:::     :::

รับน้องสยองขวัญ!

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
4,781
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในที่สุดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็กลับมาเตะกันเป็นประจำแบบที่เราคุ้นเคยกันซักทีนะครับ และลิเวอร์พูลก็ได้เป็นคู่เปิดหัวเสียด้วยสิ

          แม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆ เสียหน่อย ที่ต้องมาเตะตั้งแต่วันศุกร์ แต่นั่นก็ทำให้เราดูทีมรักของเราได้เร็วขึ้นแหละครับ แม้จะเร็วกว่าแค่ 1 วันแต่ก็ถือว่าดีแล้วล่ะ เพราะผมเชื่อว่าแฟนๆ คิดถึงฟุตบอล คิดถึงลิเวอร์พูลใจจะขาดอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคู่ต่อสู้ในเกมเปิดฤดูกาลยังเป็นน้องใหม่อย่างนอริช ซิตี้ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเสียด้วย นั่นยิ่งทำให้แฟนๆ ลิเวอร์พูลค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่านัดนี้ลิเวอร์พูลจะประเดิมฤดูกาลได้อย่างสวยงาม



ห่างชั้น          


          เกมนี้นอริช ซิตี้นั้นมาแบบเซอร์ไพรซ์เหมือนกัน เมื่อพวกเขาไม่ได้มาแบบตั้งรับเหมือนทีมอื่นที่มักจะเลือกวิธีการอุดประตูไว้ก่อนเพื่อหวังผลเสมอหรือหวังโอกาสโต้กลับไปมากกว่า ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็ทำให้นักเตะลิเวอร์พูลเซอร์ไพรซ์และรวนไปพักใหญ่ๆ เหมือนกันแต่พอลิเวอร์พูลตั้งเกมได้ และได้ประตูออกนำเร็วจากการทำผิดพลาดทำเข้าประตูตัวเองของแกรนท์ ฮานลี่ย์ และอีกไม่นานก็มาได้ประตูฉีกหนีออกไปจากลูกชุลมุนหน้าปากประตูของฝั่งนอริชแล้วบอลไปเข้าทางฟีร์มีโน่ที่ใช้ไหวพริบสะกิดบอลให้ซาล่าห์หลุดไปยิงผ่านทิม ครูล เข้าไปอย่างเด็ดขาด พอได้ประตูนำ 2-0 แบบนี้ก็เหมือนกับว่าเกมนี้แทบจะอยู่ในมือของลิเวอร์พูลแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นเพราะนอริช เองก็เปิดเกมสู้แบบไม่มีอะไรจะเสียแล้ว และมีจังหวะโต้กลับและต่อบอลสวยๆ เหมือนกัน แต่นี่แหละความห่างชั้นของทีมใหญ่กับทีมระดับแชมป์เปี้ยนชิพ คือพวกเขาไม่มีความเด็ดขาดในจังหวะสุดท้ายเอาเสียเลย พอบุกแล้วไม่ได้ แล้วมาโดนลิเวอร์พูลหนีห่างไปอีกจากการโหม่งลูกเตะมุมของฟาน ไดค์ พวกเขาก็แทบจะช็อตไปเลย และสุดท้ายก็มาโดนอีกลูกจากลูกเปิดอันแม่นยำของเทรนท์ อาโนลด์ให้โอริกี้ หนีตัวประกบไปโหม่งง่ายๆ เลย ถึงตรงนี้คงต้องบอกว่า นอริช ยังต้องเรียนรู้และปรับตัวกับพรีเมียร์ลีกในชั่วโมงนี้อีกเยอะ เพราะ ณ ตอนนี้พรีเมียร์ลีก ยกระดับไปไกลกว่าเมื่อครั้งที่พวกเขาเคยใช้ชีวิตอยู่เมื่อ 3 ฤดูกาลก่อนเยอะมากทีเดียว







ข้อดีของการไม่ซื้อ   

          เรามักจะได้ยินเสมอว่าเมื่อทีมได้ผู้เล่นใหม่ๆ มาต้องใช้เวลาในการ “ปรับตัว” คือไม่ว่าจะเก่งมาจากไหน หรือค่าตัวแพงแค่ไหนก็ตามก็ต้องใช้เวลามาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ แท็กติกใหม่ๆ จากโค้ช และความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ๆ กันด้วยทั้งนั้นล่ะครับ แต่ลิเวอร์พูลนั้นข้ามขั้นตอนนั้นไปเลยครับ เพราะผู้เล่นที่มีอยู่หน้าเดิมล้วนๆ (ฮา) พวกเขาไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหากัน เพราะพวกเขาคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เรียกได้ว่า”มองตาก็รู้ใจ” หรือ “เห็นหน้าก็รู้ชื่อพ่อ” กันเลยทีเดียว (ฮา) และยิ่งกับทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์นั้นยิ่งต้องใช้เวลามากกว่ากุนซือคนอื่นเขาระยะเวลานึงเลยทีเดียว เห็นตัวอย่างง่ายๆ จาก ฟาบินโญ่ นี่แหละครับ มาตอนแรกๆ มิดฟิลด์ตัวรับบราซิลเลี่ยนผู้นี้ ดูเชื่องช้า และเล่นไม่เข้ากับเพื่อนเอาเสียเลย ทำให้บางทีต้องปรับแผนมาให้เข้ากับเจ้าตัวด้วยซ้ำ เพื่อที่จะให้เขาได้ลงสนามและสร้างความคุ้นเคยกับพรีเมียร์ลีกและแท็กติกของเจอร์เก้น คลอปป์ให้ได้ แต่ดูตอนนี้สิครับ ฟาบินโญ่ในตอนนี้กับช่วงที่มาเข้าทีมแรกๆ เล่นเหมือนเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว เขาดูเข้ากับเพื่อน และไม่เป็นภาระให้กับเพื่อนร่วมทีมอีกแล้ว แถมยังช่วยตัดบอลสวยๆ ให้กับทีมอย่างยอดเยี่ยมเอามากๆ ในเกมรุกก็เช่นเดียวกัน แนวรุกของลิเวอร์พูลตอนนี้เข้าขาและ “กลมกล่อม” เป็นอย่างมาก ถึงจะมีจังหวะที่โม ซาล่าห์ดูจะหวงบอลหรือบ้ายิงไปบ้าง แต่ต้องบอกว่าพวกเขาประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมเอามากๆ เลยทีเดียวล่ะ ถึงสร้างโอกาสต่อเกมได้มากมายอย่างที่เห็นใน 2 เกมล่าสุดนี้ล่ะครับ ในความเซ็งของแฟนบอลก็ยังมีข้อดีอยู่นะครับ




ดีทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว....


          เกมนี้ทุกอย่างเป็นของลิเวอร์พูลไปหมดแล้วตั้งแต่จบครึ่งแรกเลย ทำให้เราเห็นว่าครึ่งหลังนั้นลิเวอร์พูลผ่อนเกมลงไปค่อนข้างเยอะมาก แถมยังไม่ค่อยเน้นในเกมรุกมากมายอีกต่างหาก ถ้าสังเกตให้ดี คือ เพื่อนๆ ทุุกคนในแนวรุกพยายามปั้นฟีร์มีโน่ เป็นอย่างมาก .... มากกว่าที่จะเอาประตูที่ 5 เสียอีก ทำให้หลายๆ จังหวะหมูหกไปอย่างน่าเสียดาย ตรงนี้ถ้าซีเรียสๆ หน่อยอาจจะเป็นข้อตำหนิได้ครับ ว่าพวกเขาไม่จริงจังเอาเสียเลยแบบนี้จะสู้แมนฯ ซิตี้ได้เหรอ ? แต่ก็นี่แหละครับ ลิเวอร์พูล  นี่แหละครับทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ถึงพวกเขาจะไม่เด็ดขาดแบบที่เราเห็นแต่มันก็แสดงให้เห็นอีกมุมหนึ่งครับ ว่าพวกเขาคิดถึงกัน และทำเพื่อกันและกันมากขนาดไหน ทีมเวิร์กและทีมสปิริตของพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ทางด้านเทคนิกและตัวผู้เล่นลิเวอร์พูลอาจจะสู้แมนฯซิตี้ไม่ได้ แต่ในเรื่องทีมเวิร์ กและทีมสปิริต ลิเวอร์พูลไม่เป็นสองรองใครแน่นอนครับ และคล็อปป์เองก็เล็งเห็นตรงนี้และใช้จุดแข็งตรงนี้แหละครับ เป็นอาวุธที่จะสู้กับแมนฯซิตี้ในปีนี้ และจริงๆ ในวันนี้ทุกอย่างจะดีแล้วสวยงามไปหมดอยู่แล้ว เว้นเสียแต่อลิสซง เบ็คเกอร์มีอาการบาดเจ็บนี่ล่ะครับ ก็ต้องมาเช็คดูกันอีกทีว่าจะพักยาวแค่ไหน แต่ ณ เวลานี้ ที่ได้ข่าวมาคาดว่าอาการไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไร และพออลิสซงออกไปและได้เห็นฝีไม้ลายมือของอาเดรียนที่ลงมาแทน ก็ถือว่ายังพอฝากผีฝากไข้ได้อยู่พอสมควรนะ    

          ถึงตอนนี้นอริช และทีมน้องใหม่ที่ขึ้นมาคงจะรู้ซึ้งและต้องปรับเปลี่ยนแผนการยกใหญ่แล้วล่ะครับ เพราะว่าพรีเมียร์ลีกตอนนี้เต็มไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรด กันเต็มไปหมดและยิ่งในปีนี้การเรียกว่า “ท๊อป 6” อาจจะดูน้อยไปเสียด้วยซ้ำ เพราะทีมอย่างเอฟเวอร์ตัน  หรือ วูล์ฟ เองก็ยกระดับตัวเองมาได้อีกแล้ว และปีนี้จะเป็นปีที่พรีเมียร์ลีกสนุกมากๆ อีกปีหนึ่งแน่นอนครับ แต่ตอนนี้ขอนำไปก่อนไม่รอแล้วนะ ฮรี่ๆ
    

   



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด