:::     :::

หนังแอกชั่น ฟอร์มยักษ์!!!!

วันพฤหัสบดีที่ 03 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
4,357
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เชื่อว่าหลายๆ ท่านที่เป็นแฟนบอล นอกจากจะติดตามฟุตบอลแล้วก็น่าจะมีไม่น้อยที่ติดตามหนังหรือภาพยนตร์เหมือนกันนะครับ

          และน่าจะมีหลายๆ คนเช่นกันที่ชื่นชอบและถูกคอกับหนังแอกชั่น ประเภทยิงกันถล่มทลาย ระเบิดภูเขา เผากระท่อมอะไรพวกนั้น เกมเมื่อคืนนี้ก็เหมือนหนังแอกชั่นดีๆ ฟอร์มยักษ์เรื่องนึงยังไงยังงั้นเลยล่ะครับ เพราะทั้งสองทีมยิงกันถล่มทลายและสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมให้อย่างมากมายเลยทีเดียว


หน้าหนังไม่น่าสนใจ

          ถ้าเปรียบเทียบกัน คำว่า “หน้าหนัง” หรือพูดง่ายๆ ว่าโปสเตอร์ของหนังในเกมนี้นั้น ดูจะไม่น่าดูซักเท่าไรครับ ในที่นี้อาจจะเปรียบเทียบกันว่า ลิเวอร์พูลเป็นพระเอกก็ยังได้ ดูเผินๆ มันเหมือนกับว่าพระเอกนั้นเก่งกว่าผู้ร้ายแบบเห็นๆ ทางด้านผู้ร้ายนั่นก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาต่อสู้กับพระเอกได้เอาเสียเลย ทำให้หลายๆ คนที่คอยเชียร์ทีมฝั่งพระเอกอย่างลิเวอร์พูลเลือกที่จะมองข้ามเกมนี้ไป เพราะไม่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในเกมนี้ และ 3 คะแนนน่าจะเป็นของลิเวอร์พูลอย่างสบายๆ ไปเลยนี่แหละครับ ยิ่งทางด้านลิเวอร์พูลนั้นไปเพลี่ยงพล้ำมาในเกมแรก เกมนี้ได้เล่นกับทีมที่ต่ำชั้นกว่าอย่างซัลซ์บวร์กในบ้านตัวเองแบบนี้ พวกเขาเน้นแบบสุดๆ แน่นอน และพอเกมดำเนินมาไม่นาน พวกเขาก็ได้ประตูไปอย่างง่ายดายและใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีของเกมด้วยช้ำ  (อันนี้สารภาพส่วนตัวเลยว่า ดูประตูนี้สดๆ ไม่ทัน เพราะมัวแต่หาลิงค์อยู่ .... อยู่ๆ เวป DAZN พี่แกก็ถ่ายไม่ทุกคู่ซะอย่างนั้น เปิดไปก็เจอแต่คู่บาร์ซ่ากับอินเตอร์ เล่นเอาป่วนไปเลย จริงๆ ถ้าถ่ายแค่วันละคู่ก็น่าจะประชาสัมพันธ์กันหน่อยนะ ปล่อยให้งงกันไปตั้งนานเลย) และมาได้ประตูติดๆ กันอีก 2 ประตูจากการเล่นกันสวยงามเข้าขา รู้ใจกันของแชมป์เก่า ยิ่งโดยเฉพาะประตู 2-0 นี่ ต้องบอกว่าเป็นการเข้าทำที่สวยงามและแสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นของลิเวอร์พูลเอามากๆ พวกเขาเคาะบอลกันอยู่ข้างเดียวอยู่หลายจังหวะและสุดท้ายบอลก็ไปจบตรงที่เทรนท์ อาโนลด์ปาดเข้ากลางมาให้แอนดี้ โรเบิร์ตสันเข้าฮอสอย่างสวยงาม ส่วนประตูที่ 3 ก็เป็นการโชว์ทักษะและการประสานงานของแนวรุกของทีม พอเห็นแบบนี้ใครก็คิดแหละครับ ว่าเกมนี้มันจบแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่น่าสนุกเอาซะเลย เมื่อพระเอกยำฝ่ายผู้ร้ายอยู่ฝั่งเดียว ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย บางคนถึงกับปิดทีวีนอนไปเลยด้วยซ้ำ .... หารู้ไม่ว่าความมันส์กำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ต่างหาก 5555+


   
เกมพลิก ตัวร้ายสุดเซอร์ไพรซ์!!!   

