จากวิกฤติโควิด-19 ที่เล่นงานแทบทุกสโมสรในเรื่องการเงิน เพราะขาดรายรับในช่วงที่เกมฟุตบอลถูกระงับ ตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้จึงถูกคาดหมายว่าจะซบเซา
แม้ทีมพรีเมียร์ลีกยังพอเอาตัวรอดไปได้บ้าง ในเรื่องการจ่ายเงินเดือนพนักงานตั้งแต่รากหญ้าไปจนถึงชั้นผู้บริหาร แต่ในเรื่องการเสริมทัพที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลนี่สิ! คือปัญหาที่ทุกสโมสรจะต้องเผชิญ
ว่ากันว่า นักเตะจากตลาดล่างอย่าง แชมเปี้ยนชิพ พอจะเป็นเป้าหมายที่จับต้องได้ เพราะค่าตัวที่ไม่สูงจนเกินไป ประกอบกับฝีเท้าก็ไม่ต่างจากพรีเมียร์ลีกมากนัก ยิ่งถ้าเฟ้นหากันดีๆ แล้ว อาจค้นพบช้างเผือกที่ฉายฟอร์มในเวทีลีกสูงสุดแบบใช้งานได้ทันทีด้วย
แมวมองของบรรดา 20 ทีมพรีเมียร์ลีกที่มีหน้าที่ดูแลลีกรอง จึงต้องทำงานหนักกันมากหน่อย เพื่อป้อนข้อมูลส่งต้นสังกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลงานนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา
และนี่คือส่วนหนึ่งของนักเตะจากแชมเปี้ยนชิพที่ถูกคัดสรรแล้วว่า 'ดีพอ' ที่จะเล่นในเวทีพรีเมียร์ลีกได้แบบสบายๆ แม้ไม่เคยสัมผัสหรือแจ้งเกิดในลีกสูงสุดมาก่อนก็ตาม
เบน ไวท์
ชื่อของ เบน ไวท์ แจ้งเกิดเต็มตัวกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ จนได้รับความสนใจจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก ที่ฟังแล้วแทบจะไม่เชื่อ เพราะมีทั้ง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แท้จริงแล้ว ไวท์ เซนเตอร์แบ็กในวัย 22 ปี อยู่ในสังกัดของ ไบรท์ตัน และมาจากศูนย์ฝึกเยาวชนของ เดอะ ซีกัลล์ส นั่นแหละ แต่ไม่ถูกเห็นแววจากกุนซือ แกรม พ็อทเทอร์ ที่ส่งกองหลังจากทีมชุดยู-23 ไปลุยแชมเปี้ยนชิพ
ถึงตอนนี้ สถานการณ์พลิกผันแล้ว แต่โชคดีที่ ไบรท์ตัน ทำประกันภัยเอาไว้ ด้วยการขยายสัญญากับ ไวท์ เพิ่มอีกหนึ่งปีไปสิ้นสุดในปี 2022 ก่อนปล่อยไป เอลแลนด์ โร้ด
เมื่อเห็นฟอร์มเช่นนี้แล้ว ไบรท์ตัน คงจะกันท่าทีมใหญ่เต็มที่ และจับ ไวท์ เข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่ลุยพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2020-21 (หากรอดตกชั้น)
ขณะเดียวกัน ลีดส์ ที่มีโอกาสเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกสูงมาก ก็คงอยากใช้งาน ไวท์ ต่อเช่นกัน
มาเตอุส เปเรร่า
มิดฟิลด์ตัวรุกกึ่งปีกชาวบราซิล กลายเป็นทีเด็ดในแดนหน้าของ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ฤดูกาลนี้ หลังเซ็นสัญญายืมตัวมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ตลอดฤดูกาล 2019-20
แม้ มาเตอุส แจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ สปอร์ติ้ง ไม่ได้ในซีซั่น 2015-16 และ 2016-17 แต่ก็เคยอยู่ในสายตาทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว ก่อนที่มิดฟิลด์แซมบ้าจะระเห็จไปเล่นกับ ชาเวส และ เนิร์นแบร์ก ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาลต่อๆ มา
จากฟอร์มในซีซั่นนี้ ทำให้หลายคนยกย่อง มาเตอุส ให้ไปถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ แชมเปี้ยนชิพ เลยด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกที่จะได้ข่าวมีทีมพรีเมียร์ลีกให้ความสนใจ
และการที่ เวสต์บรอมวิช จ่อเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกซีซั่นหน้า จึงมีโอกาสได้เห็น เดอะ แบ๊กกี้ส์ เจรจาซื้อขาดจาก สปอร์ติ้ง และนักเตะก็น่าจะอยู่ช่วยทีมต่อในลีกสูงสุดของอังกฤษครั้งแรกในชีวิต
จอห์น สวิฟท์
อดีตดาวรุ่ง เชลซี เมื่อหลายปีก่อน หนึ่งในนักเตะเยาวชนที่แจ้งเกิดในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่ได้ แต่ก็ไปฉายแววเด่นในลีกรอง จนกระทั่ง เร้ดดิ้ง มาคว้าไปร่วมทัพตั้งแต่ปี 2016
ด้วยบทบาทที่หลากหลายในแดนกลาง 'บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์' สไตล์ แฟร้งค์ แลมพาร์ด หรือจะจับเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก สไตล์ จอมทัพหมายเลข 10 สวิฟท์ ก็ทำได้หมด แถมยังรับเหมาลูกตั้งเตะทุกชนิดด้วย
และผลงานในซีซั่นนี้ที่ลงเล่นไปแล้วถึง 34 เกมรวมทุกรายการ (ก่อนหยุดชะงัก) ยิง 5 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ กลายเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่ดีที่สุดกับ เร้ดดิ้ง เลยก็ว่าได้
จึงมีแนวโน้มไม่น้อยที่จะได้เห็น สวิฟท์ ได้รับข้อเสนอลุยพรีเมียร์ลีก เพราะฝีเท้าระดับนี้เชื่อว่าจะสอบผ่านในเวทีสูงสุดได้แบบไม่ยากเย็น
โอลลี่ วัตกิ้นส์
จากบทบาทตัวรุกริมเส้นที่มีหน้าที่ป้อนบอลให้เพื่อนเสียเป็นส่วนใหญ่ พอถึงเวลาที่ เบรนท์ฟอร์ด ขายดาวยิงตัวเป้า นีล โมเปย์ ไปลุยพรีเมียร์ลีก จึงขยับเขยื้อนเอา วัตกิ้นส์ เข้ามายืนตรงกลาง ทำหน้าที่ทะลวงประตูแทน
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง 22 ประตูจาก 37 เกมในฤดูกาลนี้ ทำให้ชื่อของ โอลลี่ วัตกิ้นส์ เตะตาหลายทีมพรีเมียร์ลีกเข้าเต็มๆ ยิ่งเมื่อพิจารณาจากอายุที่เพิ่ง 23 ปี เล่นได้ทั้งริมเส้น และศูนย์หน้าตัวเป้า จึงเป็นตัวรุกที่มีความสารพัดประโยชน์มาก
และไม่น่าแปลกใจเลยที่ วัตกิ้นส์ อยู่ในโผลุ้นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ แชมเปี้ยนชิพ แถมยังมีลุ้นดาวซัลโวแข่งกับ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ของ ฟูแล่ม ด้วย
เวลานี้ ต้นสังกัด เบรนท์ฟอร์ด เกาะอยู่อันดับ 4 มีโอกาสผ่านเข้าไปลุ้นเลื่อนชั้นในรอบเพลย์ออฟสูงทีเดียว นั่นคือเป้าหมายสูงสุดที่ วัตกิ้นส์ หวังสัมผัสและแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกซีซั่นหน้า
แต่หาก เดอะ บีส์ อกหักอดเลื่อนชั้นในปีนี้ เชื่อว่า วัตกิ้นส์ ก็ยังมีโอกาสลุยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าอยู่ดี
แม็ตตี้ แคช
จากบทบาทปีกขวาในทีม น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ มาฤดูกาลนี้ แม็ตตี้ แคช ต้องถอยตัวเองลงไปเล่นแบ็กขวาบ่อยครั้งในยุคของกุนซือ ซาบรี ลามูชี่
เดิมที แคช เกือบก้าวขึ้นไปสัมผัสพรีเมียร์ลีกตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้ว เมื่อ เวสต์แฮม พยายามยื่นข้อเสนอขอซื้อในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
แม้ซีซั่นนี้ ดาวเตะวัย 22 ปี ต้องผันตัวเองจากตัวรุกไปเป็นตัวรับ แต่สถิติต่างๆ ที่ออกมาถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการเสียบสกัด การเคลียร์บอล และการตัดบอลที่น่าทึ่ง เมื่อรวมกับการเป็นปีกเดิม จึงกลายเป็นแบ็กขวาจอมบุกที่มีอาวุธครบมือ
นอกเหนือจากตัวเลขที่ถูกจดเป็นสถิติต่างๆ แล้ว ผลงานที่มองเห็นได้ชัดคือการมีส่วนร่วมกับประตูถึง 7 ลูกในฤดูกาลนี้ แยกออกเป็นยิง 3 ประตูกับ 4 แอสซิสต์
เชื่อว่าตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้ ไม่เพียงแค่ เวสต์แฮม ที่จะกลับมาทาบทาม แคช อีกครั้ง แต่จะมีอีกหลายสโมสรพรีเมียร์ลีกที่พร้อมทาบทามเช่นกัน ส่วนจะเอาไปเล่นปีกหรือแบ็ก นั่นก็อีกเรื่อง
โจ โรดอน
หลังตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในปี 2018 สวอนซี ก็ประสบปัญหาในการขาดแคลนเซนเตอร์แบ็ก เพราะดันปล่อยไปพร้อมๆ กันหลายคนก่อนเปิดซีซั่น ทำให้ต้องเรียกดาวรุ่งจากชุดเยาวชนนาม โจ โรดอน ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และไม่ใช่การเรียกติดทีมเฉยๆ แต่ยังจับเป็นตัวหลักในแนวรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลงานที่ออกมาถือว่าดีเกินคาด ในการจับคู่เซนเตอร์แบ็กกับ ไมค์ ฟาน เดอร์ ฮอร์น และถูก ไรอัน กิ๊กส์ กุนซือทีมชาติเวลส์ เรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2019
ด้วยสไตล์การเล่นที่ครองบอลกับเท้าได้ดี โรดอน จึงถูกนำไปเปรียบเทียบกับ จอห์น สโตนส์ เซนเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
และที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้น คือฤดูกาลนี้ โรดอน ได้รับความสนใจจากสองยักษ์ใหญ่เมืองแมนเชสเตอร์ ทั้ง ซิตี้ กับ ยูไนเต็ด และสองยักษ์กรุงลอนดอน อาร์เซน่อล กับ เชลซี ด้วย
จึงเป็นงานยากซะแล้วที่ สวอนซี จะรั้งตัว โรดอน เอาไว้ในฤดูกาลหน้า เว้นแต่ว่าจะแซงจบพื้นที่เพลย์ออฟ และชิงตั๋วเลื่อนชั้นสำเร็จ
*รอติดตามตอนสอง
