:::     :::

ไม่ฟื้น ...

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูลเพิ่งเสียท่าพ่ายแพ้วัตฟอร์ดมาอย่างหมดรูปเมื่อปลายสัปดาห์ล่าสุดด้วยสกอร์ที่ขาดลอย 3-0 ซึ่งนั่นก็ทำให้สถิติที่สวยงามที่ลิเวอร์พูลทำไว้หลายๆ อย่างหลุดลอยไปหมดสิ้น สิ่งที่เจอร์เก้น คล็อปป์น่าจะอยากให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดคือการหาชัยชนะสวยๆ ซักเกมเพื่อดึงโมเมนตั้มที่ดีกลับมาสู่ทีมอีกครั้งหนึ่งแต่โชคร้ายเหลือเกินที่พวกเขาต้องไปเยือนเชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซะงั้น จากปกติที่ก็น่าจะเป็นเกมยากอยู่แล้ว มาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ความยากยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวทีเดียวครับ




หงส์ก็ “เอานะ”

   

          แม้ว่าในรอบที่ผ่านๆ มาเจอร์เก้น คล็อปป์จะจัดทีมชุด 2 , ชุด 3 หรือแม้แต่ชุดเยาวชนก็เคยมาแล้ว แต่กับนัดนี้การจะปล่อยให้ทีมแพ้ๆ ติดๆ กันด้วยการจัดทีมชุดแบบนั้นไปสู้กับเชลซี ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไรนัก คล็อปป์จึงจัดเอาผู้เล่นชุดใหญ่ลงมาในสนามหลายคนเหมือนกัน ทั้งฟาน ไดค์ , โจ  โกเมส , โรเบิร์ตสัน , และซาดิโอ มาเน่ มาลงผสมอกับผู้เล่นชุดสองอย่าง ทาคุมิ มินามิโนะ , เคอร์ติส โจนส์ , อดัมส์ ลัลลาน่า , ฟาบินโญ่ , โอริกี้ , เนโก วิลเลี่ยมส์ และมีอาเดรียนเฝ้าเสา แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนว่าความมุ่งมั่นตั้งใจของทางฝั่งหงส์แดงในถ้วยเอฟ เอ คัพ นี้ จะไม่เท่าทางฝั่งเจ้าเลยแม้แต่นิด เชลซีนั้นจัดชุดใหญ่เต็มที่เพื่อที่จะมาปะทะกับลิเวอร์พูลในเกมนี้เลย เพราะนอกจากจะเป็นถ้วยที่พวกเขาพอจะจับต้องได้แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลที่เพิ่งจะโดนล้มแบบช๊อกโลกมาหมาดๆ แบบนี้ พวกเขามีโอกาสที่จะเอาชนะลิเวอร์พูลในเวลานี้ได้อย่างแน่นอน แฟรงค์ แลมพาร์ดจึงจััดชุดใหญ่มาอย่างเต็มที่ที่ตลกร้ายคือตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ต้องเรียกว่าเป็นมือ 2 ก็ได้ในตอนนี้ของเซลซี กลายเป็นเกปา อาร์ริซาบาลาก้าที่เป็นเจ้าของสถิติโลกในตำแหน่งนี้ไปซะงั้น (ฮา) จะมีก็แค่เจ้าหนูบิลลี่ กิลมัวร์เท่านั้นที่มาจากทีมชุดสอง ต้องยอมรับจริงๆ ว่านี่คือด่านที่หินสุดๆ ของลิเวอร์พูลถ้าต้องการจะผ่านเกมนี้ไปสู่รอบต่อไปให้ได้