          เหมือนว่าเกมนี้จะไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว และดูเหมือนว่าทางฝั่งแชมป์เก่าก็ดูท่าทางจะออกลูกประมาทให้เห็นกันเล็กๆ เหมือนกัน เมื่อตอนก่อนจบครึ่งแรก ซัลซ์บวร์กได้โต้กลับจากจังหวะที่เสียบอลกลางสนามของเฮนโด้ แต่จริงๆ ก็ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีอะไรเสียหายมากมาย แต่ซัลซ์บวร์กก็ใช้โอกาสที่พวกเขามีได้อย่างเฉียบขาดเมื่อพวกเขาต่อบอลกันจนทะลุไปถึงมุมกรอบ 6 หลา จริงๆ จังหวะนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเพราะว่ามีฟาน ไดค์คอยตามไปสกัดได้แล้ว แต่เจ้ากรรม ฮวาง ฮี-ชาน ตัวแสบดันล๊อกซะฟาน ไดค์เสียบสกัดวืดหมดราคาไปเลย แล้วมายิงเสียบเสาไกลไปอย่างสวยงาม ไล่มาห่างๆ ก่อนหมดครึ่งแรกไป  และพอกลับมาครึ่งหลัง เหมือนว่าพวกเขารู้แล้วว่าลิเวอร์พูลเองก็มีอาการประมาทหรือแกว่งให้เห็นเหมือนกัน พวกเขาเปิดเกมบุกใส่ลิเวอร์พูลทันที และไม่ว่าจะเป็นการประมาท หรือว่า การไม่คุ้นเคยกับคู่หูคนใหม่ (แต่หน้าเดิม) อย่างโจ โกเมสหรือยังไงไม่รู้ แต่เกมนี้ต้องยอมรับเลยว่าแผงหลังลิเวอร์พูล แกว่งและไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่าจริงๆ และนอกจากนี้ยังต้องชมซัลซ์บวร์กด้วยเหมือนกัน เมื่อพวกเขามีการเข้าทำที่หลากหลายและแม่นยำมาก และยังขยันวิ่งกันทุกคนเลยทีเดียว เล่นเอาแนวรับลิเวอร์พูลมึนงงกันไปพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะมาเสียประตู 2-3 จากการเล่นเร็วแล้วโยนเข้าไปให้กับ มินามิโนะ ที่เกมนี้เจ้าตัวเล่นได้โดดเด่นเหลือเกิน วอลเล่ย์เสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม เจอดอกนี้เข้าไปลิเวอร์พูลถึงกับงงกันทั้งทีม แม้แต่เจอร์เก้น คล็อปป์เองก็ยังยิ้มแหยๆ ประชดชีวิตกับจังหวะที่เสียประตูนี้ให้กับซัลซ์บวร์ก  และพอโดนประตูเข้าไปลิเวอร์พูลยิ่งเหมือนคนเมาหมัด ยิ่งเล่นยิ่งงง ยิ่งสับสน จนสุดท้ายมาโดนตีเสมอได้อย่างสุดช๊อคในอีกไม่กี่นาทีต่อมา จากมินามิโนะตัวแสบที่เกมนี้เผาฟาน ไดค์ให้เห็นกันหลายครั้งหลายหนเลย และในจังหวะของลูกเสียประตู 3-3 ก็เป็นเขาที่ผ่านบอลลอดขาฟาน ไดค์ไปให้กับ ฮาแลนด์ยิงโล่งๆ เข้าไป ทำให้ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างมันดูมึนงงสับสนไปหมด และเกมนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ก็ไม่มีใครรู้แล้วละ ถ้าเป็นหนังก็ต้องบอกว่าพีคสุดๆ จริงๆ 555




หนังแอกชั่น ก็คือหนังแอกชั่น !

          หลังจากที่โดนประตูตีเสมอเข้าไป ลิเวอร์พูลที่ดูเหมือนจะมึนงงและเสียขบวนไปพักใหญ่ๆ นั้น ก็เรียกสติตัวเองกลับมาได้และเริ่มกลับมามีสมาธิกับเกมนี้อีกครั้ง พวกเขาค่อยๆ กลับเข้าสู่เกมของตัวเองได้ และพวกเขาก็ใจเย็นและรู้สถานการณ์ดีว่าเกมนี้พวกเขายังไม่แพ้ มันยังมีเวลาให้แก้ตัวแบบเหลือเฟือ และยังมีความได้เปรียบที่ใหญ่หลวงอยู่อีกอย่าง คือ เกมนี้พวกเขาเล่นที่แอนฟิลด์บ้านของพวกเขาเอง นั่นทำให้พวกเขาเร่งเกมของตัวเองได้อีกครั้งและพลิกกลับมาขึ้นนำ 4-3 ได้อีกทีจากการประสานงานของ ฟีร์มีโน่กับ โม ซาล่าห์ และเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นพวกเขาที่กุมความได้เปรียบอีกครั้ง พวกเขาก็ยังคุมสติและกลับมามีสมาธิกับเกมได้ทันเวลาพอดี ซึ่งบอกตรงๆ เลยว่านี่ถ้าเป็นลิเวอร์พูลแบบสมัยก่อน เกมนี้พวกเขาน่าจะไหลไปตามกระแสของเกมและน่าจะแพ้คาบ้านไปแล้ว แต่ ณ ตอนนี้พวกเขานิ่งพอ และเติบโตจากเดิมเป็นอย่างมาก สิ่งที่เจอร์เก้น คล็อปป์พัฒนาทีมลิเวอร์พูลชุดนี้ขึ้นมาได้ไม่ใช่แค่เรื่องฝีเท้าอย่างเดียวครับ แต่คล็อปป์ยังปลูกฝังทัศนคติและเรื่องหัวจิตหัวใจลงไปในเซลล์ของผู้เล่นลิเวอร์พูลและน่าจะลามมาถึงแฟนบอลอีกด้วย ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม แต่สำหรับผมเอง ตอนที่ลิเวอร์พูลโดนยิงตีเสมอ 3-3 ผมไม่เคยคิดว่าลิเวอร์พูลจะจบลงด้วยสกอร์นี้หรือว่าแพ้เลยแม้แต่นิด ในหัวมีแต่ว่า “เดี๋ยวก็ยิงนำได้” นั่นแหละครับ เป็นสิ่งที่ยืนยันให้เห็นว่า ลิเวอร์พูลนั้นมาไกลมากจริงๆ ทั้งนักเตะและแฟนบอล

          ซึ่งก็เหมือนหนังแอกชั่นฟอร์มใหญ่ทั้งหลายแหล่ที่พวกเราชอบดูกันนั่นแหละครับ แม้จะตื่นเต้น หรือ ลุ้นระทึกแค่ไหน แต่ยังไงสุดท้ายแล้ว พระเอกก็เป็นฝ่ายชนะอยู่ดีแหละนะ  ฮรี่ๆๆๆ
    

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด