จะว่าไปสิงโตน้ำเงินครามนี่ก็น่าสงสาร เพราะไม่ว่าจะหันไปหาหรือสนใจก็โดนปัดหรือไม่ก็โดนตัดแบบเสียหน้า

ไทม์ไลน์ไล่ตั้งแต่ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน นั่นไง อาร์เซน่อล กับ เชลซี ตกลงต่าตัวได้เรียบร้อย พร้อมตกปากรับคำเป็นอย่างดี แต่พอถึงเวลาย้าย 'ดิ อ๊อกซ์' ดันเซย์โนไม่ไปสแตมฟอร์ด บริดจ์ เสียอย่างนั้น

ตามที่แหล่งข่าวระบุคือปีกทีมชาติอังกฤษรายนี้ไม่อยากไปเล่น 'วิงแบ็ก' ที่เชลซี ตามที่อันโตนิโอ คอนเต้ หวังจะให้เขาเป็น เหตุเพราะนั่นคือตำแหน่งที่อ๊อกซ์เลดไม่ชอบและไม่เคยคิดที่จะเล่นมาก่อนแต่อย่างใด

แม้ช่วงหลังในสีเสื้อปืนโตนักเตะจะลงสนามในตำแหน่งนั้นบ่อยและทำได้ดี แต่นั่นเหมือนกับเป็นเรื่องที่นักเตะขัดใจมาโดยตลอดและเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ไม่ยอมต่อสัญญากับทีมปืนใหญ่

สุดท้ายเป็น ลิเวอร์พูล ที่เดินหน้าเข้ามาทาบทามก่อนที่ดีลจะดำเนินไปด้วยดี และจบลงที่ 'ดิ อ๊อกซ์' กลายร่างเป็นหงส์แดงตัวใหม่ ซึ่งที่นั่นเขาจะได้โอกาสลงเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางให้กับทีม หรือบางครั้งหากปีกตัวจี๊ดของทีมไม่ว่างก็สามารถไปซัพพอร์ตจุดนั้นได้ทันที ... 

วิบากกรรมของสิงโตน้ำเงินครามยังไม่จบแค่นั้น ตกดึกของช่วงเส้นตายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เฟร์นานโด ยอเรนเต้ กำลังจะกลายเป็นแข้งใหม่เชลซี แต่ ... ดันเกิดการปล้นกลางอากาศ หรือภาษาฝรั่งที่เรียกว่า 'hijack'

สเปอร์ส คือกลุ่มผู้ก่อการร้ายคราวนี้ที่ตัดหน้าขโมยแนวรุกชาวสเปนไปครอง ชนิดที่แฟนเชลซีได้แต่ทำหน้างงๆ

ถือเป็นอีกหนึ่งดีลแสบสัน 

เรื่องนี้มีการแฉออกมาภายหลังโดยทาง เดลี่ เมล์ ที่ระบุว่า อันโตนิโอ คอนเต้ เองต่างหากที่วางมือจากยอเรนเต้ 

แต่แทนที่กุนซือรายนี้จะเดินหน้าล่าตัวแนวรุกเข้ามาเสริมดันกลับเพิกเฉยจนทำให้ สเปอร์ส สบช่องเข้ามาเจรจาและจ่ายในราคาที่น้อยกว่า เชลซี เสนอไปด้วยซ้ำ (อันนี้น่าเจ็บใจกว่า)

แนวรุกจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาของทีมแน่นอนเพราะตอนนี้เหลือใช้งานได้เพียง 2 คน อัลบาโร่ โมราต้า กับ มีชี่ บาตชูอายี่ เพราะทีมเพิ่งปล่อย โลอิก เรมี่ ออกไป และถึงจะมี เอแด็น อาซาร์ ที่เป็นหัวใจของทีม แต่สำหรับรายนี้ก็ไม่ใช่นักเตะประเภทโป้งเดียวจอดแบบที่ทีมต้องการ

ในกรณีของ ดีเอโก้ คอสต้า เราทราบกันดีว่าต่อให้ย้ายหรือไม่ย้าย ท้ายที่สุดแล้วแนวรุกหน้าแก่รายนี้คงไม่กลับมาลงสนามให้เชลซีอีกแน่นอน

แม้ว่าล่าสุด เชลซี จะใส่ชื่อหัวหอกรายนี้ส่งไปให้พรีเมียร์ลีกเพื่อยืนยันนักเตะที่จะใช้งาน แต่เชื่อเถอะว่ายังไงตอสต้าก็ไม่ยอมลงเล่น

ด้วยนิสัยยอมหักไม่ยอมงอ แถมได้รับการปฏิบัติแบบนี้ เชื่อขนมกินได้เลยยังไงระหว่าง คอนเต้ และ คอสต้า คงไม่มีวันร่วมงานกันได้อีกแน่นอน

คราวซวยของสิงบลูส์ยังไม่จบแค่นั้น ก่อนเส้นตายไม่กี่ชั่วโมงมีข่าวว่า รอสส์ บาร์คลี่ย์ กำลังจะกลายร่างเป็นนักเตะเชลซี

กองกลางเอฟเวอร์ตันเดินทางมาถึงลอนดอนพร้อมกับตรงดิ่งไปยังสถานที่ตรวจร่างกาย เพื่อเตรียมตัวก่อนจะเซ็นสัญญา

ทุกอย่างกำลังไปได้สวยและเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมาขัดขวาง แต่แล้วมันก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา

อยู่ดีๆ รอสส์ บาร์คลี่ย์ เปลี่ยนใจตนเองล้มเลิกการตรวจร่างกายกลางคัน และประกาศออกไปว่าไม่ขอย้ายไปเชลซีแล้ว และเดินทางกลับไปเอฟเวอร์ตันทันที (อารมณ์เหมือนกำลังจูงอีหนูขึ้นห้องแล้วเมียโทรมาตาามให้กลับบ้าน)

ทีแรกสื่อในอังกฤษระบุว่ากองกลางชาวอังกฤษรายนี้ยังคงหวังลึกๆว่า สเปอร์ส (อีกแล้ว) จะยื่นมือเข้ามาในนาทีสุดท้าย แต่มันก็ไม่เกิดขึ้นตามที่บาร์คลี่ย์หวัง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เชลซีหน้าชาไปพักหนึ่ง ก่อนจะได้สติรีบหันไปหา แดนนี่ ดริ้งค์วอเตอร์ ที่ต้องบอกว่าได้มาแบบเฉียดเส้นตายนิดเดียว

หรือจะรวมกรณีของ โรเมลู ลูกากู เข้าไปก็คงจะไม่เกินเลย (แม้แฟนเชลซีจะออกมาอ้างว่าไม่เคยสนใจอดีตกองหน้ารายนี้ของทีมก็ตาม)

ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาสิงโตน้ำเงินครามคือเต็ง 1 ที่จะได้ตัวลูกากู 

เชลซี กับ เอฟเวอร์ตัน เดินหน้าเจรจาปิดดีลของหอกรายนี้ แต่ติดอยู่ที่ว่า ทีมดังของลอนดอนไม่อยากจ่ายแพงตามที่ทีมทอฟฟี่เรียกมา ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุและเปิดช่องให้ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สบโอกาสตีท้ายครัวก่อนจะตัดหน้าสอยแนวรุกชาวเบลเยียมไปครอง

ในท้ายที่สุด เชลซี (ไม่ใช่คอนเต้ที่อยากได้) ที่ต้องหันไปหา อัลบาโร่ โมราต้า ที่ราคาถูกกว่าลูกากู (เพียงเล็กน้อย) แทน ... 

... ในอดีตแฟนๆคงจำได้ดีถึงดีลที่ เชลซี ดึงตัว อังเดร เชฟเชนโก้ มาสู่ทีม หรือการเดินหน้าสอย เฟร์นานโด ตอร์เรส ชนิดที่แฟนๆยังไม่อยากเชื่อ นอกจากนี้ยังมีกรณีของ แอชลี่ย์ โคล และ วิลเลี่ยน (รายนี้ตัดหน้าสเปอร์ส) แต่มาวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

จากที่เคยเป็นทีมมือเติบเดินหน้าสอยนักเตะแบบสบายๆและสามารถเกทับทุกทีมได้แบบไม่มีปัญหา แต่ซัมเมอร์นี้มันกลับกลายเป็นคนละเรื่อง

แม้จะมีข้ออ้างถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการซื้อขายนักเตะ แต่การที่ทีมพลาดนักเตะคนสำคัญตามที่ผู้จัดการทีมต้องการ คนที่จะถูกตำหนิและต่อว่าคงหนีไม่พ้นทีมงานผู้บริหาร

เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์เองว่านโยบายที่พวกเขานำมาใช้จะออกมาดีหรือไม่ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ การทำธุรกิจในช่วงซัมเมอร์นี้ของเชลซีถือว่าล้มเหลว

หากมันส่งผลถึงอนาคตโดยเฉพาะผลงานของทีมแล้วล่ะก็ เรื่องนี้ บรู๊ซ บัค, มารีน่า กรานอฟสคาย่า และ ไมเคิ่ล เอเมนาโล่ สามผู้บริหารของทีมคงต้องอธิบายกับ โรมัน อบราโมิช แบบยาวๆ 

ดีไม่ดีคนที่จะหัวหลุดจากบ่าเป็นคนแรกคงหนีไม่พ้นชายที่ชื่อ อันโตนิโอ คอนเต้ ...