเตะเปิดเกมของ โฆเซ่ เรน่า ข้ามแนวรับผีแดงอย่างพอเหมาะพอเจาะ และเขาก็กระดกบอลข้ามหัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าประตูไป

บรูซ กร็อบเบลาร์

    ต้นตำรับของสปาเก็ตตี้ เลกส์ ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจน เจอร์ซี่ ดูเด็ค ต้องนำมาใช้ในชุดแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกปี 2005

    นายทวารที่ได้ชื่อว่าเป็นมากกว่าผู้รักษาประตูเกิดในแอฟริกาใต้ แต่เขาเลือกรับใช้ทีมชาติซิมบับเว

    เขาคว้าแชมป์ลีกร่วมกับหงส์แดง 6 ครั้ง บวกกับถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย พร้อมสถิติลงเล่น 628 เกม

หลุยส์ การ์เซีย

    การ์เซีย ในเวลานั้นถือเป็นคนที่เข้าๆ ออกๆ ทีมอยู่เป็นประจำ บางทีเขาเก็เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในสนาม และบางครั้งเขาก็เป็นคนที่น่ารำคาญมากที่สุดในสนามเช่นกัน

    แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป เขาก็ได้รับการจดจำในฐานะฮีโร่ จากประตูในเกมพบ เชลซี ของแชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือก ปี 2005

    นอกจากนี้เขาก็ยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีเพลงเชียร์ของตัวเองซึ่งเป็นเอกลักษณ์ และนั่นยิ่งทำให้เขาเป็นที่้รักของเดอะ ค็อป มาจนถึงทุกวันนี้

ร็อบ โจนส์

    หาก ออเรลิโอ มีโอกาสเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล หากไม่มีอาการบาดเจ็บ อีกฟากหนึ่งของสนามก็คงจะเป็น ร็อบ โจนส์ นี่แหละ

    แม้เขาจะมีเส้นทางค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ที่ค่อนข้างสั้น แต่ก็ยังได้รับการยอมรับมาถึงทุกวันนี้ว่าเป็นหนึ่งในนักเตะดีที่สุดของสโมสรเท่าที่เคยมีมาในตำแหน่งแบ็กขวา

    หากเขาได้ลงเล่นมากกว่านี้ก็คงจะกลายเป็นตำนานของทีมไปแล้ว

    ช่วงเวลาของเขา โจนส์ เคยติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพีเอฟเอ 2 ครั้ง และคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย รวมถึงลีก คัพ อีกถ้วยด้วย

แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์

    คุณจะคาดหวังอะไรกับนักเตะรุ่นลายคราม เว้นเสียแต่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนที่ใช่สำหรับทีม

    มิดฟิลด์เลือดสกอตติชไม่เพียงแค่มีส่วนร่วมในสนาม แต่เขายังเป็นที่ปรึกษาชั้นครูให้กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จนก้าวมาเป็นหนึ่งในแข้งยอดเยี่ยมของโลก

    "เขาเป็นแรงบัลดาลใจของผม และช่วยให้ผมเติบโตเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมในสนาม" เจอร์ราร์ด กล่าวถึง 'บิ๊กแม็ค'

    "ดังนั้นผมจึงเป็นหนี้ แกรี่ แม็ค อย่างมาก"

เดิร์ค เค้าท์

    กองหน้าดัตช์ย้ายจาก เฟเยนูร์ด สู่ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2006 เขาวิ่งแบบไม่มีความเหน็ดเหนื่้อยจนแปรสภาพไปเป็นปีกในช่วงหลัง

    การย้ายสถานะไปเป็นตัวริมเส้นของ เค้าท์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคนที่ทำงานหนักเพื่อทีม แม้นั่นจะไม่ใช่ตำแหน่งที่ชอบหรือถนัดก็ตาม แต่เขาก็ยังคงมีส่วนกับประตูสำคัญของทีมอยู่ตลอด

    นี่คือตัวอย่างที่ดีสำหรับนักเตะทั้งในอดีต และปัจจุบันที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง

    ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เขายังคงได้รับความเคารพอย่างสูงจากสาวกหงส์แดงมาจนถึงทุกวันนี้

ยารี่ ลิตมาเน่น

    พ่อมดชาวฟินแลนด์ไม่ใช่นักเตะดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล แต่เขาเป็นหนึ่งในแข้งผู้ยิ่งใหญ่ที่มาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล

    ก่อนหน้าที่เขาจะย้ายมายังถิ่นแอนฟิลด์ ลิตตี้ ถือเป็นตำนานของ อาแจ็กซ์ และย้ายไปยัง บาร์เซโลน่า ในฐานะหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ยอดเยี่ยมที่สุดบนภาคพื้นยุโรป

    "มันเป็นความฝันของผมที่ได้เล่นให้กับลิเวอร์พูล" เขากล่าวขณะที่ย้ายมาสู่ทีม

    "ผมเชียร์พวกเขามาตั้งแต่เด็ก และก็เคยมีการพูดคุยเรื่องการย้ายทีมของผมมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว"

    แม้มันอาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมของเขาในการย้ายมาค้าแข้งกับหงส์แดงสักเท่าไหร่ เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ และความฟิต แต่เขาก็ดีใจที่ได้สวมเครื่องแบบของลิเวอร์พูล และแฟนๆ ก็เป็นปลื้มที่มีเขาอยู่ในทีม

เคร็ก จอห์นสตัน

    มิดฟิลด์ชาวออสเตรเลียเป็นที่รักของแฟนๆ ในช่วงเวลาของเขากับสโมสร และหลังจากนั้น

    กองกลางฮาร์ดแมนร่วมคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ กับทีมในปี 1984 และร่วมสนุกกับแชมป์ลีกปี 1985-86 ด้วย

    เขาประกาศแขวนสตั๊ดกับทีมในปี 1988 แต่ก็รีเทิร์นคืนถิ่นแอนฟิลด์อีกครั้งในปี 1989 เพื่อเข้าร่วมพิธีรำลึกโศกนาฏกรรมฮิลล์สโบโร่ โดยรวบรวมเงินจำนวนหลายพันปอนด์จากบ้านเกิดของเขาเข้าสมทบทุนช่วยเหลือ

    แม้จะได้รับความสนใจจากทีมอื่นหลังจากแยกทางกับ ลิเวอร์พูล แต่เขาก็เผยว่า "ผมจะไม่เล่นให้ทีมอื่นนอกจากลิเวอร์พูล หากมีทีมอื่นที่ผมจะไปเล่นด้วยนั่นก็คือทีมสำรองของลิเวอร์พูล!"