 
ไม่แย่แต่ก็ไม่ดี   

          จริงๆ แล้วลิเวอร์พูลไม่ได้เล่นแย่อะไรเท่าไรนักหรอกครับ เพียงแต่คุณภาพของนักเตะที่ทั้งสองฝั่งนั้นมันก็มีช่องว่างที่ห่างกันในระดับนึง จริงอยู่ที่ลิเวอร์พูลนั้นเอาผู้เล่นจากชุดใหญ่ลงมาผสมกับชุดเด็กบ้างในเกมนี้ แต่ผู้เล่นชุดใหญ่ที่ว่าอาจจะเรียกได้ว่ามีเพียงฟาน ไดค์ , โรเบิร์ตสัน และมาเน่เท่านั้นที่สภาพดูพร้อมเล่นในเกมนี้มากกว่าคนอื่นที่เหลือ ผู้เล่นชุดใหญ่คนอื่น ส่วนใหญ่จะเป็นนักเตะที่นานๆ ได้ลงมาเล่นซักทีหรืออีกจำพวกคือนักเตะที่ขาดแมชต์ฟิสเนส อย่างเช่น โจ โกเมส และ ฟาบินโญ่ ซึ่งมันก็ส่งผลในเกมนี้อย่างชัดเจนครับ เมื่อประตูแรกที่พวกเขาเสีย มาจากการต่อบอลจากโกเมส ไปให้กับฟาบินโญ่แล้วเจ้าตัวจับบอลไม่อยู่กลายเป็นบอลเด้งไปเข้าทางวิลเลี่ยนตะบันเต็มแรงบอลพุ่งเข้าหาอาเดรียนแบบไม่ห่างตัวมาก แต่ด้วยความแรงของบอลและการยิงของวิลเลี่ยนที่ยิงลูกแบบไม่หมุนทำให้ลูกบอลส่ายจนทำให้อาเดรียนตั้งมือผิดและบอลปลิ้นเข้าประตูไป กลายเป็นประตูนำให้เจ้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็พยายามเปิดเกมสู้ และก็น่าจะได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ แต่ก็โดนเกปา เซฟแบบเหลือเชื่อ 3 ครั้งติดๆ จากจังหวะการระดมยิงของ ซาดิโอ มาเน่ ซ้ำด้วย ดิว็อค โอริกี้ และปิดท้ายด้วย เคอร์ติส โจนส์ ซึ่งก็เป็นตลกร้ายอย่างที่ผมบอกแหละครับที่เกมนี้ดันมาเจอกับเกปาพอดี ทั้งๆ ความจริงแล้วโกล์มือ 2 ของเชลซีควรจะเป็นวิลลี่ คาบาเยโร่ มากกว่า และนั่นทำให้ลิเวอร์พูลพลาดการได้ประตูตีเสมอไปอย่างเหลือเชื่อจริงๆ



ฟอร์มหล่นทั้งทีม.....   

          เวลาทีมฟอร์มตก .... บรรยากาศมันก็ดูแย่ไปหมดจริงๆ นะครับ ผู้เล่นชุดสองของลิเวอร์พูลที่ก่อนหน้านี้ดูจะมีศักยภาพที่พอจะทดแทนผู้เล่นชุดใหญ่ได้ ทั้งดิว๊อก โอริกี้ , เคอร์ติส โจนส์ , เนโก วิลเลี่ยมส์ หรือความหวังใหม่อย่างมินามิโนะ ดูจะฟอร์มตกไปพร้อมกับทีมไปด้วยเลย  มหาเทพโอริกี้ในเกมนี้ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย และบางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันกับตำแหน่งการยืนของเจ้าตัว ที่จริงๆ แล้วเขาเหมาะที่จะยืนเป็นหน้าเป้าตรงกลางมากกว่า แต่เจ้าตัวก็ชอบฉีกไปเล่นทางริมเส้นด้านซ้ายตลอด และทำอะไรขัดหูขัดตาไปหมดในเกมนี้ เจ้าหนูเนโก วิลเลี่ยมส์ วันนี้ก็ดูลนลาน ไม่นิ่งเอาเสียเลยทั้งจังหวะเกมรับที่ดูประสานงานกับโจ โกเมสได้แย่มากๆ ส่วนในเกมรุกก็รีบร้อนเกินไปในหลายจังหวะ บางจังหวะที่ทำมาสวยๆ แต่กลับเสียโอกาสไปง่ายๆ อยู่บ่อยครั้ง มินามิโนะเองก็ยังควานหาฟอร์มเก่งในตอนที่อยู่กับซัลซ์บวร์กไม่เจอเลย พัฒนาการในการเล่นของเขากับลิเวอร์พูลตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้แทบไม่กระเตื้องขึ้นเลย และดูเหมือนว่ายิ่งดูเขาเล่นมากเท่าไร ตำแหน่งในทีมกับเจ้าตัวกลายเป็นยิ่งมีช่องว่างห่างไปเรื่อยๆ ไปซะแล้ว และคนที่ฟอร์มหล่นจนน่าใจหายที่สุด ซึ่งหลายๆ คนก็คงจะเห็นเหมือนกันว่าคือ ฟาบินโญ่นี่แหละครับ ตั้งแต่เขาหายเจ็บกลับมาลงสนาม เจ้าตัวยังหาฟอร์มการเล่นของตัวเองก่อนเจ็บไม่เจอเลย ทำให้เกมนี้บอลของลิเวอร์พูลค่อนข้างช้ามาก และในแดนกลางเป็นรองเจ้าถิ่นอย่างชัดเจน  เกมลิเวอร์พูลเร่งไม่ขึ้นเอาเสียเลยจนกระทั่งมาเสียประตูที่สอง จากการลากจากแดนตัวเองของ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ลากหนี ฟาบินโญ่ ก่อนตะบันด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งผ่านมือ อาเดรียน เข้าไปอย่างเด็ดขาด ... พอเสียประตูนี้ไป ทุกๆ คนคงรู้ชะตากรรมแล้ว ว่าถ้วยเอฟเอ คัพได้หลุดลอยไปจากมือทีมลิเวอร์พูลแน่นอนแล้ว




หาจุดเปลี่ยนให้เจอ

          ถึงจะดูเลวร้ายจากการที่ลิเวอร์พูลแพ้คู่แข่ง 2 นัดติดเสียไป 5 ประตูแถมยังยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ทำให้ดูเหมือนจะเป็นวิกฤติเล็กๆ ของทีม แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ลิเวอร์พูลไม่ได้เสียหายอะไรมากมายนักหรอกครับ ในเกมลีกนั้นก็ต้องบอกว่าค่อนข้างโชคดีที่พวกเขาทำแต้มทิ้งห่างไว้ค่อนข้างเยอะ ทำให้การแพ้นั้นเป็นเรื่องของการเสียสถิติสวยๆ มากกว่าผลลัพพ์ที่ดูๆ แล้วไม่น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว ส่วนเอฟ เอ คัพ ที่เหมือนจะน่าเสียดายก็ตามแต่ในความเป็นจริงแล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ให้ความสำคัญกับถ้วยนี้น้อยกว่าเป้าหมายหลักอย่างพรีเมียร์ลีก กับ แชมเปี้ยนลีกส์ค่อนข้างเยอะพอสมควรจริงๆ ครับ นั่นทำให้ถึงแม้ว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลจะดูเหมือนทีมจะเป๋ๆ ไปก็ตาม แต่เพียงแค่เจอร์เก้น คล็อปป์หาจุดเปลี่ยนให้เจอและเร็วที่สุด ลิเวอร์พูลของเขาก็น่าจะกลับมาเข้าที่เข้าทางได้ไม่ยากนักหรอก เพราะมาตรฐานที่พวกเขาทำไว้ตั้งแต่เริ่มฤดูกาลมา มันสูงมากจนเกินกว่าจะมาพังเพราะสะดุดเพียงแค่นี้จริงๆ ขอเพียงแค่ตั้งลำ เก็บชัยชนะสวยๆ ได้ซัก 2 - 3 เกม พวกเขาก็น่าจะกลับมาโชว์ฟอร์มแกร่งเป็นลืิเวอร์พูลที่เรารู้จักอีกครั้งอย่างแน่นอน ......

เริิ่มจาก เกมกับบอร์นมัธ สุดสัปดาห์นี้เลยเป็นไงครับ ... หึหึหึ 

   


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด