ข้อดีกับการไม่มี ลิโอเนล เมสซี่
ทุกครั้งที่สตาร์หมายเลขหนึ่งของโลกรายนี้ได้รับบาดเจ็บ มันเหมือนกับแรงสั่นสะเทือนที่กระเพื่อมไปทั่วทั้งสโมสร
แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับนักเตะที่ต้องลงเล่นกว่า 50 เกมในแต่ละซีซั่น ไม่รวมเกมกับทีมชาติ ต่อให้ร่างกายแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องล้ากันบ้าง
การเปิดฉากฤดูกาลด้วยความพ่ายแพ้ทำให้เห็นว่าเขาคือคนที่ "เจ้าบุญทุ่ม" ขาดไม่ได้ แต่เกมที่สองกับชัยชนะอันสวยงาม น่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นถึงการรับมือของทีมกับการขาดหายไปของกัปตันทีมรายนี้
อาการบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ แต่หากมองในทางกลับกัน มันก็เหมือนกับการบอกให้ บาร์เซโลน่า ได้เตรียมตัวไว้หน่อย เพราะ เมสซี่ คงไม่ได้อยู่ค้าแข้งกับทีมอีกเป็น 10 ปีแน่
ข้อเสียก็มี แต่ข้อดีก็มีเช่นกันสำหรับการหายไปของ เมสซี่ ครั้งนี้ น่าจะช่วยให้ทีมได้ปรับเปลี่ยนและเรียนรู้ไปพร้อมกันในคราวเดียว
งดการพึ่งพา เมสซี่ ที่มากเกินไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลิโอเนล เมสซี่ คือนักเตะที่มีประสิทธิภาพทำลายล้างอย่างสูง และสามารถตัดสินผลการแข่งขันได้ด้วยตัวเอง
การมีสตาร์กัปตันทีมในสนามก็เหมือนกับ บาร์เซโลน่า มีแต้มต่อเหนือคู่แข่งไปแล้ว แน่นอนว่ายามมีบอลอยู่กับเท้า เขายังสามารถที่จะดึงผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเข้ามาหาอย่างน้อย 2-3 คนเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอีกด้วย
นี่ยังไม่รวมถึงกำลังใจอันมหาศาลที่ส่งต่อนักเตะ "อาซูลกราน่า"ทุกผู้ทุกคน การมี เมสซี่ อยู่ในสนามสร้างความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมให้กับทีม โดยเฉพาะในเกมรุกที่เขาเป็นจุดศูนย์กลางของทีมไปแล้ว
นักเตะทุกคนเมื่อได้บอลต้องมองหา เมสซี่ เป็นคนแรก แต่หลายครั้งยามที่ทีมไม่มียอดดาวเตะผู้นี้ในสนาม เหมือนมันขาดอะไรไปสักอย่าง เกมรุกไม่ไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น การขึ้นเกมไม่ง่ายเหมือนเดิม
เมสซี่ คอยหลอกหลอน บาร์เซโลน่า อยู่เสมอ
น่าแปลกที่ทีมที่เต็มไปด้วยยอดนักเตะอย่าง "เจ้าบุญทุ่ม" บ่อยครั้งกับมีปัญหาจากการขาดหายไปของนักเตะเพียงคนเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาพึ่งพา เมสซี่ มากเกินไปเหมือนกับว่าเอาทุกอย่างไปฝากไว้บนบ่าของเขา ซึ่งเขาก็เองรับผิดชอบได้อย่างดีเยี่ยม
ในวัย 32 ปีเส้นทางอาชีพที่เหลืออยู่ข้างหน้าก็ไม่ยาวนานแล้ว เพราะฉะนั้นมันอาจจะถึงเวลาที่ บาร์เซโลน่า ต้องจริงจังในการเล่นแบบไม่มี เมสซี่ ได้แล้ว
และในช่วงเวลานี้ที่ เมสซี่ บาดเจ็บ อาจจะเป็นโอกาสดีที่ บาร์เซโลน่า จะได้ค้นพบการเล่นในอีกรูปแบบกับการที่ไม่มียอดดาวยิงเบอร์หนึ่งของโลกรายนี้ก็เป็นได้
เปิดโอกาสให้ดาวดวงใหม่ได้เฉิดฉาย
แม้จะถูกยกย่องให้เป็น "มนุษย์ต่างดาว" จากฝีเท้าอันเอกอุ แต่ ลิโอเนล เมสซี่ ก็คือคน และคนที่เล่นกีฬาย่อมยากที่จะหลีกเลี่ยงจากอาการบาดเจ็บ
ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าค้าแข้งกับทีมมาตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพจนบัดนี้ก็เกินกว่าทศวรรษแล้ว ในวัยที่เกินเลข 3 ไปแล้วก็ใกล้ที่จะปลดระวางอยู่
เมื่อสภาพร่างกายพร้อมเต็มที่ การเล่นของ เมสซี่ ดูเหมือนง่ายไปหมด เขามีส่วนร่วมกับเกมของทีมตลอดเวลาด้วยสไตล์การเล่นเกมรุกของทีม แต่อาการบาดเจ็บในขณะนี้ (รวมถึง หลุยส์ ซัวเรซ และ อุสมาน เดมเบเล่) ช่วยเปิดทางให้แนวรุกดาวรุ่งมีโอกาสได้สัมผัสเกมและแสดงฝีเท้า
ในช่วงหลังไม่ค่อยได้เห็นเด็กจาก "ลา มาเซีย" ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมมากนัก แต่จากเกมล่าสุดเราได้เห็น อันซู ฟาตี เจ้าหนูวัย 16 ปีลงสนาม ถือเป็นนิมิตหมายอันดี รวมถึง การ์เลส เปเรซ ที่พังประตูแรกในสีเสื้อเจ้าบุญทุ่มได้สำเร็จในเกมล่าสุดกับ เรอัล เบติส
แน่นอนว่าหากเหล่าแนวรุกยังบาดเจ็บ เราคงได้เห็นเหล่านักเตะจาก "ลา มาเซีย" ได้ลงเล่นต่อไป และกับการเป็นอนาคตของสโมสร ยิ่งลงสัมผัสเกมมากเท่าไรยิ่งดี
การได้ซ้อมกับยอดนักเตะทั้งหลายอย่าง เมสซี่, ซัวเรซ, อองตวน กรีซมันน์ น่าจะทำให้พวกเขาซึมซับได้ยกระดับการเล่นขึ้นมาได้ดี และหวังว่าจะดีถึงขั้นยืนระยะอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้ยาวๆเหมือนอย่างที่ เมสซี่ ทำได้
ช่วยให้ อองตวน กรีซมันน์ ปรับตัวได้ง่ายขึ้น
การไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ ในเปิดสนามส่งผลให้ทีมลงเอยด้วยความพ่ายแพ้เลย
หลังคาดการณ์ว่าจะกลับมาในเกมที่สองกับ เรอัล เบติส แต่ก็พลาดไป ทว่านั่นทำให้ อองตวน กรีซมันน์ ได้เฉิดฉายอย่างเต็มที่
ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสได้รับการยกย่องว่าเป็นแข้งที่ดีที่สุดของทัพตราไก่ยุคนี้ และการย้ายมาค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นูย่อมเต็มไปด้วยความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลงานตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งกับ แอตเลติโก มาดริด ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม
ถึงเวลานี้เขาจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับทีมอย่างเร็วที่สุด และการไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ อยู่ในทีมตอนนี้ น่าจะทำให้เขาผ่อนคลายในการเล่นมากขึ้น และเป็นจุดศูนย์กลางในเกมรุกของทีม
ไม่ต้องสงสัยในเรื่องของฝีเท้า เรื่องที่เป็นกังวลก็คือเรื่องของการปรับตัวนั่นแหละว่าจะเป็นยังไง
จากผลงานในเกมล่าสุดกับ เรอัล เบติส น่าจะทำให้พออุ่นใจได้บ้างว่า กรีซมันน์ เริ่มฉายแววทำได้ดีและไม่ต้องรอนานกับการยิงประตูให้กับอาซูลกราน่า
การขาดหายไปของ เมสซี่ นี่แหละคงทำให้ กรีซมันน์ ได้โอกาสโชว์ฝีเท้าอย่างเต็มสูบเพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากทุกคนที่เกี่ยวของกับสโมสรแห่งนี้
ให้ เมสซี่ ได้พักและกลับพร้อมเต็มสูบอีกครั้ง
ห้ามป่วย ห้ามพัก อาจจะเป็นสิ่งที่ผู้เป็นกุนซือต้องการจากตัว ลิโอเนล เมสซี่ ที่ต้องกรำศึกหนักกับสโมสรในแต่ละฤดูกาลไม่ต่ำกว่า 50 เกม
นี่ยังไม่รวมถึงทีมชาติอาร์เจนติน่ายามที่มีทัวร์นาเม้นต์ใหญ่รออยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในรูปแบบของโทรฟี่ก็ตามที
หลังจากฤดูกาล 2018/19 อันยาวนาน, เมสซี่ ยังต้องเดินทางไปลุยศึกโกปา อเมริกาในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และลงเล่นเต็ม 90 นาทีทุกเกม หากไม่นับเกมชิงอันดับ 3 ที่โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม
แม้ว่าจะมีเวลาถึง 2 สัปดาห์ก่อนกลับเข้าร่วมแคมป์บาร์เซโลน่า แต่ข้อเท็จจิรงก็คือเขาไม่ได้พักอย่างเพียงพอมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว
แน่นอนว่าการพักอย่างเต็มที่คือส่วนสำคัญในการเค้นประสิทธิภาพออกมาแบบเต็มร้อย ซึ่งอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องดีของทีมและตัวนักเตะเองมากกว่า
เมสซี่ จะได้พักอย่างไม่ต้องห่วง ฟื้นฟูร่างกายให้เต็มที่ก่อนกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง และนั่นคงทำให้เขากลับมาคึกคักอีกครั้งและทำผลงานได้ดีหรืออาจจะดีขึ้นกว่าเดิมในปีนี้